ภูธรภาค 1 แถลงคืบหน้าสอบคดีเงิน 12 ล.ถูกทิ้งไว้ที่คอนโดย่านเมืองทอง เผยสามี ผอ.ป.ป.ช.ให้การเป็นประโยชน์มาก จ่อสอบขยายผลที่มาของเงิน ผบช.ภ.1 เชื่อเป็นเงินเจ้าตัวจริง แต่ยอมรับผิดวิสัยเหตุไม่นำเงินฝากธนาคาร ขณะ 'บิ๊กเต่า' เผย 11 มิ.ย. 3 ป.เตรียมประชุมหารือภูธรภาค 1 วางแนวทางสอบเงิน 12 ล.มาจากรายได้ตอนเป็นทนายความจริงหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้าหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบเชิงลึก กรณีพบเงินสด จำนวน 12 ล้านบาท ซุกอยู่ในลังพลาสติก ถูกนำมาทิ้งไว้ที่บริเวณจุดทิ้งขยะหน้าลิฟต์ ชั้น 4 ตึก P 2 คอนโดเมืองทองธานี และมีนาย ทวีวัฒน์ เส้งแก้วสามีของข้าราชการ ป.ป.ช. ระดับผู้อำนวยการ แสดงความเป็นเจ้าของเงินก้อนนี้
- ข้อมูลใหม่'ทวีวัฒน์' คดีเงิน 12 ล.เป็นอนุฯไต่ ป.ป.ช.ภรรยาระดับผอ.ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินฯ
- เป็นสามี ผอ.จริง! ป.ป.ช.ยืนยันกำลังตรวจสอบเงินสด 12 ล.แจ้งบัญชีทรัพย์สินฯ หรือไม่
- ป.ป.ช.สั่งสอบเชิงลึกบัญชีทรัพย์สินฯ 'ผอ.สถาบันป้องกันฯ-สามี' ไม่เจอรายการเงินสด 12 ล.
โดยวันที่ 10 มิ.ย. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการสอบปากคำ นายทวีวัฒน์ ในฐานะพยานไปล้ว ซึ่งเจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์มาก มีการส่งหลักฐานที่เป็นคลิปวิดีโอจากนิติบุคคลที่เห็นกล่องลังว่าอยู่ภายในห้องและมีน้ำรั่วซึมจริงตามคำให้การ ซึ่งตำรวจได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำไปแล้ว
“เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่าเงินดังกล่าวเป็นของนายวิวัฒน์ จริง แต่ต้องไปตรวจสอบว่าเงินถูกถอนมาจากบัญชีใคร วันที่ไปถอนเจ้าตัวไปเองหรือใครไปถอนรวมถึงเงินมาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร” พล.ต.ท.สุรพล กล่าวและว่า เงิน 12 ล้านถูกถอนมาในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 63 แต่ไม่ได้ออกมาครั้งเดียว จึงต้องตรวจสอบในประเด็นนี้เพิ่มเติม
ส่วนหลักฐานสอดคล้องกับเงิน 12 ล้านหรือไม่ พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่า หลักฐานเส้นทางการเงินที่นำมายื่นยังไม่สอดคล้องกับรายได้ 12 ล้านที่เบิกออกมา ซึ่งจากการสอบปากคำเจ้าตัวมีการชี้แจงแล้วว่าถอนเงิน 12 ล้านออกมาเพื่อไปทำอะไร โดยหนึ่งในเหตุผลมีเรื่องของการเล่นการเมืองอยู่ด้วย แต่รายละเอียดต่างๆอยู่ในสำนวน
ส่วนตัวพบมองว่าการถอนเงินเอกมาแล้วใส่ไว้ในห้องเฉยๆ ผิดวิสัยคนปกติ ซึ่งหากเป็นตนจะนำไปไว้ในธนาคาร เพราะยังได้ดอกเบี้ย แต่ก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าของเงินที่จะเอาไปไว้ไหนก็ได้ ซึ่งตำรวจจะขอเวลาในการสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนตัวมองว่าคงไม่เป็นการจัดฉาก อย่างไรก็ตามจะเรียกตัวภรรยาของนายทวีวัฒน์ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง และในวันพรุ่งนี้( 11 มิ.ย.) จะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (11 มิ.ย.) หน่วยงาน 3 ป. ประกอบด้วย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จะเข้าหารือและประสานข้อมูลกับตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนและขอเส้นทางการเงินกรณีเงิน 12 ล้านบาท ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 โดยทางนายทวีวัฒน์ อ้างว่าเบิกเงินดังกล่าวมาในปี 63 ว่ามีการเบิกจ่ายจากธนาคารใด วันเวลาไหน และเบิกมาจำนวนเท่าไร อีกทั้งยังต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการว่าความที่เจ้าตัวอ้างว่าเป็นทนาย หรือเป็นเงินที่ได้มาแบบไม่ถูกต้อง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่างต่อว่า นายทวีวัฒน์ จะต้องชี้แจงเหตุผลในการถอนเงินสดดังกล่าวด้วย และเหตุใดทำไมไม่เอาเงินสดไว้ในตู้เซฟ ส่วนตัวมองว่าไม่สมเหตุสมผล ซึ่งไม่ใช่แค่ตนที่มองแบบนี้ ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบ