
‘ธปท.’ ชี้แนวทางแก้ปัญหา ‘เชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ’ ต้องเร่ง 'ปฏิรูปกฎหมายล้าสมัย-ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม' ระบุปี 68 ให้ความสำคัญดููแล ‘ประชาชนฐานราก’
......................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานประจำปี ธปท. ปี 2567 โดยรายงานฯฉบับดังกล่าว ระบุตอนหนึ่งว่า ปี 2567 เป็นปีแรกในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ธปท. ฉบับใหม่ ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2567-2569) โดยมีโจทย์ที่ ธปท.ให้ความสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ 1.เศรษฐกิจไทยยืดหยุ่นทนทาน (resilient) ต่อความท้าทายในระยะข้างหน้า 2.ครัวเรือนมีภูมิคุ้มกันต่อปัญหาหนี้และภัยทุจริตทางการเงิน
3.ภาคการเงินช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจให้เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม 4.ยกระดับการเข้าถึงบริการและการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินดิจิทัล และ 5.พนักงานมีศักยภาพพร้อมขับเคลื่อนภารกิจในระยะข้างหน้าได้สำเร็จ
ก่อนหน้านี้ ธปท.จัดทำแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (พ.ศ.2567-2569) โดยมุ่งเน้นไปใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.เสริมสร้างความยืดหยุ่นทนทานแก่เศรษฐกิจ (shifting focus to resiliency) 2.ยกระดับศักยภาพขององค์กร (transforming) และ 3.เปิดกว้าง เรียนรู้รับฟัง และประสานความร่วมมือกับภายนอก (open & engaged))
รายงานฉบับนี้ ระบุต่อไปว่า สำหรับโจทย์ในอนาคตของ ธปท. นั้น ในช่วงปี 2568-2569 ธปท. ยังคงเน้นการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ ธปท. ให้เห็นผล เนื่องจากหลายนโยบายของ ธปท. เป็นนโยบายเชิงโครงสร้างที่จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาในการผลักดันให้สำเร็จ ท่ามกลางความท้าทายในระยะข้างหน้า ทั้งความท้าทายจากปัจจัยภายนอกและภายในองค์กร
ทั้งนี้ ความท้าทายจากปัจจัยภายนอกนั้น บางเรื่องมีความเข้มข้นหรือชัดเจนขึ้น เช่น เรื่องภูมิรัฐศาสตร์โลก และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับโอกาสและความเสี่่ยง โดยเฉพาะ AI ขณะที่บางเรื่องมีความยืดเยื้อ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือน สะท้อนว่า ธปท. ต้องเร่งขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นทนทานให้กับระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศต่อไป
ในปี 2568 ธปท. ยังคงให้ความสำคัญกับการดููแลปัญหาประชาชนฐานราก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีปัญหาหนี้ครัวเรือน และประชาชนทั่วไปที่กำลังเผชิญกับปัญหาภัยทุจริตทางการเงิน การเสริมรากฐานภาคการเงิน เพื่อช่วยให้ประชาชนและ SMEs เข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้นและดีขึ้น และพัฒนาระบบการชำระเงินของประเทศให้สามารถรองรับความเสี่ยงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก
นอกจากนี้ ธปท.ยังมุ่งยกระดับศักยภาพองค์กร โดยพัฒนาบุคลากรให้พร้อมสำหรับการทำงานในโลกใหม่ นำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อยกระดับการทำงาน และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกด้าน จากการดำเนินการและมาตรการต่างๆ ที่ ธปท. ได้ผลักดันมาในช่วงก่อนหน้า และตลอดทั้งปี 2567
รวมถึงในระยะถัดไปของแผนยุทธศาสตร์ ล้วนมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างมั่นคง มีเสถียรภาพ และมีความยืดหยุ่น พร้อมรับความท้าทายในอนาคตได้อย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน รายงานฯฉบับนี้ ยังระบุถึงแนวทางการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของไทย โดยในหัวข้อ ‘ปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจคืออะไรและจะแก้ไขได้ อย่างไร?’ ระบุว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจเกิดจากการใช้ทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่่ขาดประสิทธิภาพเป็นเวลานาน ซึ่งอาจเกิดจาก (1) โครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอ (2) ขาดการพัฒนาคุณภาพของทรัพยากร เช่น แรงงาน รวมทั้ง (3) กฎเกณฑ์หรือกติกาทางเศรษฐกิจไม่เอื้อให้เกิดประสิทธิภาพ
ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพการผลิตต่ำ ต้นทุนการผลิตสูง ผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำหรือไม่คุ้มค่า ส่งผลให้ไม่สามารถดึงดููดการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์เศรษฐกิจสำคัญ เศรษฐกิจจึงเติบโตช้า และมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว
ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรม สะท้อนจากการส่งออกไทยที่ฟื้นตัวช้า และสัดส่วนการลงทุนต่อ GDP ที่ต่ำกว่าหลายประเทศในภูมิภาค รวมทั้งคะแนน PISA ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่ม OECD มาก จากปัญหาคุณภาพแรงงาน และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง โดยส่วนหนึ่งเกิดจากความสามารถในการหารายได้ที่ไม่เพียงพอกับรายจ่าย
แนวทางในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงต้องคำนึงถึงการพัฒนาคุณภาพทรัพยากรการผลิต อาทิ (1) การพัฒนาระบบการศึกษาและคุณภาพแรงงาน (2) การปรับกฎกติกาของภาครัฐเพื่อลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ เช่น การปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบที่ล้าสมัย และการเพิ่มขีดความสามารถของภาครัฐ
(3) การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีประสิทธิภาพ เช่น ระบบคมนาคมเพื่อให้ต้นทุนด้านขนส่งลดลง และ (4) การส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของผู้ผลิต
ทั้งนี้ ปัญหาเชิงโครงสร้างบางเรื่องสามารถแก้ไขได้เร็วหากตั้งใจลงมือทำ อาทิ การปฏิรูปกฎหมายที่ล้าสมัย และการส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม ขณะที่บางเรื่องอาจต้องใช้เวลานาน และต้องอาศัยความตั้งใจจริงและต่อเนื่อง เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบการศึกษา และคุณภาพแรงงาน แต่หากทำได้สำเร็จ ก็จะช่วยพลิกฟื้นการใช้ทรัพยากรการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
อ่านเพิ่มเติม : รายงานประจำปี ธปท. ปี 2567

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา