
ภูมิธรรม ชี้การหยุดยิงคือขั้นตอนแรกของการเจรจาเงื่อนไขต่างๆ ปัดโยนภาระทหารตัดสินใจ แต่เพราะเป็นแนวหน้าเห็นสถานการณ์ดีกว่า ยืนยันจะเรียกความรับผิดชอบจากกัมพูชาแน่ ส่วนการฟ้องร้องอาชญกรสงคราม เป็นหนึ่งในเงื่อนไข ปัดตอบเอาภาษรีทรัมป์ไปผูกด้วยหรือไม่ กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมส่งหนังสือถึงประเทศผู้สังเกตการณ์ประท้วงกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 นานภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในการประชุมครม.ได้เสนอมาตรการดูแลกำลังพลอย่างพิเศษ จะมีการคุยกันต่อ เรื่องนี้เป็นบทเรียนว่า ที่เคยถามกันว่าทหารมีไว้ทำไมนััน ถ้าวันนี้ไม่มีทหารก็คงแย่ไปกว่านี้ เวลาพูดกันควรพูดบนพื้นฐานความเป็นจริง เพราะการปกป้องประเทศไม่ได้เกิดบ่อยๆ เป็นเรื่องภาวะวิกฤติ ซึ่งอย่างที่เรียนกำลังทหารต้องอยู่ในความพร้อมในการปกปักรักษาประเทศได้ ขอบคุณทหารหาญและขอให้กำลังใจ ส่วนผู้ที่สูญเสียจะดูแลเต็มที่
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ฝ่ายไทยเราเป็นฝ่ายยึดมั่นตามสิ่งที่คุยไว้ แต่เหตุการณ์การปะทะที่เกิดขึ้นบางจุดเป็นเพราะมีทหารที่ไม่มีวินัยทำการรบและตอบโต้ ไทยเราตอบโต้แบบไม่เกินเลย ยิงปืนเล็กมายิงปืนเล็กกลับ แต่ถ้าใช้อาวุธหนักเราก็ต้องใช้คืนกลับ สถานการณ์ตอนนี้ยังสงบอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่อจากนี้การพูดคุยกันจะเป็นระดับแม่ทัพภาคใช่หรือไม่ ระดับผู้นำไม่จำเป็นต้องคุยแล้ว นายภูมิธรรมตอบว่า ได้มอบอำนาจให้กองทัพบกเป็นผู้พูดคุย เพราะเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ตอนหน้า มีการประสานงานกันตลอด เมื่อครู่รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาโทรมา จะประสานให้โทรกลับไปคุยกับกองทัพบก

เมื่อถามว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ช่อง 5 ว่าฝ่ายกัมพูชาต้องปรับกำลังออกและเอาอาวุธออกไป แต่ฝ่ายฮุนมาเนตบอกว่า ถ้าจะให้หยุดยิงต้องไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย เมื่อวานนี้ (28 ก.ค. 68) มีการพูดคุยกันแบบใด นายภูมิธรรมตอบว่า ท่านเข้าใจผิด สิ่งที่เราพูดคือ ในการต้องการที่จะหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขจะต้องทำก่อน ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจบแล้ว การหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขคือ การให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า จะหยุดยิงเมื่อไหร่ ส่วนกระบวนการหลังจากนั้น กำหนดไว้แล้วว่าให้พูดคุยกันตามกลไก นี่คือรายละเอียดที่กองทัพจะเจรจา
เมื่อถามอีกว่า แสดงว่ายังไม่ได้หยุดยิง นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นไปตามกระบวนการ ถามแบบนี้จะเป็นการทำเราระหองระแหงกัน ต้องคำนึงถึงการให้นานาชาติประชาคมโลกเข้ามาสังเกตการณ์แล้ว วันนี้หยุดยิง ถ้าหยุดก็เจรจา การหยุดยิงเป็นมาตรฐานที่อยากให้คุยกันทั้งหมด วันนี้ยังไม่มีอะไรกระทบปัญหาประเทศ ยืนยันว่า ยังรักษาอธิปไตยของประเทศได้ทุกจุด
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า พูดแบบนี้แสดงว่าโยนภาระให้ฝ่ายทหาร นายภูมิธรรมแทรกว่า พูดแบบนี้แสดงว่าอยากให้การเมืองทะเลาะกับทหาร ทั้งหมดมีการพูดคุยกันตลอดเวลา ไม่ใช่การโยน ต้องการให้ฝ่ายทหารที่อยู่แนวหน้าเป็นผู้ตัดสินใจและประสานงานกัน ไม่ใช่โยนภาระ ถ้ามานั่งพิจารณาตรงนี้ แต่คนอยู่หน้างานได้เห็นสถานการณ์อะไที่ต่างไป ก็จะเป็นปัญหาอีก ยืนยันว่ามีการทำงานร่วมกันอย่างเอกภาพ ได้คุยเป็นเนื้อหนึ่งเดียวกัน
เมื่อถามว่า หลักการโดยทั่วไป การเจรจาหยุดยิง ต้องขอให้อีกฝ่ายถอนอาวุธหนักออกไปก่อนหรือไม่ การจะเจรจาต้องยื่นเงื่อนไข 1-2-3 หรือไม่ และการที่ท่าน (ภูมิธรรม) ไปรับเงื่อนไขของอีกฝ่ายมา นายภูมิธรรมแทรกอีกว่า พูดแบบนี้เหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่ทำ ฟังนิดนึง ยืนยันว่าทั้งหมด ถ้าไปคุยเงื่อนไมันไม่จบ แต่ถ้ายังยิงกันต่อก็เกิดความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สิน เพราะฉะนั้นเงื่อนไขแรก หยุดยิงก่อน เพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น หลังจากนั้นจึงเจรจากัน
"สิ่งที่เราทำ ไม่ได้สนองความสะใจของใคร แต่เราระมัดระวังความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินและชีวิตของพลเมืองและทหาร หลังจากหยุดแล้วก็เจรจา ได้ไม่ได้ก็จับตรงนั้นว่าไปใหม่ ถ้าเริ่มจากการตั้งคำถามแบบนี้มันไม่หยุด และคนที่ตายและเสียหายคือประชาชนแสนกว่าคนที่อยู่ข้างนอกและกำลังทหารที่เสียชีวิต อยากให้ใช้สติพิจารณาว่า การกระทำเหล่านี้เป็นการยุติความเสียหาย นั่นคือการยุติหลายๆอย่างที่จพเป็นเงื่อนไขในการคุยกัน" นายภูมิธรรมกล่าว
เมื่อถามว่า มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลเรียกร้องความเสียหายจากกัมพูชา รวมถึงการยื่นฟ้องในฐานะอาชญกรสงคราม นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นเงื่อนไข แต่ไม่ใช่เงื่อนไขในการหยุดยิง การหยุดยิงคือการยุติไม่ให้เกิดความเสียหายแล้วมาคุยกัน โดยได้มอบหมายระดับทวิภาคีเข้ามา ไม่ได้ต้องการให้มีประเทศอื่นเข้ามา แต่ประเทศอื่นจะเป็นผู้สังเกตการณ์เท่านั้น ปัญหาต่อไปคือการคุยกันโดยไม่มีเสียงปืน ถ้ายังคุยกันโดยมีการยิง ไม่มีที่ไหนทำได้ จะทำให้ความสูญเสียประชาชนและชายแดน ส่วนจะเดินหน้าเอาผิดกัมพูชาในฐานละเมิดหรือไม่ เดี๋ยวรอพูดคุยกัน ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลตรงนั้น
นายภูมิธรรมกล่าวย้ำว่า เงื่อนไขในการหารือคือเงื่อนไขของกองทัพบก 6 ข้อ ซึ่งกองทัพบกทราบดี ขอให้ไปถามดู ขอให้นึกถึงประเทศชาติ ซึ่งเงื่อนไขที่กองทัพบกเสนอมานั้น เรารับได้ และนำมาเจรจาต่อ ที่ประชุมก็ยอมรับ
ถามย้ำว่า รัฐบาลเอาเรื่องภาษีสหรัฐฯ มากดดันผูกคอกองทัพหรือไม่ นายภูมิธรรมย้อนถามว่า ไปเอาความเชื่อมั่นมาถาม แล้วมากดดัน ไม่ขอตอบแล้ว ก่อนจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ และขึ้นตึกบัญชาการไปทันที

@ กต. เตรียมส่งหนังสือถึงผู้สังเกตการณ์ประท้วงกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดยไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงว่า ตั้งแต่เวลา 24.00 น.ที่ผ่านมา รัฐบาลได้รับรายงานว่ายังมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในพื้นที่หลายจุด ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 จะสรุปสถานการณ์รายละเอียดว่า ตั้งแต่เวลา 24.00 น. จนกระทั่งถึงเวลา 10.00 น.วันนี้ (29 ก.ค.68) มีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในจุดไหน แบบใด และมีพยานหลักฐานลักษณะอย่างไรบ้าง
นายจิรายุกล่าวว่า โดยการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ศบ.ทก ในขณะนี้ มีคำแนะนำไปยังรัฐบาลไทย คือ กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งให้ผู้สังเกตการณ์ คือ จีน สหรัฐอเมริกา รวมถึงนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน โดยจะทำเอกสารส่งไปว่า มีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลังเวลา 24.00 น.ในรูปแบบไหน อย่างไร ทั้งนี้ หลังจากส่งข้อความประท้วงไปยังประเทศผู้สังเกตการณ์แล้วจะนำรายละเอียดเข้าสู่การประชุมของครม. ศบ.ทก. และสมช.ต่อไป
นายจิรายุกล่าวว่า จากสาเหตุที่ยังมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง รัฐบาลไทย โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ย้ำให้กองทัพบกปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนไทยอย่างเต็มที่ และยังคงตรึงกำลังไว้ก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
“เมื่อวานนี้ (28 ก.ค.68) ก่อนเที่ยงคืน พอเรารับคำสั่งหยุดยิง มีการพูดคุยกันว่า เราต้องตรึงกำลังไว้ ไม่มีว่า 24 นาฬิกาแล้ว กลับบ้าน กองทัพถอย ไม่มี เพราะเราก็ไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว ประสบการณ์การที่ผ่านมาเราก็จะเห็นว่า พูดอย่างทำอย่าง เพราะฉะนั้นทหารไทยจึงตรึงกำลัง 100 % ทั้ง 7 จังหวัด”นายจิรายุกล่าว
นายจิรายุกล่าวว่า สำหรับการประชุมของครม.ในวันนี้ มีการยืนยันใน 4 ประเด็น คือ 1.ให้กองทัพไทยรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างเต็มที่ 2.ย้ำในจุดยืนเดิมในการเรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับประเทศไทยและส่งตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชากลับกัมพูชา 3.ให้กระทรวงหมาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ส่วนการอพยพกลับบ้านเรือนขอให้รอ ศบ.ทก.หารือในช่วงบ่ายภายหลังการลงพื้นที่ตรวจสอบ
“รัฐบาลไทยเดินในแนวทางกองทัพแบบสุภาพบุรุษในการปฏิบัติภารกิจทั้งทางอากาศ ทางบก ทุกทาง เป็นสุภาพบุรุษทางการทหาร”นายจิรายุกล่าว
ที่มาภาพทั้งหมด: สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา