
สภาฯ มีมติรับญัตติด่วนถกรับมือมาตรการภาษี 'ทรัมป์' แทนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ ‘ศิริกัญญา’ เชียร์ดันเพดานหนี้สาธารณะเพิ่มสู้วิกฤตเศรษฐกิจ ย้ำอย่ากู้ไปแจก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม
ภายหลังเข้าสู่ระเบียบวาระ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม (กธ.) นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายประมวล พงษ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายวรวิทย์ บารู สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ (ปช.) และนายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาให้สภาพิจารณาศึกษาผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศสหรัฐอเมริกา รวม 10 ญัตติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ญัตติด่วนนี้ มีการเสนอขึ้นมาแทนระเบียบวาระเรื่องที่ที่ประชุมเห็นชอบให้เลื่อนเรื่องพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ขึ้นมาพิจารณาก่อน
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวเสนอญัตติว่า น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นห่วงการเจรจาของรัฐบาลไทยกับสหรัฐฯ จะกระทบต่อเกษตรกร ที่ผ่านมารัฐบาลมักเอาสินค้าเกษตรเป็นเงื่อนไขเจรจา การให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศคู่ค้าอาจส่งผลต่อเกษตรกร ขอให้รัฐบาลคำนึงถึงผลกระทบต่อเกษตรกร คิดถึงหัวอกเกษตรกร เจรจาด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงรากเหง้าของประเทศให้เสียดุลมิติทางการเกษตรน้อยที่สุด
รวมถึงข้อเรียกร้องการอนุญาตให้นำเข้าสินค้าการเกษตรบางชนิดเข้าประเทศไทย อาจกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรไทยตกต่ำมากกว่าเดิม เราไม่ได้ค้าขายกับสหรัฐฯ ประเทศเดียว ซึ่งพรรค กธ.มี 4 ข้อเสนอคือ 1.อยากเห็นการเจรจาอย่างรัดกุมให้กระทบต่อเกษตรกรน้อยที่สุด 2.ให้รัฐบาลหาทางลดความเสี่ยง โดยหาประเทศคู่ค้าเพิ่ม ไม่ใช่สหรัฐฯอย่างเดียว 3.มีมาตรการรองรับสินค้าที่จะไหลทะลักจากยุโรปมายังเอเชีย และ 4.มีมาตรการเยียวยาเกษตรกรที่จะได้รับผลกระทบจากการเจรจาให้ดีที่สุด
@ชี้ไทยต้องรักษาสมดุลความสัมพันธ์ทั้งเมกา-จีน
ด้าน นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกาถึงมิติการเมืองระหว่างประเทศว่า เรามีพื้นฐานการดำเนินนโยบายระหว่างประเทศ คือ
1.ประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน เป็นกฎทองที่จะต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศ
2.ประเทศไทยเราโดยอภิปรายประเทศขนาดกลาง เราจึงจำเป็นต้องมีหลังพิง โดยการใช้กฎหมายระหว่างประเทศและกฎเกณฑ์กติการะหว่างประเทศ ที่ยึดกฎหมายเป็นหลัก ต้องยึดพหุภาคีนิยมมากกว่าการตัดสินใจแต่เพียงลำพัง
3.ความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจทั้งคู่ เราเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้ เราอยากจะรักทั้งสองคน เราต้องดำเนินนโยบายที่มีความสมดุลกับความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ ไม่มีใครมาบังคับประเทศไทยให้ต้องเลือกข้าง เราต้องดำเนินนโยบายแบบนี้ต่อไป ตนคิดว่า อ่อนนอกแข็งใน คือนโยบายการต่างประเทศของไทย
4.ประเทศไทยจำเป็นต้องเป็นผู้นำ ในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งในโลกอย่างแข็งขัน เปลี่ยนเราไม่เลือกข้าง แต่เราเป็นคนส่งเสริมตามบทบาทที่เราพึงเป็น
นายนพดล กล่าวถึงการดำเนินการของรัฐบาลภายหลังสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าว่า ตนชื่มชมนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างทันการและรอบคอบ ส่วนข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลเชื่องช้า สับสน ไม่รู้ใครจะเป็นคนไปเจรจา ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ล่าช้าในเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกาขึ้นมาแล้ว โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และข้าราชการ ผู้เชี่ยวชาญ เข้าร่วม และจากแนวทางที่รัฐบาล ระบุว่า จะใช้แนวทางที่รวดเร็ว และแม่นยำ ขอเสนอว่า ควรใช้นโยบายไม่ชักช้า รวดเร็ว และรอบคอบ เพราะควรดำเนินการเรื่องนี้อย่างเป็นเหตุเป็นผล มีชั้นเชิง ดำเนินการตามจังหวะจะโคน
"การเจรจาทั่วไป เราต้องรู้เขาและรู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ถ้าเรารู้เรา แล้วปล่อยให้เขามารู้ของเราด้วย หรือแบไต๋ รบร้อยครั้งก็แพ้ร้อยครั้ง หลายเรื่องซึ่งเป็นไพ่ในมือของรัฐบาล ไม่สามารถแถลงข่าวรายวัน หรือเสนอในโซเชียลมีเดียได้ และบางครั้งอาจทำให้ฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเห็นว่า รัฐบาลไม่มีแนวทาง หรือไม่มีการดำเนินการใดๆ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย ในฐานะที่เคยเป็นรัฐมนตรีและเคยเจรจาระหว่างประเทศมาแล้ว หลายเรื่องเราไม่สามารถเปิดเผยก่อนได้ จึงอยากขอความเป็นธรรมกับรัฐบาลว่า เราไม่ได้ต้องการปกปิดใดๆ" นายนพดล กล่าว
นายนพดล กล่าวอีกว่า สำหรับยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการเจรจา ไม่มีข้อกังวลในเรื่องนี้เลย และขอย้ำว่าการเจรจาไม่สามารถสำเร็จจได้ในวันเดียว เพราะต้องมีการเจรจาในหลายระดับ และต้องใช้เวลา ซึ่งมองว่า การเจรจาต้องวินวินทั้งสองฝ่าย หรืออย่างน้อยต้องไม่เสียหรือไม่ได้ทั้งหมด และต้องยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
@เชียร์ขยายเพดานหนี้ ย้ำอย่ากู้มาแจก
ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า การประกาศขึ้นกำแพงภาษีครั้งนี้ มีผลกระทบหนักสุดในรอบ 100 ปี หนักและรุนแรงกว่ายุคภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี 1930 ซึ่งการตอบโต้และการค้าไปมาทำให้เกิดผลกระทบกระจายเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบในระลอกอื่นๆ ที่จะตามมาจากการที่เราเข้าไปเป็นห่วงโซ่การผลิตทั่วโลก โดยเฉพาะเข้าไปเป็นซัพพายเซนของจีนที่เจอภาษีหนักที่สุดอยู่ที่อัตรา 104% ที่จะเริ่มในวันที่ 10 เมษายน เวลา 10.00 น.
อีกทั้ง ยังทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอลง กำลังซื้อที่น้อยลงอยู่แล้วก็จะน้อยลงอีก โดยสินค้าสำคัญที่จะได้รับผลกระทบ อาทิ อุปกรณ์รับส่งสัญญาณ ฮาร์ตดิสก์ไดรฟ์ ยางล้อรถยนต์ อุปกรณ์จ่ายไฟ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะผู้ส่งออกเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ แต่ยังรวมถึงแรงงานที่เสี่ยงจะถูกลดชั่วโมงทำงานหรือเลิกจ้าง โดยจะส่งผลกระทบมาที่ประเทศไทยแน่ๆ
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ฉะนั้น จึงมีข้อเสนอว่า 1.เราต้องทำให้การเจรจาให้โปร่งใส การที่รองนายกรัฐมนตรีจะไปพูดคุยกับเกษตรกรในสหรัฐฯ แต่อย่าลืมที่จะพูดคุยกับเกษตรกรในประเทศว่าจะเอาผลประโยชน์ของพวกเขาไปเจรจา 2.การผ่อนคลายการนำเข้าสินค้าโดยการลดภาษีเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค ถือเป็นปกติที่ต้องทำ ไม่น่าส่งผลอะไรกับการลดการเกินดุลกับสหรัฐฯ 3.มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีหลายตัวที่เป็นการบล็อกสินค้าบางตัวไม่ให้นำเข้า ในส่วนนั้นมีอะไรที่ต้องเปิดตลาดเพิ่มหรือไม่ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เป็นต้นหรือเอสเทอร์นอล 4.การตรวจสอบคัดกรองสินค้าเพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษี 5.หาโอกาสการลงทุนของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าไม้ตายที่หลายประเทศใช้กันคือการเข้าไปร่วมลงทุนในท่อก๊าซในอะแลสกา อยากสอบถามว่าประเด็นนี้จะเป็นประเด็นหนึ่งที่ใช้ในการเจรจา ได้มีการพูดคุยกับประเทศอื่นๆ ที่จะไปลงทุนในท่อก๊าซแล้วหรือไม่ และประเด็นอื่นๆ ที่หายไปจากการที่นายกรัฐมนตรีแถลงเมื่อวันที่ 8 เมษายน เช่นเครื่องบิน จะยังอยู่ในการเจรจาหรือไม่
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับไพ่ที่เรามีอยู่ในมือนั้นไม่ได้มหัศจรรย์เหมือนที่ทรัมป์ต้องการ แถมแต้มต่อที่เคยมีก็หายไปทุกวัน และปฏิเสธไม่ได้ว่ากระทบจากการที่เราส่งชาวอุยกูร์กลับไปประเทศจีน มันทำให้มิตรกลายเป็นอื่น
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่มีการแจ้งจับนักวิชาการสัญชาติสหรัฐฯ ด้วยข้อหามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพ์ฯ โดยไม่ให้มีการประกันตัวด้วย ซึ่งตนยังสงสัยอยู่ว่าเขาจะเจรจากับเราหลังจากมีเรื่องนี้หรือไม่ แต่เชื่อว่านายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คงจะเดินหน้านำข้อเสนอต่างๆ ของไทยไปเจรจาต่อรอง โดยจะเห็นผลในอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า และดุลการค้าจะเกิดขึ้นในอีก 10 ปี
ทั้งนี้ พรรค ปชน.เราไม่ได้ติดใจรัฐบาลที่ไม่ได้เร่งรีบเจรจาและใช้กลยุทธ์รอดูท่าที ทั้งที่ในหลายประเทศเริ่มมีการเจรจาเลยและกลับมาประกาศเตือนประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ฉะนั้น จึงขอเรียกร้องว่าสิ่งที่ต้องทำคู่ขนานไปกับการเจรจาคือการเยียวยา พยุง กระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ เพราะการเจรจายาวนานเท่าไหร่ก็ยิ่งกระทบกับปากท้องของประชาชนมากเท่านั้น และหากเลวร้ายที่สุดจีดีพีอาจจะโตเพิ่งแค่ 1% เท่านั้น แล้วรัฐบาลเตรียมที่จะรับมือในกรณีที่ฉุกเฉินไว้อย่างไรบ้าง เพราะในหลายประเทศก็ออกมาตรการเยียวมาแล้ว เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สเปน ออสเตรเลีย และไต้หวัน จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่าการเยียวยาเฉพาะหน้าเป็นเรื่องที่จำเป็นที่ต้องทำเร่งด่วน แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมออกมาจากภาครัฐ
“ด้วยจีดีพีที่โตต่ำเช่นนี้ ปัญหาเฉพาะหน้าใหญ่หลวง การลงทุนกำลังจะหยุดชะงัก การลงทุนหยุชะงัก คนกำลังตกงาน ต้องมีมาตรการฉุกเฉินเฉพาะหน้า ระยะกลาง ระยะยาว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไปในเวลาเดียวกัน ขณะนี้งบประมาณการคลังที่เหลืออยู่มีน้อยมาก หนี้สาธารณะใกล้ชนเพดาน เหลือพื้นที่กู้เพิ่มได้อีกในงบประมาณปี 2568 อีก 4-5แสนล้านบาท หากวิกฤตที่จะเผชิญในวันข้างหน้า ที่รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ถ้าต้องขยายกรอบเพดานหนี้สาธารณะ เพื่อกู้เงินเพิ่ม สภาฯ ยินดีสนับสนุน ถ้าไม่ได้กู้เพื่อไปแจกเงินอย่างสะเปะสะปะ ถ้ามีแผนชัดเจนเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศ ให้กู้เลยเพื่อนำงบมาเยียวยาภาคอุตสาหกรรม แรงงาน ไปปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มความสามารถแข่งขัน กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน ขออย่างเดียวอย่ากู้ไปแจกเพื่อเทน้ำลงบ่อทราย ตีเช็กเปล่าให้ตัวเอง หรือกู้โดยไม่มีแผนที่ชัดเจน วันนี้วิกฤตใหญ่หลวง ทั้งลึกและกว้าง กินเวลายาวนาน เราต้องจับมือไปก้าวข้ามไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขอให้ใช้โอกาสนี้ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา