
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน รับคำร้องเรียน ชาตรี อรรจนานันท์ ผู้ผ่านการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนมติวุฒิสภาที่เห็นชอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมขอออกมาตรการ-วิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย ชี้ ป้องกันความเสียหายอย่างร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นต่อหลักนิติธรรมและประโยชน์สาธารณะ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับคำร้องเรียนของนายชาตรี อรรจนานันท์ ผู้ผ่านการสรรหาของคณะกรรมการสรรหาให้เป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรรมนูญ โดยขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาและมีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนมติการประชุมหรือการกระทำดังกล่าวของวุฒิสภาเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ยื่นคำร้อง และขอให้เพิกถอนหรือยกเลิกกระบวนการสรรหาครั้งใหม่ของคณะกรรมการสรรหา ที่มีขึ้นภายหลังการประชุมวุฒิสภา ตามประกาศลงวันที่ 31 มีนาคม 2568 รวมถึงมติการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ที่มีมติแต่งตั้งบุคคลอื่นเป็นผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 มีมติไม่เห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 2 ราย ได้แก่ ศาสตราจารย์ สิริพรรณ นกสวน สวัสดี ศาสตราจารย์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายชาตรี อรรจนานันท์ อดีตอธิบดีกรมการกงสุล ขณะที่การประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 1 ราย คือ นายสราวุธ ทรงศิวิไล อดีตอธิบดีกรมทางหลวง
สำหรับคำร้องของนายชาตรี มีรายละเอียดดังนี้ 1. ขอให้เพิกถอนมติการประชุม หรือการกระทำดังกล่าวของวุฒิสภาเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ยื่นคำร้อง
2. ในกรณีที่ศาลมีคำวินิจฉัยตามข้อ 1. ข้างต้น ขอให้เพิกถอนหรือยกเลิกกระบวนการสรรหาครั้งใหม่ของคณะกรรมการสรรหา ที่มีขึ้นภายหลังการประชุมวุฒิสภา ตามประกาศลงวันที่ 31 มีนาคม 2568 รวมถึงมติการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ที่มีมติแต่งตั้งบุคคลอื่นเป็นผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมติของวุฒิสภาตลอดจนกระบวนการสรรหาครั้งใหม่ดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุมหรือการลงมติของวุฒิสภาเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญและใช้บังคับมิได้
รวมทั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญได้โปรดกำหนดมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย เนื่องจากวุฒิสภาเป็นองค์กรที่สำคัญซึ่งใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ หากการใช้อำนาจหรือการปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาไม่ชอบและไม่อาจใช้บังคับได้ ผลกระทบและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติย่อมเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง อีกทั้งยังกระทบต่อหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กรณีจึงมีเหตุผลที่ศาลจะต้องกำหนดมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวเพื่อป้องกันความเสียหายอย่างร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นต่อหลักนิติธรรมและประโยชน์สาธารณะ
จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญได้โปรดมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการใด ๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยตามมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ประกอบกับข้อ 37 และข้อ 40 (6) ข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562 ให้ศาลมีคำสั่งไปยังวุฒิสภาให้หยุดหรือระงับการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาครั้งใหม่ของคณะกรรมการสรรหา ที่มีขึ้นภายหลังการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568
รายงานข่าวระบุว่า ขึ้นตอนต่อไปหลังจากนี้ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจะพิจารณาคำร้องดังกล่าวว่าอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ ก่อนจะแจ้งให้ผู้ร้องทราบต่อไป
อ่านข่าวประกอบที่เกี่ยวข้อง :
- วุฒิสภา ตีตก ‘สิริพรรณ-ชาตรี’ ไม่เห็นชอบ นั่ง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
- วุฒิสภา เห็นชอบ ‘สราวุธ ทรงศิวิไล’ นั่ง ตุลาการศาลรธน.– ‘ณรงค์ กลั่นวารินทร์’ กก.กกต.

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา