
'ดีเอสไอ' ฝากขังกรรมการ บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ชาวจีน หลัง 3 ผู้ถือหุ้นไทยเข้ามอบตัว ทนาย 3 ผู้ถือหุ้นยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหา ล่าสุดศาลให้ประกันตัว กก.บริษัทวงเงิน 5 แสน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 21 เม.ย. กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอได้ส่งเอกสารข่าวแจกระบุว่าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำตัวนายชวนหลิง จาง ผู้ต้องหาสัญชาติจีน กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 จำกัด
ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2389/2568 ลงวันที่ 18 เมษายน 2568 ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการ หรือต้องได้รับอนุญาตก่อน และเป็นนิติบคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ที่ถูกจับกุมได้ที่บริเวณที่พักในเขตหัวยขวาง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่18 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ไปขออนุมัติฝากขังต่อศาลอาญาในวันนี้ โดยศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังครั้งที่ 1 จำนวน 12 วัน
โดยคำร้องที่นำไปสู่การฝากขังระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับกรณีกิจการร่วมค้าเข้าประมูลโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน อาจมีพฤติกรรมเข้าข่ายการเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และอาจมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานของรัฐ อันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เป็นคดีพิเศษที่ 32/2568
สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์การก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่มเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จากการสอบสวนพบว่า บริษัทที่ทำการก่อสร้างอาคารดังกล่าวคือกิจการร่วมค้าระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ไอทีดี และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ในนาม ITD-CREC โดยบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท จำนวนหุ้น 1 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 100 บาท มีสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยร้อยละ 51 และสัญชาติจีนร้อยละ 49 มีจำนวนผู้ถือหุ้นจำนวน 4 รายได้แก่
1. บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 เอจิเนียริ่ง คัมปะนี สัญชาติจีนจำนวน 490,000 หุ้นคิดเป็นร้อยละ 49 มูลค่า 49 ล้านบาท
2. นายโสภณ มีชัย สัญชาติไทย จำนวน 407,997 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 40.7997 มูลค่า 40,799,700 บาท และปรากฏว่าถือหุ้นในนิติบุคคลอื่นอีกจำนวน 4 บริษัท
3. นายประจวบ ศิริเขตร สัญชาติไทยจำนวน 102,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10.20 มูลค่า 10,200,000 บาท และปรากฏว่าถือหุ้นในนิติบุคคลอื่นอีกจำนวน 7 บริษัท
4. นายมานัส ศรีอนันท์ สัญชาติไทย จำนวน 3 หุ้นคิดเป็นร้อยละ 0.003 มูลค่า 300 บาท แล้วปรากฏว่าถือหุ้นในนิติบุคคลอื่นอีกจำนวน 10 บริษัท
บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีนายชวนหลิน จาง สัญชาติจีนและนายโสภณ มีชัย เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคล
เมื่อทำการสืบสวนขยายผลกรรมการที่มีสัญชาติไทยทั้ง 3 คนพบว่านายโสภณ มีชัย อายุ 66 ปี พบประวัติการเคยทำงานที่ บริษัทอุตสาหกรรมทำเครื่องแก้วไทย จำกัดและได้ลาออกเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 และไม่ปรากฏประวัติการทำงานที่บริษัทใดอีก ส่วนนายประจวบ ศิริเขตร อายุ 53 ปี และนายมานัส ศรีอนันท์ อายุ 62 ปี มีประวัติการทำงานที่บริษัท สันติภาพ อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต จำกัด โดยนายประจวบได้ลาออกจากบริษัทดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2553 ส่วนนายมานัสลาออกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2558
บริษัท สันติภาพ อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต จำกัด ตั้งอยู่ที่เลขที่ 493 ซอยพุทธบูชา 44 แยก 11 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งเดียวกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทอื่นอีก 8 บริษัท โดยทั้ง 8 บริษัท คือ บริษัท ยูไนเต็ด สตร์ กรุ๊ปจำกัด, บริษัท วิล มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทสันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท เอสทีพี อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทเอวาน่า อินเตอร์เนชันแนล จำกัด, บริษัทสแตร์ ลาเบล อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โมเยนเน่ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท สยามไบโอเมลิคอน ไซเอนซ์ จำกัด มีกรรมการสัญชาติไทยของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เป็นกรรมการ
จากการสอบสวนพบว่านายโสภณ, นายประจวบและนายมานัส ทั้ง 3 คนเป็นลูกจ้างของบริษัทที่คนจีนเป็นเจ้าของโดยที่ทั้ง 3 คนเป็นเพียงคนงานยกสินค้าและขับรถไม่เชื่อว่าบุคคลทั้ง 3 เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการใด เนื่องจากมีอาชีพรับจ้างและมีรายได้น้อยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พยายามติดตามตัวกรรมการสัญชาติไทยทั้ง 3 คน เพื่อทำการสอบสวนในกรณีอาคารตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้างได้ถล่มลงมา โดยศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนติดตามตัวกลุ่มผู้ต้องหาหลังเกิดเหตุตึกถล่มเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ตามที่อยู่ในระบบทะเบียนราษฎร์ โดยนายโสภณ, นายประจวบและนายมานัส หลังเกิดเหตุไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์รุ่นนี้บริษัท channelได้
กรณี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีนายชวนหลิง จาง ผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัททำธุรกิจต้องห้ามบัญชีท้าย พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 บัญชี 3 ข้อ 10 ด้วยเหตุนี้การที่ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มี นายโสภณ, นายประจวบและนายมานัส ลูกจ้างชาวไทย 3 คนเข้ามาจดทะเบียนอำพรางเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทในสัดส่วนร้อยละ 51 เพื่อให้บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทสัญชาติไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมายโดยการเข้าประมูลงานก่อสร้างอาคารตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ด้วยวิธีการประกวดราคา ผ่านวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Bidding) และได้ทำการก่อสร้างอาคารดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 จนกระทั่งอาคารได้ถล่มลงมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568
จากพฤติกรรมข้างต้นการกระทำของนายชวนหลิง จาง ผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน เป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการหรือต้องได้รับอนุญาตก่อนและเป็นนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 37 และมาตรา 41
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 18.50 น. เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกองบังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกันจับกุมตัวนายชวนหลิน จาง ได้ที่โรงแรมกราฟ โฮเทล ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง เจ้าหน้าที่กรมสอบเสริมคดีพิเศษจึงควบคุมตัวมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทำการสอบสวนแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นจึงขอศาลฝากขังผู้ต้องหารายนี้มีกำหนด 12 วันตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2568 ในชั้นจับกุม และชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนและควบคุมตัวผู้ต้องหามาครบ 48 ชั่วโมง แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 20 ปาก รอผลการตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหาและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินและอยู่ระหว่างรอพยานเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้คดีดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ประกอบกับมีหนังสือจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ในราชอาณาจักรไทย ยืนยันผู้ต้องหาเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราว
ต่อมาในช่วงเย็นมีรายงานข่าวว่าภายหลังจำเลย ซึ่งคือนายชวน หลินจาง ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์จำนวน 5 เเสนบาท ศาลพิเคราะห์จากการไต่สวนเเล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นได้รับอนุญาตจากศาล เเละให้รายงานตัวตามกำหนดนัด
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่าข่าวการฝากขังนายชวน หลินจาง ในวันนี้นั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ 3 กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ได้แก่นายมานัส ,นายประจวบ ศิริเขตร ละนายโสภณ ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับทางดีเอสไอ
โดยทนายความของนายมานัส ศรีอนันท์ ได้เดินทางนำเอกสารชี้แจงข้อมูลเข้าพบพนักงานสอบสวน และได้ให้ข้อมูลสั้น ๆ กับผู้สื่อข่าว ว่า ตนเองเป็นทนายความให้นายมานัส โดยนำเอกสารมาชี้แจง เบื้องต้นทราบว่าวันนี้มาทั้ง 3 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีของบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ยืนยันว่าทั้ง 3 รายไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ขอให้ตนได้เข้าไปรับฟังข้อมูลและนำเอกสารไปชี้แจงก่อน และจะชี้แจงอีกครั้ง
ขณะที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิผู้ต้องหา และจะพร้อมสอบปากคำ 3 กรรมการฯ ตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ชุดศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว เดินเข้าห้องสำนักงานรองอธิบดีฯ เพื่อทำบันทึกจับกุมผู้ต้องหา อ่านหมายศาลอาญาและ พฤติการณ์แห่งคดีให้ผู้ต้องรับฟัง โดยมีทนายความรับฟังอยู่ด้วย พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค รองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีฮั้วประมูลฯ เข้าร่วมสอบสวน










Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา