
ป.ป.ช.ตรัง แถลงมติคกก.ชุดใหญ่ ชี้มูลความผิด 'กฤษ์นริศ ศรีใหม่' ปลัดทต.โคกหล่อ นำรถหลวงใช้ส่วนตัวเหมือนของตัวเอง จอดบ้านต่างอำเภอ ไปงานแต่ง-ตจว. ส่วน 'ธนกฤต ภูมิมาตร' นายกฯ - เลขาฯ รอด ส่งสำนวนอสส.ฟ้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกม. ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยต่อ - เผยรถหลวงปัญหาอาชญากรรมซ้ำ มี 3 กรณี อยู่ระหว่างชั้นพิจารณาอัยการ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดตรัง(ป.ป.ช.ตรัง) นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.ป.ป.ช.ตรัง พร้อมด้วยนายยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงานป.ป.ช.ตรัง แถลงข่าวมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายกฤษ์นริศ ศรีใหม่ ปลัดเทศบาลตำบลโคกหล่อ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง นำรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลฯ ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตนและนอกเวลาราชการ ให้ส่งสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ได้ส่งไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงานสำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป
นายบัณฑิต กล่าวว่า คดีนี้ สืบเนื่องมาจากกรณีกล่าวหาว่า นายธนกฤต ภูมิมาตร นายกเทศมนตรีตำบลโคกหล่อ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ผู้ถูกกล่าวที่ 1 กับพวก คือ นายกฤษ์นริศ ศรีใหม่ ปลัดเทศบาลตำบลโคกหล่อ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายมาโนช ชูสุวรรณ เลขานุการนายกเทศมนตรีตำบลโคกหล่อ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ว่าร่วมกันกระทำความผิด โดยนำรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลฯ ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตนและนอกเวลาราชการ และไม่ควบคุมกำกับดูแลหรือได้รู้เห็นกับการกระทำความผิดของผู้ใต้บังคับบัญชา
พฤติการณ์จากการไต่สวนปรากฏว่า นายกฤษ์นริศ ศรีใหม่ ปลัดเทศบาลตำบลโคกหล่อ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้นำรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลตำบลโคกหล่อ จำนวน 2 คัน คือ หมายเลขทะเบียน กต 5063 ตรัง และ กท 2435 ตรัง ไปใช้เป็นการส่วนตัวภายหลังเลิกงาน เป็นประจำทุกวันจันทร์-วันศุกร์ และจะนำรถยนต์ส่วนกลางกลับถึงสำนักงานเทศบาลฯในตอนเช้าของวันทำงาน โดยใช้เป็นยานพาหนะเดินทางไป-กลับ ระหว่างสำนักงานเทศบาลฯ กับบ้านพักของตนที่อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง
นอกจากนี้ยังปรากฏหลักฐานว่า ได้ใช้เดินทางไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี ใช้เดินทางไปจังหวัดพัทลุง และใช้ไปงานมงคลสมรสซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์ส่วนตัว อันเป็นไม่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการใช้และรักษารถยนต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548 เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ
คณะกรรมการป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนน 7 เสียง จากกรณีดังกล่าวข้างต้นปรากฏว่า การกระทำของ นายฤกษ์นริศ ปลัดเทศบาลฯ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดทาอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเส้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 และมีมูลความผิดวินัยร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติครม. หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดตรัง เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย พ.ศ.2558 ข้อ 10 วรรคสอง
เบื้องต้น ในส่วนของสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ได้ส่งไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงานสำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายฤกษ์นริศ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91(1) และ (2) และมาตรา 88 แล้วแต่กรณีต่อไป ทั้งนี้ ให้แจ้งเทศบาลตำบลโคกหล่อ ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 82 วรรคสอง
สำหรับการกระทำของนายธนกฤต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และนายมาโนช ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 จากการไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฎข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่าได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาจึงยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
นายบัณฑิต กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการนำรถหลวงไปใช้ส่วนตัว สำหรับพื้นที่จังหวัดตรังเองพบว่าเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาป.ป.ช.เคยชี้มูลไปแล้วรวม 3 คดี โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของชั้นอัยการ อยู่ที่อัยการจะส่งฟ้องหรือไม่ หากไม่ส่งฟ้อง ป.ป.ช.ก็จะฟ้องเอง ทั้งนี้ กว่า 96% ของคดีที่ป.ป.ช.ฟ้องเองได้จบที่การติดคุก ดังนั้นเหตุที่ป.ป.ช.ต้องมีอำนาจฟ้องเอง เนื่องจากที่ผ่านมามีการวิ่งคดีกันเป็นจำนวนมาก จึงมีกฎหมายให้อำนาจป.ป.ช.ในการยื่นฟ้องต่อศาลได้เอง
ขณะที่นายยุทธนา กล่าวว่า" เรื่องพวกนี้เหมือนเป็นอาชญากรรมซ้ำ เพราะเกิดเหตุการณ์ใช้รถหลวงในเรื่องส่วนตัวซ้ำโดยตลอด ทั้งนี้กลุ่มงานป้องกันฯพบว่าพฤติการณ์ มี 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ใช้โดยไม่เหมาะสม เลยเวลา เช่น เอารถไปกินข้าว ไปร้านอาหาร ไปงานศพ งานแต่ง งานบวช อาจไม่ผิดแต่ใช้งานไม่เหมาะสม 2.ไม่ทำตามระเบียบ ไม่ขออนุญาต หรือขอไปอีกที่ แต่กลับไปอีกที และ3.ใช้โดยทุจริต คือเอาไปใช้เสมือนรถส่วนตัว ที่ผ่านมาพาไปบ่อนการพนันก็ยัง แถมยังเบิกค่าน้ำมันจากราชการด้วย จึงอยากฝากหน่วยราชการให้ระมัดระวัง รถหลวงสามารถใช้ได้ แต่ขอให้ใช้อย่างถูกต้อง"

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา