
ปปป.-ป.ป.ท.- จนท.สำนักพุทธฯ เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอข้อมูลเส้นเงินวัดประยุรวงฯ หวั่นเอี่ยวเจ้าคุณประสิทธิ์ ยักยอกให้สีกากอล์ฟ ยืนยันพระพรหมบัณฑิตไม่มีเอี่ยวด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. เวลา 13.00 น. พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผกก.6 บก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อเข้าขอข้อมูลตรวจสอบบัญชีเงินของวัด ภายหลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ไปมีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ และ พบว่ามีการนำเงินที่อยู่ในซองใส่คล้ายนำมาจากกล่องบริจาค ส่งไปให้กับสีกากอล์ฟ โดยการเข้าตรวจสอบในวันนี้ จะเน้นไปในเรื่องของ เส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงว่าเงินของวัดเคยถูกอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ ยักยอกไปให้กับสีกากอล์ฟหรือไม่
โดยเวลาต่อมาพ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวถึงผลการตรวจค้นว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา ที่จะต้องมาชี้แจง ซึ่งหลังจากนี้ จะนำข้อมูลต่างๆกลับไปนำเรียงให้กับผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น
ส่วนเจ้าหน้าที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร แต่อย่างใด
โดยบรรยากาศที่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ในระหว่างที่ 3 หน่วยงานกำลังขอข้อมูลกับทางพระพรหมบัณฑิต ได้มีชาวบ้านคนหนึ่งอาศัยอยู่หลังวัดเดินทางมาที่หน้ากุฎิเจ้าอาวาส พร้อมนำเอกสารเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน และใบแจ้งความ เพื่อร้องเรียนหน้ากุฎิเจ้าอาวาสว่าตัวเองได้ซื้อบ้านพร้อมที่ดิน อยู่ด้านหลังวัดมาในราคากว่า 300,000 บาท แล้ว ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินได้
โดยอ้างว่าเจ้าอาวาสพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว โดยระหว่างนั้นก็ได้มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง พร้อมประธานชุมชนได้เข้ามาโต้แย้งผู้หญิงคนดังกล่าว ว่าสิ่งที่พูดไม่เป็นความจริง เพราผู้หญิงคนดังกล่าวได้ซื้อบ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ธรณีสงฆ์ต่อจากหญิงสติไม่ดี แล้วพยายามจะบีบบังคับให้ทางวัดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ แต่ทางวัดไม่สามารถทำได้
จึงทำให้ผู้หญิงคนดังกล่าวไปแจ้งความดำเนินคดีกับทางวัด จนคดีขึ้นสู่ชั้นศาล และศาลได้มีคำพิพากษาสิ้นสุดแล้วว่าวัดเป็นฝ่ายชนะคดี ซึ่งทุกอย่างถือว่าจบสิ้นแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ ยืนยันได้ว่าพระในวัดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นการตกลงซื้อขายกันเอง ระหว่างบุคคลสองคนเพียงเท่านั้น

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา