
ทัพภาค 2 รายงานผลการสู้รบไทย-กัมพูชา เขมรใช้ทหารราบเข้าประชิดกันไทยยิงสนับสนุน สั่งอพยพประชาชน 4 จังหวัด รวม 63,446 ราย เผยยอดตายทหารกัมพูชาช่วงเย็นแตะร้อยนาย ส่วนทหารไทยเสียชีวิต 3 นายหลังเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21-'วินธัย' ยืนยันใช้กระสุนคลัสเตอร์เฉพาะเป้าหมายทางทหาร-โต้กัมพูชาปล่อยข่าวเท็จโจมตีเขาพระวิหาร- -ทอ.เตือน ปชช.ถอยห่างพื้นที่เสี่ยง 20-40 กม.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวสรุปสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชาในวันที่ 25 ก.ค.
ช่วงเวลาประมาณ 20.30 น.ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติสถานการณ์ชายแดนกัมพูชาในรอบเย็นระบุว่า
สถานการณ์การสู้รบ กลยุทธ์ฝ่ายตรงข้ามยังคงพยายามใช้กำลังทหารราบเข้าประชิดกำลังฝ่ายเราเพื่อพยายามเข้าโจมตีหลักในพื้นที่ ช่องบก, ซำแต, ภูมะเขือ, ช่องตาเฒ่า, ประสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย โดยมีการยิงด้วยอาวุธยิงสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ, พื้นที่ช่องบก มีความพยายามที่จะยึดเนิน 469, พื้นที่ช่องอานม้า ปรับกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ การปะทะเบาบางลง, พื้นที่ซำแต ยังคงมีการโจมตีด้วยอาวุธยิงสนับสนุน ด้วยรถถัง และปืนใหญ่, พื้นที่สัตตะโสม ฝ่ายตรงข้ามได้รับความเสียหายอย่างหนัก, พื้นที่เขาพระวิหาร มีการปะทะอย่างต่อเนื่องบริเวณวัดพระแก้ว, พื้นที่ภูมะเขือ มีการดำเนินกลยุทธ์เพื่อยึดพื้นที่สำคัญให้เกิดความได้เปรียบอีกฝ่าย, พื้นที่เนิน 350 ถูกทำลายด้วยอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายเรา, พื้นที่ปราสาท ตาควาย (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ถูกอาวุธยิงสนับสนุนจากฝ่ายเราไม่สามารถดำเนินการเข้าตีต่อฝ่ายเราได้, พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ฝ่ายเราสามารถสกัดกั้นการเข้าฝ่ายตรงข้ามถอยกลับไป
สถานะปัจจุบันฝ่ายตรงข้าม : เสียชีวิตที่พื้นที่ภูผีประมาณ 100 นาย
การอพยพประชาชน :
สนับสนุนส่วนราชการจังหวัดในการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัย ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน พื้นที่ตอนในทั้ง 4 จังหวัด อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมียอดรวมประชาชนอพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือนแล้ว 63,446 คน
ผลกระทบต่อประชาชน
พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย : ปัจจุบันยังไม่มีการรายงานพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเพิ่มเติม ต.ตาเมียง ต.บักได และ ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่, ต.ศรีวิเชียร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จรวด BM-21 ตกในพื้นที่ มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 4 หลัง และ ต.รุง ต.เมือง และ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่
การช่วยเหลือประชาชน : จัดจิตอาสาพระราชทานดูแลและช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ 4 จังหวัด เพื่อดูแลและช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งตั้งโรงครัวพระราชทาน 7 จุด รถครัวสนาม 8 จุด ประกอบอาหารเพื่อดูแลประชาชนผู้อพยพ จำนวน 15,000 กล่อง/มื้อ รวมทั้งสิ้น 52,000 กล่อง/วัน
ขอความร่วมมือประชาชน ดังนี้
1.ขอให้ประชาชน งดเว้นถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอ เผยแพร่ หรือแชร์ข้อมูลการเคลื่อนย้ายของกำลังพล ยุทโธปกรณ์ เส้นทางปฏิบัติการ ความเคลื่อนไหวของฝ่ายความมั่นคง เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความสับสน ตื่นตระหนก สื่อสารข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี
2. ให้ประชาชนระวังข่าวปลอม FakeNews ซึ่งปัจจุบันมีการเผยแพร่ในสื่อโซเชียลเป็นวงกว้าง ขอให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าวสารให้ดี และพิจารณาเชื่อถือจากแหล่งที่มาที่เป็นทางการ
3. ปัจจุบันเกิดการปะทะตลอดพื้นที่ตามแนวชายแดน จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ตามแนวชายแดน
@'วินธัย' ยันใช้กระสุนคลัสเตอร์เน้นเป้าหมายทางทหาร
เวลา 18.57 น.พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวว่า กรณีกัมพูชากล่าวถึงฝ่ายไทยมีการใช้กระสุนปืนใหญ่แบบกระสุนคลัสเตอร์นั้นหรือกระสุนแบบดาวกระจายว่า กองทัพบกขอเรียนว่า การใช้กระสุนชนิดนี้ กองทัพบกจะพิจารณาใช้ตามความจำเป็นต่อเป้าหมายทางทหาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำลายเป้าหมาย โดยเมื่อกระสุนหลักกระทบเป้าหมายแล้ว กระสุนย่อยที่บรรจุอยู่ภายในจะระเบิดต่อเนื่อง ซึ่งกระสุนดังกล่าว ไม่ใช่ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (anti-personnel landmines) และไม่มีผลตกค้างในระยะยาวต่อพลเรือนหลังการใช้งาน
ส่วนกรณี อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้กระสุนคลัสเตอร์ (Convention on Cluster Munitions – CCM) ซึ่งห้ามภาคีใช้งาน ผลิต หรือสะสมอาวุธชนิดนี้นั้น ไม่มีผลผูกพันต่อประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมิได้เป็นภาคีของอนุสัญญาฉบับดังกล่าว เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เป็นต้น กองทัพบกยืนยันว่า การปฏิบัติทางทหารของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลัก “ความได้สัดส่วน” โดยจะมีการใช้กระสุนแบบคลัสเตอร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการระเบิดทำลายเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น
@กองทัพภาค 2 สรุปผลการสู้รบ อพยพประชาชน 131 จุด
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 15.10 น.เฟซบุ๊กของกองทัพภาคที่ 2 รายงานข่าว ว่าศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 (ณ เวลา 12.00 น.)
ตามที่เกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้
สถานการณ์การสู้รบ วันที่ 25 ก.ค. 68 เวลา 08.30 น. กลยุทธ์ฝ่ายตรงข้ามใช้กำลังทหารราบเข้าประชิดกำลังฝ่ายเราเพื่อป้องกันฝ่ายเราใช้อาวุธยิงสนับสนุน ฝ่ายตรงข้ามใช้รถถังและอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลโจมตีขอบหน้าพื้นที่การรบพื้นที่ส่วนหลัง มีความพยายามโจมตีในพื้นที่ ซำแต, ช่องตาเฒ่า และประสาทตาเมือน, พื้นที่ช่องบก เป็นการตอบโต้ระหว่างปืนใหญ่กับ BM-21, พื้นที่ช่องอานม้า ปรับกำลังเข้าควบคุมตามเส้นแดน, พื้นที่ชำแต ฝ่ายตรงข้ามรวมกำลังทหารราบรถถัง ตีโต้ตอบเพื่อยึดพื้นที่คืน, พื้นที่ช่องตาเฒ่า. พื้นที่พระวิหาร ตรึงข้าศึกบริเวณวัดแก้ว, พื้นที่ภูมะเขือ ฝ่ายเราเข้าตีฝ่ายตรงข้ามยิงโต้ตอบ, พื้นที่ช่องจอม (อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์) ทั้งสองฝ่ายใช้อาวุธยิงสนับสนุน โจมตีกันไปมา, พื้นที่ปราสาทตาควาย (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ข้าศึกเพิ่มเติมกำลังขึ้นมาเป็นจำนวนมากฝ่ายเราต้องปรับแผน และพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ฝ่ายเราวางกำลัง ฝ่ายตรงข้ามพยายามเข้าตี
การอพยพประชาชน จำนวน 131 จุด ดังนี้ พื้นที่ จ.บุรีรัมย์ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 1 จุด 4,813 คน, จ.สุรินทร์ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 20 จุด 21,646 คน, จ.ศรีสะเกษ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 43 จุด 26,511 คน, จ.อุบลราชธานี อพยพ เข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 67 จุด 10,476 คน, ล่าสุดอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว 63,446 คน
ผลกระทบต่อประชาชน พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ต.ตาเมียง, ต.บักได และ ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่, ต.ศรีวิเชียร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กระสุนปืนใหญ่ตก บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 4 หลัง, ต.รุง ต.เมือง และ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ กระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่ ปัจจุบันยังไม่มีรายงานการสูญเสียต่อชีวิตของประชาชน
การช่วยเหลือประชาชน จิตอาสาพระราชทานดูแลและช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ 4 จ. เพื่อดูแลและช่วยเหลือประชาชน อำนวยความสะดวกประชาชนในศูนย์พักพิงชั่วคราว และช่วยขนย้ายสิ่งของ รวมทั้งช่วยในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนได้รับทราบ โดย จัดจิตอาสา 904 และจิตอาสาพระราชทาน จำนวน 2,318 นาย เข้าช่วยเหลือประชาชน ในพื้น 4 พื้นที่ ประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์, จ.สุรินทร์, จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี
การจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ในพื้นที่ 4 จังหวัด ดังนี้ จ.บุรีรัมย์ ที่สนามช้างอารีน่า, จ.สุรินทร์ ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อ.เมืองฯ, มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ อ.เมืองฯ และ ที่องค์การบริหารส่วนตำบลเชื้อเพลิง อ.ปราสาท, จ.ศรีสะเกษ ที่วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ ต.จานใหญ่ อ.กันทรลักษ์ และ ที่โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี ต.ตระกาจ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ที่ว่าการอำเภอเดชอุดม
จากสถานการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้น กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 2 ยังคงยืนยันถึงเจตนาในการปกป้องอธิปไตย ที่เกิดจากการรุกรานของฝ่ายกัมพูชาภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มิใช่การละเมิดหรือรุกรานจากฝ่ายไทยตามที่กัมพูชากล่าวอ้าง และพยายามนำเสนอข้อมูลเพื่อสร้างความชอบธรรมในสายตาของนานาชาติ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องไปยังประเทศกัมพูชา ให้ยุติการกระทำในลักษณะที่ต้องการครอบครองพื้นที่ที่อาณาเขตประเทศไทย โดยนำเรื่องพื้นที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาตัดสินโดยศาลโลก และกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา ในฐานะมิตรประเทศต่อไป
ทั้งนี้มีรายงานจากหน่วยหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่ามีทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย จากการปฎิบัติหน้าที่เมื่อเช้านี้ที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM21ซึ่งกัมพูชานำไปจอดไว้ในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน และวัด เพื่อเป็นโลกำบัง
โดยทหารที่เสียชีวิต 3 นายได้แก่ 1.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 2.สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตร และ 3.สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ร้อย.ลว.ไกล 6 และมีสิบเอกสุทธิชัย เรื่อเรือง ได้รับบาดเจ็บ
@ทบ.แจงเหตุจรวด BM-21 ยิงใส่บ้าน-ถนน 3 จุด
อนึ่งก่อนหน้านี้ ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. เฟซบุ๊กของกองทัพบกได้รายงานข่าวว่า กระสุนจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ ต.ศรีวิเชียร บ้านเรือนเสียหาย ไม่มีผู้บาดเจ็บ
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 08.50 น. เกิดเหตุกระสุนจรวด BM-21 ตกลงในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน หมู่ 5 ตำบลศรีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี รวมจำนวน 3 จุด ได้แก่
จุดที่ 1: ตกใส่บ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย
จุดที่ 2: ตกใส่บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ได้รับความเสียหาย
จุดที่ 3: ตกใส่ถนนภายในหมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย
เบื้องต้นไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่าประชาชนได้อพยพไปยังศูนย์พักพิงซึ่งจัดตั้งโดยฝ่ายปกครองอำเภอน้ำยืนก่อนหน้านี้แล้ว





@'วินธัย' โต้กัมพูชา ปล่อยข่าวเท็จ อ้างไทยโจมตีเขาพระวิหาร
อนึ่งก่อนหน้านี้ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้แถลงข่าวที่กองบัญชาการกองทัพบก ถึงกรณีที่มีรายงานว่าฝ่ายกัมพูชาได้ทำหนังสือถึงองค์การยูเนสโก (UNESCO) โดยกล่าวอ้างว่าฝ่ายไทยได้ใช้อาวุธยิงสนับสนุนในการปฏิบัติการทางทหาร จนส่งผลให้ปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหาย
ในเรื่องนี้ กองทัพบกขอเรียนว่า การปฏิบัติของกำลังทหารไทยมีเป้าหมายอย่างชัดเจนในการตอบโต้เฉพาะต่อกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา โดยมิได้มุ่งเป้าไปยังพื้นที่พลเรือน หรือสถานที่ใด ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารแต่อย่างใด
ดังนั้น ข้อกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชาที่ระบุว่าปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหายจากการโจมตีของฝ่ายไทย จึงถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ยังสอดคล้องกับข้อมูลที่กองทัพบกได้ตรวจพบว่า มีความพยายามเผยแพร่ข่าวสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจากฝ่ายกัมพูชาในหลายประเด็นอย่างต่อเนื่อง
กองทัพบกขอยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินการอย่างรอบคอบภายใต้หลักมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ โดยมิให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลหรือทรัพย์สินที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางทหาร
@ทอ.เตือน ปชช.หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง 40 กม.
ส่วนกองทัพอากาศได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนว่า ขณะนี้ยังเกิดเหตุปะทะในพื้นที่ตามแนวชายแดนหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยง 20-40 กม. ตามแนวปะทะชายแดน และงดการเผยแพร่ภาพ/ข้อมูล/บุคลากรในการปฏิบัติการทางทหาร อาทิ ภาพ/เสียง/เวลาที่แสดงตำแหน่งเครื่องบินผ่าน เครื่องบินวิ่งขึ้น ภาพนักบินและเจ้าหน้าที่ เป็นต้น

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา