
กัมพูชาร่อนหนังสือ UN เรียกร้องไทยถอนกำลังออกจากดินแดน ย้ำอีกฝ่ายละเมิดอธิปไตยหลายครั้ง ด้านโฆษก กห.กัมพุชายืนยันไม่ได้ฝังระเบิดใหม่ ทำทหารไทยเจ็บ 3 แต่เป็นระเบิดเก่าที่เคยเตือนฝ่ายไทยไปแล้วหลายครั้ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทยและกัมพูชาว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค. นายปรัก สุคนน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ กัมพูชาได้ส่งจดหมายด่วนสองฉบับถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ โดยระบุถึงความเสี่ยงต่อข้อตกลงการหยุดยิงที่ยังไม่แน่นอนระหว่างไทยและกัมพูชา เขายังเรียกร้องให้ไทยถอนกำลังทหารออกจากดินแดนกัมพูชาด้วย
นายชุม สนตรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ว่าจดหมายของนายปรัก ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อการหยุดยิงอันเนื่องมาจากการกระทำของกองทัพไทย กองทัพไทยได้สร้างลวดหนามและสร้างถนนเข้าไปในดินแดนกัมพูชา รวมถึงการละเมิดอื่นๆ
“กัมพูชาและไทยได้ลงนามข้อตกลงหยุดยิงสองฉบับ โดยฉบับแรกมีเนื้อหาพื้นฐานและได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้การเจรจาด้านภาษีศุลกากรเพื่อนำทั้งสองฝ่ายเข้าสู่โต๊ะเจรจา หลังจากที่ไทยไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงหยุดยิง การเจรจาครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากมาเลเซีย ประธานอาเซียนคนปัจจุบัน และจีนเป็นผู้สังเกตการณ์
การลงนามครั้งที่สองเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ในการประชุมวิสามัญ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลง ซึ่งกัมพูชาหวังว่าจะทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ แต่กัมพูชากลับรายงานว่าไทยได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้งนับตั้งแต่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้” นายชุมกล่าวและกล่าวต่อว่า
“การหยุดยิงที่เปราะบางในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกองทัพไทยยังคงละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชาอย่างร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและข้อตกลงทวิภาคีที่มีผลผูกพัน รวมถึงเงื่อนไขของการหยุดยิงที่ตกลงกันไว้”
โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่านับตั้งแต่การหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 กรกฎาคม กองทัพไทยได้รุกคืบเข้าสู่ดินแดนกัมพูชาหลายครั้ง พวกเขาได้สร้างลวดหนามและสร้างถนนอย่างผิดกฎหมายในหลายพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและรายงานการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมอย่างร้ายแรงและจงใจ
การละเมิดเหล่านี้ ได้แก่ การลักลอบเข้าไปในพื้นที่อันเซสในจังหวัดพระวิหาร การติดตั้งลวดหนามและการทำลายบ้านเรือนของชาวกัมพูชา และการถางที่ดินโดยใช้เครื่องจักร
นายชุมยังได้กล่าวถึงคำพูดของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ประกาศว่ามีแผนยึดปราสาทตากระบือ และใช้ลวดหนามบุกปราสาทตาเมือนธม ก่อนเกษียณอายุในอีก 50 วันว่าในจดหมายของนายปรัก เรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกองกำลังทหารยุติการรุกรานและยึดครองโดยผิดกฎหมายทั้งหมด รวมถึงการกระทำอื่น ๆ ที่ละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา
“ประเทศไทยจะต้องถอนกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ทั้งหมดออกจากดินแดนราชอาณาจักรกัมพูชาไปยังสถานที่ที่สอดคล้องกับพรมแดนที่กฎหมายกำหนดอย่างสมบูรณ์” นายชุมกล่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวจากทางฝ่ายกัมพูชา หลังจากทหารพรานไทยเหยียบกับระเบิดจนได้รับบาดเจ็บ 3 นายว่า ทางด้านของ มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ขอปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาที่ขาดหลักฐานอย่างชัดเจนและไม่มีมูลจากฝ่ายไทย ที่ว่ากัมพูชาวางทุ่นระเบิด จนทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บบริเวณปราสาทตาเมือนธม ในวันนี้
เธอยืนยันว่า กัมพูชาไม่ได้และจะไม่มีวันใช้ หรือวางทุ่นระเบิดใหม่ โดยกัมพูชาเป็นรัฐภาคีที่ภาคภูมิใจของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งได้ให้สัตยาบันเมื่อปี พ.ศ. 2542 และได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศสำหรับความพยายามในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดทั้งในและต่างประเทศ
พล.ท.หญิงมาลี กล่าวว่า ฝ่ายกัมพูชาตั้งข้อสังเกตว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการและโปร่งใสเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
พล.ท.หญิงมาลีอ้างว่า กัมพูชาเคยเตือนไทยหลายครั้ง ว่าพื้นที่เหล่านี้ยังคงมีวัตถุระเบิดที่ตกค้างจากสงครามในอดีต ดังนั้น ทุกฝ่ายควรละเว้นการสรุปต่อสาธารณะก่อนที่จะมีการค้นพบความจริง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจบานปลายไปสู่ความตึงเครียดและการเผชิญหน้า

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา