
ศาลปัดตกคำขอ 'ทักษิณ' เดินทางไปกาตาร์ ตามคำเชิญของเจ้าผู้ครองนครรัฐ ยกเหตุผลเป็นนัดหมายส่วนตัว เจ้าตัวอ้างไปเจอ 'ทรัมป์' ฟังไม่ขึ้นขณะบรรยากาศทั้งวัน 'มาริษ' ร่วมให้ข้อมูลเดินทางไปต่างประเทศด้วย ส่วน 'วิษณุ' เดินทางมาศาลแต่ไม่รู้เอี่ยวปม 'คำขอทักษิณ' หรือไม่ ขณะทนายน้อมรับดุลยพินิจศาล เหตุกำหนดการไม่ชัด แต่ยืนยันไปเพื่อประโยชน์ประเทศ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ศาลอาญาได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และจำเลยในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112เดินทางไปประเทศกาตาร์ ตามคำเชิญของเจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์
โดยบรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกเริ่มตั้งแต่ตอนเช้านายทักษิณ ได้เดินทางมาศาลอาญา ด้วยรถยนต์โรลส์-รอยซ์ สีดำ เพื่อยื่นคำร้องขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรอีกครั้ง
ขณะที่ศาลได้เปิดบัลลังก์ไต่สวนคำร้องของนายทักษิณ โดยมีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาร่วมให้ข้อมูลต่อศาลด้วย
ทั้งนี้หลังการไต่สวน นายทักษิณได้เดินทางกลับทันที ใช้เวลาอยู่ในศาลไม่นาน
โดยในช่วงบ่ายเช่นเดียวกัน มีรายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาที่ศาลอาญาด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับกรณีคำร้องของนายทักษิณหรือไม่
และล่าสุดในช่วงเย็น ศาลก็ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตนายทักษิณเดินทางไปกาตาร์ โดยให้เหตุผลว่าเป็นนัดหมายส่วนตัว
โดยรายละเอียดคำสั่งของศาลระบุว่า ศาลอาญาไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง โดยพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนแล้วเห็นว่าจำเลยได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จากสำนักบริหารผู้รับเชิญพระราชวังลูเซล ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ประเทศการ์ตา ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ อันมีลักษณะเป็นหนังสือเชิญส่วนตัว
มิได้เชิญจำเลยในฐานะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนประจำปี 2568 ทั้งไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการที่แน่ชัด เพียงแต่คาดหมายว่าหากประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ มางานเลี้ยงดังกล่าว จำเลยจะมีโอกาสพบปะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ และทีมเศรษฐกิจเท่านั้น ประกอบกับช่วงที่ขอเดินทางไปอยู่ใกล้วันนัดพิจารณาคดีที่ศาลฎีกาและคดีนี้ อาจกระทบต่อกระบวนพิจารณาของศาลได้ กรณียังไม่มีเหตุผลอันจำเป็นที่หนักแน่นเพียงพอที่จะให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จึงไม่อนุญาต
@ทนายทักษิณน้อมรับดุลยพินิจศาล เหตุกำหนดการไม่ชัด แต่ยืนยันไปนอกเพื่อผลประโยชน์ประเทศ
ต่อมาหลังจากที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุมัติให้นายทักษิณเดินทางไปกาตาร์ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าความเป็นมาของการ ยื่นคำร้องขอไปประเทศกาตาร์เนื่องจากว่า เจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์ มีหนังสือเชิญมายังนายทักษิณ ชินวัตรในฐานะที่เป็นประธานที่ปรึกษาของประธานอาเซียน
ซึ่งวันนี้นายทักษิณก็ได้ให้การต่อศาลว่า การที่ยื่นขอไปต่างประเทศครั้งนี้ไม่ได้เป็นการไปงานเลี้ยง แต่ไปเพื่อทำคุณประโยชน์ ใช้ประสบการณ์และความรู้ความสามารถเพื่อประเทศชาติสังคมและประชาชน
“สังคมคงเห็นอยู่ว่าเหตุผลที่นายทักษิณขอไป ซึ่งหลายคนก็เห็นอยู่ว่ามาตรการและนโยบายของสหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องของการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศผู้ค้าและการค้าหลายประเทศ โดยเป็นการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่ได้รับผลกระทบกันทั่วโลก ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นนายทักษิณที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและมีความเป็นห่วงใยประเทศชาติและเห็นผลประโยชน์ประเทศชาติอันสำคัญ โดยนายทักษิณหวังทำเพื่อชาติบ้านเมือง จึงเป็นเหตุผลในการยื่นขอศาลในวันนี้ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อศาลได้ไต่สวนและพิจารณาแล้วเห็นว่าการเชิญลักษณะนี้เป็นการเชิญแบบส่วนตัวและยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจน อาจจะเป็นเพียงการคาดหมายว่าไปแล้วจะได้พบกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นี่คือสิ่งที่ศาลเห็นเราก็น้อมรับดุลพินิจศาล” นายวิญญัติกล่าว
ทนายความนายทักษิณกล่าวอีกว่า ที่เห็นว่าระยะเวลาในการยื่นขอที่เราขอเดินทางออกนอกประเทศในวันที่ 14 พ.ค.ซึ่งใกล้กับกำหนดการพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯนักการเมือง ในเรื่องการบังคับโทษชั้น 14 ซึ่งมีวันนัดพร้อมตรงกับวันที่ 13 มิ.ย. เมื่อศาลอาญาเห็นว่าวันนัดใกล้กันเราก็ยอมรับดุลพินิจ ว่านี่คือเหตุผลที่ศาลเห็นว่าไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะยังไม่อนุญาตให้ออกนอกประเทศ โดยทราบว่างานที่จัดที่กาตาร์ตนเข้าใจว่าเป็นเหตุที่จะได้มีโอกาสพบประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งมีกำหนดการที่จะเดินทางไปที่กาตาร์ โอกาสการได้พบไม่ใช่โอกาสของนายทักษิณคนเดียวแต่เป็นโอกาสของประเทศชาติ เพราะหลายคนกำลังเฝ้าดูว่า จะมีโอกาสได้เข้าไปคุยหรือไม่ และหลายประเทศก็หวังว่าจะได้มีโอกาสเข้าไปเจรจากับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แล้วไทยไม่อยากจะได้เข้าไปเจรจาหรืออย่างไร
เมื่อถามว่า การที่ไม่ได้ออกไปเป็นอุปสรรคในการเจรจาเรื่องเศรษฐกิจและภาษีหรือไม่
นายวิญญัติระบุว่า คำถามนี้เป็นคำถามที่ตนอยากจะตั้งคำถามกลับไปอยู่ว่าการส่งออกหรือนำเข้าสินค้าในประเทศจะมีเรื่องภาษีที่เป็นปัญหา เราจำเป็นต้องหาข้อตกลง เพื่อที่จะลดเรื่องอัตราภาษีหรือกำแพงภาษีนี้ให้ได้ อันนี้เป็นแนวทางหนึ่งของการเจรจาทางการค้าที่ถามว่าจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ อยากให้สังคมคิดเอา ว่าการที่มีบุคคลหนึ่งที่อยากจะทำเพื่อประเทศชาติและบุคคลหลายคนที่อยากจะทำเพื่อประเทศชาติ เราถือว่าเป็นหน้าที่ของพลเมืองประชาชนคนไทยหรือไม่ส่วนเป็นอุปสรรคหรือไม่ตนไม่มีความเห็น แต่เห็นว่าถ้าเรามีโอกาสแล้วเราไม่ใช้โอกาส เราจะเสียโอกาสหรือไม่
เมื่อถามต่อว่าจะยื่นคำร้องหลังจากนี้อีกหรือไม่ นายวิญญัติกล่าวว่าเป็นเรื่องอนาคตว่าจะยื่นคำร้องหรือจะใช้กระบวนการใดทางศาล ตามสิทธิ์ของจำเลยในคดี

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา