
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา เผย มอบอำนาจ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด - ตั้ง ศูนย์บัญชาการทางทหาร สั่งการแก้ปัญหาชายแดน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมศบ.ทก. ว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 68 ได้หารือกับกองทัพและตัดสินใจมอบอำนาจให้พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการรทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในการทดำเนินการต่อไป ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มาตรา 39 คือ การตั้งศูนย์บัญชาการทางทหาร (ศบท.) ในกองบัญชาการกองทัพไทย โดยในช่วงเช้า พล.อ.ทรงวิทย์ จะหารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ นอกจากนี้ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ขออนุญาตวางรั้วลวดหนามในพื้นที่ที่กัมพูชาล้ำเข้ามา ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า นอกจากล้ำเข้ามาแล้วยังประสงค์ร้ายกับฝ่ายไทยด้วย ซึ่งขณะนี้ปิดชายแดน ปิดด่านทั้งหมดแล้ว
ทั้งนี้ พ.ร.บ.จัดระเบียนกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มาตรา 39 บัญญัติว่า ให้กองทัพไทยจัดตั้งศูนย์บัญชาการทางทหารในแต่ละระดับขึ้นตั้งแต่ยามปกติเพื่อใช้ในการติดตามสถานการณ์ และเป็นศูนย์ควบคุม อำนวยการ และสั่งการปฏิบัติ
ให้ศูนย์บัญชาการทางทหารในกองบัญชาการกองทัพไทย มีหน้าที่ควบคุม อำนวยการ และสั่งการศูนย์บัญชาการทางทหารในแต่ละระดับตามวรรคหนึ่งหรือกองกำลังเฉพาะกิจร่วมที่จัดตั้งขึ้นตามแผนป้องกันประเทศ แล้วแต่กรณี
พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า การหารือในที่ประชุม ศบ.ทก.วันนี้ เพื่อให้กองทัพมีความชอบธรรมในการปฏิบัติ ภายหลังจากมอบอำนาจให้ผบ.สส.ไปแล้ว และในช่วงบ่ายนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ
“ถึงขั้นนี้คงไม่คุยแล้ว เพราะที่ผ่านมาเราพยายามเชิญมาพูดคุยทวีภาคีเพื่อแก้ปัญหา สิ่งที่ผมยื่นให้กับกัมพูชาเสมอ คือ ทั้งสองฝ่ายต้องเคลื่อนย้ายกำลังออกจากบริเวณชายแดน เพราะถ้ายังอยู่อาจมีเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันได้ เพราะที่ผ่านมาทหารกัมพูชาไม่มีระเบียบวินัยและยั่วยุ”พล.อ.ณัฐพลกล่าวและว่า
“ขอให้มั่นใจว่า กองทัพไทยจะปกป้องอธิปไตยไม่ให้ใครมาล่วงล้ำดินแดนของเราได้เป็นอันขาด และต้องกราบขออภัยและให้กำลังใจประชาชนตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติครั้งนี้ กองทัพไทยอดทนอดกลั้นมาถึงที่สุดแล้ว ต่อไปเราจะไม่อดทนแล้ว เพราะเป็นการปฏิบัติที่เรารับไม่ได้”พล.อ.ณัฐพลกล่าว
พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือสื่อมวลชนไม่ซักถามในช่วงการปฏิบัติงาน เพราะที่ผ่านมากัมพูชาทราบความเคลื่อนไหวที่ไทยทั้งหมด โดยที่ไทยไม่ทราบฝ่ายกัมพูชา
ด้านนายภูมิธรรมกล่าวก่อนประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในเวลา 14.00 น. ว่า ขอให้สื่อมวลชนระมัดระวังในการเสนอข่าว และหลังการประชุมสภาความมั่นคงฯจะแถลงอีกครั้ง
@ ศบ.ทก. อัพเดทสถานการณ์ปะทะ ไทย-กัมพูชา
ต่อมาพลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง ความแถลงความคืบหน้าของสถานการณ์ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ว่า เหตุการณ์แรก เมื่อวันที่ 23 ก.ค.68 เวลา 16.55 น. เกิดเหตุการณ์การลอบวางทุ่นระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ส่งผลให้มีกำลังพลจากชุดลาดตะเวน กองพันทหารราบที่ 14 กองทัพบก ได้รับบาดเจ็บสาหัส 5 นาย โดย 1 ในนั้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสข้อเท้าขาด 1 นาย
พลเรือตรีสุรสันต์ กล่าวว่า วันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (24 ก.ค.68) เกิดเหตุการณ์สำคัญ ตั้งแต่เวลา 07.35 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้โดรนบินเพื่อตรวจการณ์ การวางกำลังของฝ่ายไทย บริเวณปราสาทตาเหมือน
“จากนั้นมีความมเคลื่อนไหวของฝ่ายกำลังกัมพูชาโดยนำอาวุธเข้าประจำการบริเวณด้านหน้าแนวรั้วลวดหนาม พร้อมกำลังพล 6 นาย อาวุธครบมือ โดยมี RPG อยู่ในมือ เคลื่อนมายังบริเวณแนวหน้า ฝ่ายไทยเองเห็นว่า สถานการณ์ดูแล้วไม่น่าปลอดภัยจึงได้ใช้ความพยายามตะโกนเจรจา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ”พลเรือตรีสุรสันต์กล่าว
พลเรือตรีสุรสันต์ กล่าวว่า จากนั้นเวลา 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาก็ได้เริ่มเปิดฉากยิง บริเวณตรงข้ามทางหมูป่า ทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ห่างจากปราสาทตาเมือน ประมาณ 200 เมตร ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้
พลเรือตรีสุรสันต์ กล่าวว่า จากนั้นสถานการณ์ได้ขยายพื้นที่ออกไปตามแนวชายแดนต่างๆ เกิดพื้นที่ปะทะอีก 6 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร บริเวณห้วยตามาเรียและภูมะเขือ ช่องอานม้า และช่องจอม
พลเรือตรีสุรสันต์ กล่าวว่า ปัจจุบันฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธหนัก เช่น BM 21 และปืนใหญ่ขนาด 122 มิลลิเมตร ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนของฝ่ายไทย รวมทั้งประชาชนไทยเสียชีวิต นอกจากนั้นยังมีการโจมตีพื้นที่สาธารณะ คือ ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ และโรงพยาลของฝ่ายไทย
พลเรือตรีสุรสันต์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 3 ราย โดยเป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบ 1 คน และเสียชีวิต 1 คน ในพื้นที่ชุมชนในบริเวณชายแดนพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
พลเรือตรีสุรสันต์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าว ฝ่ายไทยได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มาตรา 39 โดยให้กองทัพไทยจัดตั้งศูนย์บัญชาการทางทหาร (ศบท.) ในแต่ละดับชั้นขึ้นมาตั้งแต่ระดับยามปกติเพื่อติดตามสถานการณ์ ควบคุม อำนวยการและสั่งการการปฏิบัติ
“ศูนย์บัญชาการทางทหาร มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชา สามารถดำเนินการใช้กำลังทางทหารในการปฏิบัติการทางการทหารได้”พลเรือตรีสุรสันต์กล่าว
พลเรือตรีสุรสันต์ กล่าวว่า ประเด็นที่สาม ในส่วนของ ศบ.ทก. เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันทำให้ต้องยกระดับมาตรการควบคุมชายแดนและจุดชายแดนต่างๆ ในระดับที่สี่ คือ การปิดด่านการเข้าออกทุกด่านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
พลเรือตรีสุรสันต์ กล่าวว่า ประเด็นที่สี่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จับตาการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางโดยเครื่องบินเพื่อไปเล่นการพนันตามแนวทางแดนไทย-กัมพูชา และกลับเข้ามาทางแนวชายแดนทางบกต่าง ๆ โดยทางการได้รวบรวมและติดตามพฤติกรรมอย่างต่อเนื่องและเข้มงวดมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ วันนี้ (24 ก.ค. 68) ในเวลา 14.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย จะเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ วาระพิเศษ ซึ่งจะมีการประเมินสถานการณ์และกำหนดแนวทางในการดำเนินการที่ชัดเจนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป
@ คณะทูตต่างประเทศตอบรับท่าทีไทย
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะโฆษก ศบ.ทก. ด้านต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องแรก การควบคุมจุดผ่านแดน ที่ผ่านมาไม่ได้ปิดด่าน เพียงแต่เพิ่มความเข้มงวด เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและความปลอดภัยของประชาชน แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันทางการไทยมีความจำเป็นต้องปิดด่านเพื่อปกป้องอธิปไตยบูรณภาพแห่งดินแดนและดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นมาตรการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จากขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ที่ผ่านมา จนบัดนี้เป็นขั้นที่ 4
นางมาระตี กล่าวว่า เรื่องที่สอง เมื่อวันที่ 23 ก.ค.68 ได้จัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศ โดยมีผู้แทนเข้าร่วม 93 คน จาก 68 ประเทศและผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศกรณีเกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ช่องบก อุบลราชธานี และการประท้วงจากฝ่ายไทย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี โดยได้ชี้แจงท่าทีและจุดยืนที่ผ่านมา รวมถึงการดำเนินการต่อไป ซึ่งผู้แทนประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาได้รับทราบและเห็นพ้องกับแนวทางของไทยซึ่งเป็นไปตามพันธะกรณีของไทย
“เหตุการณ์เมื่อวาน (23 ก.ค.68) ที่มีกำลังพลกองทัพบก 5 นาย เหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องอานม้า กระทรวงการต่างประเทศขอประณามอย่างที่สุด การละเมิดอธิปไตย การละเมิดอนุสัญญาออตตาวา กระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วงต่อไป”นางมาระตีกล่าว
นางมาระตี กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การปะทะระหว่างกำลังสองฝ่ายขณะนี้ ฝ่านกัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่ม ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ท่าทีและอธิปไตยของไทยในเวทีระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ที่สุด กระทรวงการต่างประเทศพร้อมทำงานอย่างมีเอกภาพกับกองทัพไทยเพื่อปกป้องอธิปไตยไทยและบูรภาพแห่งดินแดนตามกฎหมายระหว่างประเทศต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา