พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี-รมว.คลัง เผย คณะรัฐมนตรี นัดพิเศษ อนุมัติ ข้อเสนอการเจรจาภาษีศุลกากรตอบโต้ ก่อนลงนามในรายละเอียดกับสหรัฐฯ - เข้ารัฐสภาให้ความเห็นชอบ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กรณีสหรัฐอเมริกาแจ้งการจัดเก็บสินค้าที่นำเข้าจากประเทศไทยในอัตราภาษี 19 % ว่า ที่ประชุมครม.นัดพิเศษ มีมติเห็นชอบรายละเอียดเกี่ยวกับการยื่นข้อเสนอที่เป็นข้อตกลง แบบไม่มีข้อผูกพันกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นข้อเสนอชุดสุดท้าย เป็นข้อตกลงเบื้องต้น โดยหลังจากนี้จะมีการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อลงในรายละเอียดในสัญญาในแต่ละเรื่องต่อไปในเร็วๆ นี้ ส่วนรายละเอียดคงไม่ต้องบอกว่าเราเสนออะไรไปบ้าง
“สินค้าหลายอย่างที่ยังเปิดไว้ ยกตัวอย่างเช่น เราจะซื้อสหรัฐฯ สหรัฐฯจะส่งเข้ามามีกติกาอย่างไร แม้กระทั่งเรื่องสำคัญ คือ เรื่องกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (Rule of Origin) คงต้องมีการตกลงกันว่า กติกาคืออะไร”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการเข้าไปสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 178 นั้น รายละเอียดเยอะ คงต้องทำให้เร็วที่สุด
ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการนั้น นายพิชัยกล่าวว่า ได้เตรียมมาตรการที่จะช่วยเหลือไว้แล้วตามความจำเป็นที่เกิดขึ้นในแต่ละลักษณะธุรกิจ เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ทั้งนี้ หลังจากมีความชัดเจนของตัวเลขอัตราภาษีแล้ว ผู้ประกอบการคงมีการเจรจาซื้อขายกัน ซึ่งใครที่ส่งก่อนวันที่ 7 ส.ค.68 ก็ยังถูกจัดเก็บภาษีในอัตราเดิมคือ 10 % แต่ถ้าหลังจากวันที่ 7 เป็นต้นไปก็จะโดนเก็บภาษี 19 % คงเร่งช่วงออกกันในช่วงนี้ ส่วนภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ 0 % จะมีผลก็ต่อเมื่อเราผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว
“คำว่า 0 % ไม่ใช่ 0 % ทันทีก็มี แต่สินค้าบางชนิดก็ 0 % ทันที ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยให้กับประเทศอื่นอยู่แล้ว ส่วนสินค้าที่ไม่มีความพร้อมไทยก็ขอเวลา สินค้าอีกประเภทก็คือ เข้ามาไทยได้ อาจจะ 0 % หรือไม่ 0 % แต่ต้องจำกัดปริมาณไว้ ให้เข้ามาเท่าที่จำเป็น”นายพิชัยกล่าว
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญมาตรา 178 บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่นกับนานาประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศ
หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศหรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา และหนังสือสัญญาอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ในการนี้ รัฐสภาต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง หากรัฐสภาพิจารมาไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่ารัฐสภาให้ความเห็นชอบ
หนังสือสัญญาอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้า หรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามวรรคสอง ได้แก่ หนังสือสัญญาเกี่ยวกับการค้าเสรี เขตศุลกากรร่วมหรือการให้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือทำให้ประเทศต้องสูญเสียสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมดหรือบางส่วน หรือหนังสือสัญญาอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
ให้มีกฎหมายกำหนดวิธีการที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบของการทำหนังสือสัญญาตามวรรคสามด้วย
เมื่อมีปัญหาว่าหนังสือสัญญาใดเป็นกรณีตามวรรคสองหรือวรรคสามหรือไม่ คณะรัฐมนตรีจะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ได้ ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ

@ อนุมัติหลักการควักงบกลางฯเยียวยาชายแดนไทย-กัมพูชา
ด้านนายภูมิธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงสั้น ๆ ว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมครม.ยังเห็นชอบผลการประชุมของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เรื่องการขอปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. 2559 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด เป็นพิเศษ เช่น ค่าใช้จ่ายกรณีเสียชีวิต บาดเจ็บทุพพลภาพ รวมถึงบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหาย สี่วนตัวเลขงบประมาณยังไม่ได้สรุป แต่จะมากกว่าที่ได้ประกาศไว้ หลังจากนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี หารือกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปของตัวเลขงบประมาณที่จะใช้แล้วนำเข้าครม.ในวันที่ 5 ส.ค.68 หากอนุมัติก็จะสามารถจ่ายเงินได้ทันที

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา