
‘เพื่อไทย-พรรคร่วมฯ’ ชื่นมื่น แบ่งโควต้าครม.ลงตัวแล้ว ‘ชาติไทยพัฒนา-ประชาธิปัตย์’ ขานรับได้เพิ่มอีก ‘ประชาชาติ’ เหนียมโยนนายกฯ ขณะที่ ‘เอกนัฎ’ บอกทำใจลำบากอยู่ต่อ ตัดสินใจยาก ไม่ตอบปมมติพรรคให้แจ้งนายกฯลาออกจริงหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 24 มิถุนายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี สส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทยได้แลกเปลี่ยนความเห็นกัน และรู้สึกไม่พอใจโผคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่ออกมา ว่า ยังไม่มีใครทราบว่าโผที่ออกมาเป็นของจริงหรือไม่ และในแต่ละพรรรค แต่ละส่วนมีการปรับเปลี่ยน เลือกคนที่จะเข้าไปเป็นรัฐมนตรี ก็จะเป็นประเด็นปกติที่จะมีความเห็นเหมือน หรือเห็นต่างกัน หรือชอบใครเชียร์ใครเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ เชื่อว่า สามารถจัดการได้ เพราะปัจจัยเงื่อนไขอยู่ที่นายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า ในฐานะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลปัญหาของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จบแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม หัวเราะ ก่อนปฏิเสธว่าไม่ใช่ผู้จัดตั้งรัฐบาล พร้อมระบุว่า แต่ละพรรคก็มีเรื่องที่ต้องไปทำความเข้าใจกัน เป็นเรื่องภายในพรรค
เมื่อถามอีกว่า การปรับครม.จะแล้วเสร็จไปตามเป้าหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า คิดว่ากระบวนการจัดสรรจัดตั้งทั้งหมด น่าจะจบในสัปดาห์หน้า หมายถึงช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากนั้นก็จะเป็นกระบวนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีจะตรวจเข้มเพื่อป้องกันการซ้ำรอยเหมือนยุครัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามคุณสมบัติ ส่วนเรื่องกรณีของนายเศรษฐา เป็นเรื่องของการใช้ดุลพินิจ
@ชาติไทยฯ-ปชป.รับได้เพิ่ม - ประชาชาติยังเหนียม
ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม และทราบว่าได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่มมา 1 ช่วยว่าการฯ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแจ้งความคืบหน้าให้กับสื่อมวลชนอีกครั้ง
“ขอให้ได้ข้อสรุปกับทางพรรคแกนนำก่อนว่าจะเป็นกระทรวงไหนอย่างไร แล้วก็จะได้หาบุคคลเหมาะสมต่อไป”นายวราวุธกล่าว
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้คุยว่าจะอยู่ตำแหน่งเดิมหรือไม่ ได้แต่บอกว่า ถ้าจะมีโยกย้ายจะให้มากรอกประวัติ
เมื่อถามว่า พรรคประชาชาติได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่มหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เราไม่ควรจะเรียกร้อง ไม่ได้พูดเรื่องนี้
เมื่อถามว่าย้ำว่า ถ้านายกรัฐมนตรีเสนอตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่มให้ก็พร้อมที่จะรับใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า อย่าสมมุติ จะเกิดความขัดแย้งกัน นาทีนี้ต้องพูดความจริง
ขณะที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้ตำแหน่งในครม.เพิ่ม ได้เพิ่มรัฐมนตรีช่วยว่าการ วันนี้น่าจะทราบว่าได้กระทรวงอะไร นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช น่าจะส่งประวัติไปแล้ว ไม่ส่งใครเป็นตัวสำรอง ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าตัวเองจะไปเป็นรมช.มหาดไทยก็ได้ข่าวอยู่ แต่ยังไม่ชัด
“ใจอยากได้หรือไม่บอกไม่ได้ ใจอยากได้มาก แต่ต้องดูตัวเลข”นายเดชอิศม์กล่าว
@รทสช.: อยู่บนจุดยาก ไม่ตอบเสนอให้นายกฯลาออกจริงไหม?
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรครทสช. เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. มีมติออกมาว่าอย่างไรว่า ถือเป็นประสบการณ์การเมืองสำหรับที่แย่ที่สุด จะตัดสินใจทำอะไรก็ไม่ง่าย ในพรรคก็มีการพูดคุยกันตลอด ตอนนี้รทสช. มีทั้งศึกนอกศึกใน เราต้องคุยกันเพื่อรับฟังสถานการณ์ว่าเป็นยังไง ยอมรับว่าอยู่จุดที่เราตัดสินใจยาก ซึ่งพยายามคุยกับ สส.และหัวหน้าพรรคตลอดเวลา เราต้องเลือกทางที่ดีที่สุด
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออก ไม่เช่นนั้น พรรค รทสช. จะถอนตัวจากรัฐบาล ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายเอกนัฏ ตอบว่า จุดแรกรับเสียงสะท้อนจากผู้สนับสนุนพรรค รทสช. ที่ขณะนี้ไม่ใช่ฝั่งเราหมด โดยเรียกร้องให้พรรค รทสช.แสดงจุดยืน และความรับผิดชอบ ซึ่งเราก็พูดคุยอยู่แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ต้องยอมรับว่าที่ประเทศอยู่ในจุดสั่นคลอน โดยเฉพาะปัญหาชายแดนไทย- กัมพูชา ที่กำลังจะสู้รบกันอยู่ และก็สนับสนุนเต็มที่ว่า กองทัพต้องเอาจริง สิ่งที่กัมพูชาทำเป็นการเหยียดหยามเกียรติของประเทศไทย เราจึงต้องสนับสนุนให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ รวมถึงปัญหาอื่นๆ เช่นภาษีทรัมป์ และสถานการณ์สู้รบในอิหร่าน
"สิ่งที่เราอยากทำกับสิ่งที่เราต้องทำ ก็ตัดสินใจไม่ง่ายเลย ให้ผ่านสถานการณ์แบบนี้ไปได้ก่อน ในระหว่างนี้ก็ต้องเป็นอย่างนั้น" นายเอกนัฏ กล่าว
เมื่อถามต่อว่า จะรับมือกับผู้สนับสนุน พรรค รทสช.ที่รับไม่ได้ กับการตัดสินใจแบบนี้ และโบกมือลาอย่างไร นายเอกนัฏ กล่าวว่า "เราต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ เป็นอย่างนั้นแหละ แต่เป็นเรื่องตัดสินใจยาก หากผมเป็นแค่สมาชิกพรรค หรือผู้สนับสนุน ผมก็คงตัดสินใจเช่นนั้น แต่วันนี้ผมเป็นกัปตัน เรือก็กำลังล่องผ่านมรสุม ให้ผมทิ้งตอนนี้คนบนเรือก็ตายกันหมด"
ถามต่อว่า ยังประคับประคองพรรค รทสช.ได้หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า จะพยายามทำให้ดีที่สุด ที่ผ่านมาเราทำการเมืองเอาอุดมการณ์เป็นที่ตั้ง แต่ก็ต้องรับสภาพกับสิ่งที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติด้วย
ถามอีกว่า แล้วสิ่งที่เลือกเช่นนี้ จะสามารถดึงกองเชียร์กลับมาได้หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า "ไม่มั่นใจ ผมเข้าใจสำหรับทุกคนที่คิดและตัดสินใจ และผมก็ไม่อยากจะหลบ และไม่ปิด อยากจะพูดตรงไปตรงมาได้ "
เมื่อถามว่า จะยืนยันได้หรือไม่ว่า พรรค รทสช. จะสนับสนุนรัฐบาลไปจนสุดทาง นายเอกนัฏ กล่าวว่า "ทางมันไปทางไหน เราก็อยู่ประคับประคองให้ผ่านสถานการณ์วิกฤติไปก่อน ซึ่งตอนนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เพราะมีเรื่องศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาเกี่ยวกับตัวนายกฯอีกในสัปดาห์หน้า ฉะนั้นเหตุการณ์อะไรก็เกิดขึ้นได้ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด "
เมื่อถามว่า ทำไมนายเอกนัฏไม่ลาออก แล้วไปทำในสิ่งที่ใจต้องการ นายเอกนัฏ ย้อนถามว่า "แล้วประเทศได้อะไร ผมเข้าใจ แต่ถ้าวันนี้ไม่มีรัฐบาล ในการแก้ปัญหาต่างๆ แล้วมันใช่หรือ สำหรับผม เราต้องมีความรับผิดชอบตรงนี้อยู่"
เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้ได้พูดคุยกับนายวิทยา แก้วภราดัย และนายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้ารทสช. ที่ออกตัวว่าถ้านายกฯ ไม่ลาออก จะถอนตัวเอง แล้วหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ได้เจอนายจุติที่จังหวัดพิษณุโลกเมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมาก็ไม่ได้คุยรื่องนี้
เมื่อถามว่า การจัดสรรรัฐมนตรีในโควต้า พรรค รทสช.ลงตัวแล้วยัง นายเอกนัฏ ตอบว่า ในหัวตนไม่มีเรื่องเหล่านี้อยู่ในใจ ที่ผ่านมาการตัดสินใจว่า จะอยู่หรือใครจะไป เรื่องตำแหน่งไม่มีอยู่ในหัวเลย ถ้าอยากได้ตำแหน่งของตน ก็เอาไปได้เลย ไม่ได้ยึดติดอะไร ตนอายุแค่นี้เอง เป็นไปได้ก็อยากทำการเมืองต่อไป แต่ต้องอยู่ในหลักการที่ถูกต้อง แต่ตอนนี้อำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบเราอยู่ตรงนี้ ตนคืดอยู่ในใจว่า ทำไมต้องเป็นเราด้วย เหมือนดวงไม่ดี ก็ไม่เป็นไร จะทำให้ดีที่สุด
ถามต่ออีกว่า ได้รับแจ้งนายกฯ หรือไม่ ว่าจะได้เก้าอี้เพิ่ม นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนยังไม่มีโอกาสคุยกันนายกฯเลย พูดจริงนะ ไม่เอา
เมื่อซักต่อว่า แสดงว่าพอใจเก้าอี้ที่มีอยู่ใช่หรือไม่ นายเอกนัฏ ตอบว่า "จะอยู่หรือเปล่ายังอีกเรื่องนึง จะไปขออะไรมาเพิ่ม เพื่ออะไร ไม่ขอเพิ่ม ถ้าอยู่ก็อยู่ทำงานต่อไป "
ด้านนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงการที่ สลค.เริ่มทยอยโทรศัพท์แจ้งผู้ที่จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีให้มารับแบบฟอร์มเพื่อกรอกประวัติและให้ส่งกลับมา โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ขั้นตอนตรงนี้ขออนุญาตยังไม่บอก เพราะเป็นความลับ
เมื่อถามว่าจะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบประวัติกี่เดือน นางณัฐฏจารีอุทาน ว่า “อูย เป็นเดือนเลยเหรอ”

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา