ครม.รับทราบข้อเสนอแนะ ‘ป.ป.ช.’ ป้องกัน ‘เจ้าหน้าที่รัฐ’ แสวงประโยชน์ฯ นำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัว ไปชาร์จไฟฟ้าใน ‘สถานีอัดประจุไฟฟ้า’ ของส่วนราชการ โดยไม่ได้รับอนุญาต
....................................
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม. มีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์และการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม กรณีเจ้าพนักงานของรัฐนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปอัดประจุไฟฟ้าของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ โดยมิได้รับอนุญาต ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เสนอ
สำหรับข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์และการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม กรณีเจ้าพนักงานของรัฐนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัว ไปอัดประจุไฟฟ้าของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ โดยมิได้รับอนุญาต มีดังนี้
1.ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐโดยประสงค์จะจัดทำเป็นสวัสดิการให้แก่บุคลากรในหน่วยงาน โดยอนุญาตให้สามารถนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปอัดประจุไฟฟ้าได้ ณ สถานีหรือเครื่องอัดประจุไฟฟ้าที่เป็นสวัสดิการของหน่วยงานของรัฐ ต้องมีการกำหนดระเบียบหรือแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปอัดประจุไฟฟ้า โดยให้ถือปฏิบัติ โดยเคร่งครัด และต้องกำหนดมาตรการควบคุม กำกับ ดูแล รวมทั้งบทลงโทษสำหรับกรณีที่เจ้าพนักงานของรัฐมีการนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปอัดประจุไฟฟ้าโดยมิได้รับอนุญาต
2.ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ ต้องดำเนินการติดป้ายประกาศ ณ สถานีหรือเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐว่าเป็นจุดที่จัดไว้ เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการเท่านั้น ทั้งนี้ หากหน่วยงานของรัฐประสงค์จะจัดทำเป็นสวัสดิการให้แก่บุคลากรในหน่วยงาน และอนุญาตให้บุคลากรในหน่วยงานสามารถนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปอัดประจุไฟฟ้าได้ จะต้องติดตั้งสถานีหรือเครื่องอัดประจุไฟฟ้าที่เป็นสวัสดิการ แยกต่างหากอย่างชัดเจนจากสถานีหรือเครื่องอัดประจุไฟฟ้าซึ่งจัดไว้เฉพาะของทางราชการเท่านั้น
โดยอาจดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 หรือระเบียบสวัสดิการภายในของหน่วยงานของรัฐ" โดยอาจกำหนดให้มีการชำระค่าบริการตามอัตราที่กำหนด เพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของหน่วยงานของรัฐ และจะต้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้บุคลากรภายในหน่วยงานของรัฐรับทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด
นายอนุกูล กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับองค์กรกลางบริหารบุคคลประเภทต่างๆ กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ โดยให้สำนักงาน ก.พ. สรุปผลการพิจารณา ผลการดำเนินการ ความเห็นในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจาก สลค. เพื่อนำเสนอ ครม.ต่อไป