
กห.กัมพูชาออกแถลงการณ์ประณามไทย ละเมิดกฎบัตร UN ยืนยันไทยเริ่มสถานการณ์ก่อน ตั้งแต่ปักลวดหนามที่เชิงปราสาทตาเมือนธม ก่อนยิงโดรนขึ้นฟ้าช่วง 7 โมง ก่อนใช้เครื่องบินรบทิ้งระเบิดช่วง 8.46 น. ทำกัมพูชาไม่มีทางเลือก-กต.กัมพูชายืนยัน ไทยเปิดฉากโจมตีก่อน โดยปราศจากการถูกยั่วยุ-'ฮุน มาเนต' ส่งจดหมายคณะมตรีความมั่นคง UN จี้ประชุมด่วน-กต.จีนแถลงห่วงใยสถานการณ์ ย้ำยึดมั่นจุดยืนเป็นกลาง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์สืบเนื่องจากเหตุปะทะกันระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชาซึ่งทวีความรุนแรงถึงขั้นใช้เครื่องบินรบ F-16 ถล่มฐานบัญชาการของกองทัพกัมพูชา

โดยกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ระบุว่า กัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำทางทหารอันโหดร้าย รุนแรง และรุนแรงของราชอาณาจักรไทยต่ออำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา
โฆษกกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา 24 กรกฎาคม 2568 พลโทมาลี โสเชตา ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและโฆษกกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ประณามอย่างรุนแรงต่อการรุกรานทางทหารที่ไร้ความรอบคอบ โหดร้าย และรุนแรงของราชอาณาจักรไทยต่ออำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568
กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการรุกรานทางทหารอันโหดร้ายและโหดเหี้ยมของราชอาณาจักรไทยต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา
เช้าวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลาประมาณ 06:30 น. ฝ่ายไทยเริ่มละเมิดข้อตกลงที่ตกลงกันไว้โดยการปีนขึ้นไปบนปราสาทตาเมือนธมและปักลวดหนามที่เชิงปราสาท
เวลา 07:04 น. ฝ่ายไทยได้ยิงโดรนขึ้นฟ้าเป็นเวลา 2 นาที และเวลา 08:30 น. ฝ่ายไทยได้ยิงโดรนขึ้นฟ้า ต่อมา เวลา 08:46 น. ของเช้าวันนี้ กองทัพไทยได้เปิดฉากยิงใส่กองทัพกัมพูชาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมก่อน จากนั้นจึงยิงถล่มปราสาทตากระบี เขตพนมคัท และขยายพื้นที่โจมตีไปยังพื้นที่มอมเตย รวมถึงใช้เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด 2 ลูกใส่ฐานกองบัญชาการบนถนนสู่วัดแก้วสิกขาคีรีศวร ซึ่งตั้งมั่นปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนในพื้นที่จังหวัดอุดรมีชัยและพระวิหาร
ต่อมา เวลา 08:47 น. กองทัพกัมพูชาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้สิทธิในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนจากการรุกรานของทหารไทยที่ละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา
การใช้อาวุธหนักทุกประเภทของไทยและการส่งกำลังทหารจำนวนมากเพื่อรุกล้ำดินแดนกัมพูชา ถือเป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน การกระทำที่ขาดความรับผิดชอบและผิดกฎหมายเช่นนี้ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง ไม่เพียงแต่ต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกฎระเบียบพื้นฐานของระเบียบระหว่างประเทศด้วย
กัมพูชาเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการกระทำที่ผิดกฎหมายของไทยอย่างเด็ดขาดและโดยไม่ลังเล และให้ฝ่ายไทยต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการละเมิดที่เห็นได้ชัด กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติการสู้รบทั้งหมดโดยทันที ถอนกำลังออกจากชายแดน และงดเว้นการกระทำก้าวร้าวที่อาจยกระดับสถานการณ์ให้รุนแรงยิ่งขึ้น
แม้ว่ากัมพูชาจะยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติด้วยวิธีการทางกฎหมายและการทูต แต่กระทรวงกลาโหมขอยืนยันความพร้อมอย่างเต็มที่ของกองทัพกัมพูชาในการปกป้องอธิปไตยและประชาชนแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างสุดความสามารถ ตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ กัมพูชาขอสงวนสิทธิ์โดยชอบธรรมในการป้องกันตนเอง และจะตอบโต้การรุกรานอย่างโจ่งแจ้งของไทยอย่างเด็ดขาด
ราชอาณาจักรกัมพูชาขอยืนยันพันธกรณีต่อสันติภาพ อย่างไรก็ตาม เรายังขอยืนยันสิทธิอธิปไตยของเราตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศ ในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนและประชาชนของเราไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม กัมพูชาจะไม่ยอมจำนนต่อการบีบบังคับหรือการข่มขู่ไม่ว่าในรูปแบบใด
รัฐบาล กองทัพ และประชาชนชาวกัมพูชาสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียวในการปกป้องดินแดน ศักดิ์ศรี และอำนาจอธิปไตยของเรา โดยไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด
สำนักข่าวอิศรารายงานข่าวเพิ่มเติมว่าในช่วงบ่ายเช่นเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีและประณามไทยระบุว่า
กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาขอแจ้งให้ประชาคมระหว่างประเทศและสาธารณชนทราบว่า นับตั้งแต่เช้าวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
กองกำลังทหารไทยได้เปิดฉากโจมตีที่มั่นของกัมพูชาในพื้นที่ชายแดนทั้งที่ปราศจากการยั่วยุ วางแผนล่วงหน้า และจงใจ รวมถึงปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตากระเบย และปราสาทมอมเตย ในจังหวัดพระวิหารและจังหวัดอุดรมีชัย
การกระทำรุกรานครั้งนี้ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงและโจ่งแจ้ง รวมถึงหลักการพื้นฐานที่บัญญัติไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติและกฎบัตรอาเซียน ซึ่งห้ามการคุกคามหรือใช้กำลังเพื่อทำลายบูรณภาพแห่งดินแดนและเอกราชทางการเมือง
รัฐบาลกัมพูชาขอประณามการกระทำอันไร้ความรอบคอบและเป็นปรปักษ์ของไทยอย่างรุนแรง
การรุกรานทางทหารโดยไม่ได้รับการยั่วยุเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดนร่วมของเราเท่านั้น
แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการเพิกเฉยต่อบรรทัดฐานของภูมิภาคและพันธกรณีทางกฎหมายระหว่างประเทศอีกด้วย
กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติการสู้รบทั้งหมดโดยทันที ถอนกำลังทหารออกจากชายแดน และงดเว้นการกระทำยั่วยุที่อาจยกระดับสถานการณ์ให้รุนแรงยิ่งขึ้น
กัมพูชาขอยืนยันพันธสัญญาอันแน่วแน่ต่อสันติภาพ การเจรจา และการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติ
อย่างไรก็ตาม กัมพูชายังคงสงวนสิทธิขั้นพื้นฐานในการป้องกันตนเองตามที่ได้รับการรับรองในมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงของประชาชน
@'ฮุน มาเนต' ร่อนจดหมายถึงคณะมนตรีความมั่นคง UN ขอจัดประชุมด่วน
พอถึงช่วงเวลา 13.55 น. พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ส่งจดหมายถึง ประธานคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ประจำเดือนกรกฎาคม 2568 ร้องขอให้มีการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงอย่างเร่งด่วน เพื่อหยุดยั้งการรุกรานของประเทศไทย ต่ออธิปไตยของกัมพูชา เนื้อหาระบุว่า
ฯพณฯ นายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด ผู้แทนถาวรของปากีสถานประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สำหรับเดือนกรกฎาคม 2568 ณ นครนิวยอร์ก
ท่านผู้มีเกียรติ
ข้าพเจ้าเขียนจดหมายฉบับนี้ เพื่อนำเรื่องเร่งด่วนมาสู่ความสนใจของท่านและสมาชิกอื่น ๆ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เกี่ยวกับการรุกรานด้วยกำลังอาวุธต่อกัมพูชาโดยกองกำลังทหารไทยบริเวณชายแดนระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทย ดังรายละเอียดต่อไปนี้:
ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 กองกำลังทหารไทยได้เริ่มการโจมตีโดยไม่มีการยั่วยุ ล่วงหน้า และเจตนาต่อตำแหน่งของกัมพูชาตามแนวชายแดน รวมถึงบริเวณวัดตะมอนธม วัดตาครบ และมุมเบย ในจังหวัดพระวิหารและจังหวัดอุดรมีชัย
กัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดและแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อการรุกรานทางทหารโดยไม่มีการยั่วยุและมีเจตนาล่วงหน้าจากกองกำลังของราชอาณาจักรไทย การโจมตีทางทหารครั้งนี้เป็นการละเมิดหลักการไม่รุกรานและการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งทั้งสองประการนี้เป็นหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงหลักการพื้นฐานที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติและกฎบัตรอาเซียน ซึ่งห้ามการข่มขู่หรือใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐใด ๆ รวมทั้งเป็นการไม่คำนึงถึงเจตนารมณ์ของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่กัมพูชายึดมั่นมาโดยตลอด
เมื่อเผชิญหน้ากับการรุกรานที่โจ่งแจ้งนี้ กองกำลังกัมพูชาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา กัมพูชาขอเรียกร้องให้ไทยยุติการสู้รบทั้งหมดในทันที ถอนกองกำลังกลับไปยังฝั่งของตน และงดเว้นจากการกระทำยั่วยุใด ๆ เพิ่มเติมที่อาจทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น
ข้าพเจ้าขอเตือนว่า ความตึงเครียดบริเวณชายแดนและการสู้รบด้วยอาวุธระหว่างกัมพูชาและไทยยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าจะมีอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 รวมถึงแผนที่ที่จัดทำโดยคณะกรรมการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีนและสยามที่จัดตั้งขึ้นภายใต้อนุสัญญาและสนธิสัญญาดังกล่าว และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและกำหนดเขตแดนทางบก (MOU-2000) ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างสองประเทศร่วมกันโดยยึดตามเอกสารทางกฎหมายเหล่านี้ เช่นเดียวกับกรณีก่อนหน้านี้ ความขัดแย้งบริเวณชายแดนในปัจจุบันเกิดจากความยืนยันของไทยในการอ้างอธิปไตยเหนือพื้นที่ชายแดนโดยใช้แผนที่ที่ไทยจัดทำขึ้นฝ่ายเดียวซึ่งขาดพื้นฐานทางกฎหมาย และขัดต่อพันธกรณีภายใต้ MOU-2000
นอกจากนี้ ไทยยังกล่าวหาที่ไม่มีมูลและไม่มีหลักฐานต่อกัมพูชาเกี่ยวกับเหตุระเบิดทุ่นระเบิด หลังจากที่บุคลากรของไทยเบี่ยงเบนออกจากเส้นทางลาดตระเวนที่เคยตกลงกันไว้ระหว่างสองประเทศ และสร้างเส้นทางใหม่ผ่านดินแดนกัมพูชาที่ทราบกันว่าเป็นพื้นที่ที่มีการบันทึกว่ามีทุ่นระเบิดอย่างเป็นทางการ
เป็นเรื่องที่น่าตำหนิอย่างยิ่งที่การรุกรานนี้เกิดขึ้นในขณะที่กัมพูชากำลังดำเนินการตามแนวทางสันติและเป็นกลางเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนที่ค้างคาอยู่กับไทยผ่านกลไกทวิภาคีและระหว่างประเทศ ดังที่ประชาคมระหว่างชาติทราบ รัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตัดสินใจเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 ที่จะนำข้อพิพาทในพื้นที่ชายแดนสี่แห่ง ได้แก่ มุมเบย วัดตะมอนธม วัดตะมอนสัมผัส และวัดตาครบ ไปสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) การยกระดับทางทหารโดยไทยนี้เกิดขึ้น
แม้จะมีคำร้องขอในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศให้ใช้ความยับยั้งชั่งใจและแก้ไขปัญหาด้วยสันติ รวมถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาในการเจรจา ซึ่งรวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ที่กรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 14-15 มิถุนายน 2568
เมื่อพิจารณาถึงการรุกรานที่ร้ายแรงอย่างยิ่งของไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งคุกคามสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างรุนแรง ข้าพเจ้าขอให้ท่านเรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงอย่างเร่งด่วนเพื่อหยุดยั้งการรุกรานของไทย ข้าพเจ้าจะรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งหากท่านจะกรุณานำจดหมายฉบับนี้ไปแจกจ่ายให้แก่สมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงในฐานะเอกสารของคณะมนตรี
@กต.จีนแสดงความห่วงใย ย้ำยึดมั่นจุดยืนเป็นกลาง
พอถึงช่วงเวลาประมาณ 14.40 น.กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ระบุว่า จีนมีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ
"จีนจะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการส่งเสริมการลดระดับความตึงเครียด" นายกัว เจี๋ยคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวในการแถลงข่าวประจำวัน และเสริมว่าจีนยึดมั่นในจุดยืนที่ยุติธรรมและเป็นกลาง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา