
ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา แถลงสถานการณ์ล่าสุดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา 12 แห่ง มีพลเรือนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บสาหัส 14 ราย อพยพแล้วกว่า 1.3 แสนคน เผย หารือ เอกชน เตรียมแผนฉุกเฉินช่วยเหลือคนไทยในกัมพูชา ศบ.ทก. จับตา วันนี้ บ่าย 3 ตามเวลาท้องถิ่นนครนิวยอร์ก UNSC ประชุมแบบปิดหารือสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ตึกนารีสโมร ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) โดย พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง แถลงความคืบหน้าเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา ว่า เรื่องแรก ขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียของประชาชนคนไทย การปะทะดังกล่าวเป็นเหตุไม่คาดคิดทำให้ฝ่ายเราไม่สามารถแจ้งเตือนไปยังประชาชนได้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตามการปะทะก็ยังมีต่อไปอย่างงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน จึงอยากแจ้งเตือนทั้งสองฝ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องให้อพยพออกจากพื้นที่การลดเพื่อลดหรือป้องกันความเสียหายข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
@ พลเรือนเสียชีวิต 14 บาดเจ็บสาหัส 14 ราย
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า สำหรับยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บของพลเรือนฝ่ายไทย 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ณ วันที่ 25 ก.ค.68 เวลา 9.00 น. พลเรือนมียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 14 ราย บาดเจ็บสาหัส 14 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 11 ราย รวมทั้งสิ้น 45 ราย ทั้งนี้ ยอดผู้อพยพประชาชนไปแล้ว จำนวนราว 1.3 แสนคน หรือ ร้อยละ 100 ของประชาชนในพื้นที่

พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขได้อพยพผู้ป่วยและบุคลาการทางการแพทย์ออกจากโรงพยาบาลที่อยู่ในรัศมีของการโจมตีและได้รับผลกระทบ รวม 11 แห่ง โดยมี 4 แห่งที่ปิดการทำการโดยปริยาย เนื่องจากมีความเสี่ยงของการถูกโจมตี
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า จากการปรากฏข่าวการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา โจมตีไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาล เป็นพื้นที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวา และเป็นการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม ฝ่ายไทยขอประท้วงและประณามอย่างรุนแรง
@ อัพเดทเหตุปะทะ 12 แห่ง
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การปะทะ ณ เวลา 08.30 น. ของวันที่ 25 ก.ค. 68 ฝ่ายกัมพูชายังมีการใช้อาวุธหนักและอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลโจมตีขอบหน้าพื้นที่การปะทะและพื้นที่ส่วนหลังของฝ่ายไทย ทำให้พื้นที่ส่วนหลังที่มีประชาชนอยู่อาศัยได้รับผลกระทบ รวมถึงโรงพยาบาล ซึ่งจากการพิสูจน์ทราบวันนี้ การปะทะยังคงมีอยู่ในพื้นที่ 12 แห่ง อาทิ ช่องบก ช่องอานม้า ซำแต ชุดตรวจการณ์ภูผี ช่องตาเฒ่า เขาพระวิหารบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ภูมะเขือ ช่องจอม ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า สำหรับการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2568 วาระพิเศษ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่ประชุมมติอนุมัติ ให้กองทัพดำเนินการปกป้องอธิปไตยและบูรภาพแห่งดินแดนของไทย และให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ให้กระทรวงการต่างประเทศประท้วงและประณามการกระทำของกัมพูชาที่ละเมิดอธิปไตยของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ และให้ศบ.ทก.บริหารจัดการชายแดนและให้ข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงโดยบูรณการกับกองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า โดยมติสภาความมั่นคงฯ ได้รายงานไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) และมีมติเห็นชอบจำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ให้กระทรวงการต่างประเทศเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศไทยและลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตลง 2.ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา อย่างเต็มที่ โดยในส่วนการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวให้พิจารณาจากกลไกที่มีอยู่แล้ว เช่น กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ 3.ให้กระทรวงการคลังพิจารณามาตรการทางภาษีเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในครั้งนี้
@ ถกเอกชนเตรียมแผนช่วยเหลือคนไทยในกัมพูชา
นางมาระตี นะลิตา อันดาโม โฆษก ศบ.ทก.ด้านต่างประเทศ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งในนามของกระทรวงการต่างประเทศต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการปะทะที่เริ่มต้นโดยฝ่ายกัมพูชา การสูญเสียในครั้งนี้รวมถึงพลเมืองบริสุทธิ์ โดยเฉพาะการเสียชีวิตของเด็กที่นอกจากจะละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศแล้ว ยังละเมิดศีลธรรมการเป็นมนุษย์ และควรที่จะได้รับการประณามอย่างเต็มที่โดยประชาคมระหว่างประเทศ

“ขอย้ำว่า การตอบโต้ของฝ่ายไทยจะมีความชัดเจน เหมาะสมในการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ ข้อที่ 51 แต่การกระทำของกัมพูชาเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะตามข้ออนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 เกี่ยวกับการคุ้มครองโรงพยาบาลและฉบับที่ 4 เกี่ยวกับการคุ้มครองหน่วยแพทย์ รวมถึงเป็นการกระทำที่ขาดมนุษยธรรมต่อพลเรือน ผู้บริสุทธิ์”นางมาระตีกล่าว
นางมาระตีกล่าวว่า ในที่ประชุมศบ.ทก.ได้มีการหารือกับภาคเอกชนเพื่อเตรียมการตามแผนช่วยเหลือคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาในขณะนี้ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเป็นรูปธรรม
@ ศบ.ทก.จับตา 15 ปท.สมาชิก UNSC เจรจาข้อพิพาท
“ขณะที่การส่งหนังสือถึง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ตอบโต้ฝ่ายกัมพูชา กรณีกัมพูชาขอให้ UNSC เรียกประชุมด่วนเพื่อยุติเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมกับกล่าวหาว่า ไทยเป็นฝ่ายรุกรานอธิปไตยกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องตรงกันข้ามกับความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง โดยไทยมีหลักฐานว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน จนมีพลเรือนฝ่ายไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งเป็นการรุกรานอธิปไตยและเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนต่อประเทศไทย”นางมาระตีกล่าว
นางมาระตีกล่าวว่า โดยในวันนี้ (25 ก.ค.68) เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา UNSC จะจัดประชุมแบบปิดเพื่อหารือสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเชิญคู่กรณี พร้อมกับสมาชิกถาวรและไม่ถาวรของ UNSC จำนวน 15 ประเทศ มารับทราบ แต่ไม่มีการลงมติแต่อย่างใด และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศจะเดินทางกลับในคืนนี้

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา