
DSI ส่งมอบสำนวนคดีสร้างตึก สตง.ให้ ป.ป.ช.-เอกสารรวม 73 แฟ้ม ความหน้าร่วม 3 หมื่นแผ่น-เผยอธิบดีฯตัดสินใจส่งสำนวนหลังมีการกล่าวหา จนท.รัฐทุจริต
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ได้ออกเอกสารข่าวแจกกรณีเมื่อเวลา 11.30. DSI นำโดยพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 58/2568 พันตำรวจโท อมร หงศรีทอง ผู้อำนวยการความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ รองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 58/2568 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 58/2568
ได้นำสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษในคดีการจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) อาจมีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และมีบุคคลกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ รวม 73 แฟ้ม จำนวน 13 กล่อง (31,224 แผ่น) ส่งมอบสำนวนการสอบสวนให้กับเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
โดยการส่งมอบสำนวนของ DSI ให้ ป.ป.ช.ดังกล่าวนั้น เป็นกรณีสืบเนื่องจากที่ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนพบว่ามีพฤติการณ์และหลักฐานเกี่ยวกับ การดำเนินการตามสัญญาควบคุมงาน ของกลุ่มนิติบุคคลร่วมค้า PKW โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่าในขั้นตอนการเสนอราคาและยื่นคุณสมบัติของผู้เสนอราคา มีพยานยืนยันว่ามีการปลอมลายมือชื่อและเอาชื่อบุคคลอื่นซึ่งไม่มีความสามารถเป็นไปตาม TOR มาใช้เพื่อให้ได้รับการคัดเลือก อันทำให้เกิดการแข่งขันราคาอย่างไม่เป็นธรรม
เข้าข่ายเป็นการ “ตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือ โดยการกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้า
หรือบริการอื่นต่อหน่วยงานของรัฐ หรือโดยการเอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ” และ “เป็นการร่วมกันใช้อุบายหลอกลวงหรือกระทำการโดยวิธีอื่นใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมหรือให้มีการเสนอราคาโดยหลงผิด” และ “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม” ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 7
และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 มาตรา 268 ประกอบมาตรา 83 โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการกล่าวหาดำเนินคดีกับบริษัท PKW รวมแล้ว 6 ราย ประกอบกับมีบุคคล (ปกปิดนาม) จำนวน 2 ราย มากล่าวหา
ให้ดำเนินคดีอาญากับเจ้าพนักงานของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ด้วย ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้จัดทำแฟ้มสำนวนและสรุปรายงานการสอบสวนพร้อมความเห็นเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อพิจารณาส่งสำนวนการสอบสวนไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 61 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561
พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้พิจารณาและมีความเห็นให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 58/2568 กรณี การจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่)อาจมีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ที่มีการกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานความผิดอื่น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดและฐานความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะไต่สวนและวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 28 (1) (2) (4) ประกอบมาตรา 30














Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา