'สรรพากร'ปัดตอบปม'ชาวบ้าน'ใช้'ตั๋ว P/N' ซื้อหุ้นเหมือน'แพทองธาร' ต้องจ่ายภาษีหรือไม่

เขียนวันที่

วันจันทร์ ที่ 18 สิงหาคม 2568 เวลา 17:41 น.

เขียนโดย

isranews

Hits

2004 views

pn 18 08 25 pic

‘กรมสรรพากร’ ปัดตอบ ‘กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจฯ’ ถามปม ‘ชาวบาน’ ให้ทรัพย์สินแก่ ‘บุตร-ผู้สืบสันดาน’ แลกออกตั๋ว P/N เหมือนกรณี ‘แพทองธาร’ ต้องเสียภาษีหรือไม่

..................................

จากกรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เชิญกรมสรรพากรมาชี้แจงกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำธุรกรรมและชำระภาษีซื้อหุ้นมูลค่า 4,434 ล้านบาท ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ตามข้อร้องเรียนของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน พร้อมทั้งทำหนังสือขอข้อมูลและเอกสารจากกรมสรรพากร นั้น (อ่านประกอบ : ‘สรรพากร’ ลุยปมตั๋วP/N 4 พันล้าน‘แพทองธาร’-ขอข้อมูลโอนหุ้น กรมพัฒน์ฯ-ทรัพย์สิน ป.ป.ช.)

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ล่าสุดกรมสรรพากร โดยนายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ทำหนังสือกรมสรรพากร ด่วนที่สุด ที่ กค 0703/2945 เรื่อง ขอข้อมูลและเอกสาร ลงวันที่ 23 พ.ค.2568 ถึงประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งหนังสือฉบับดังกล่าว กรมสรรพากรได้ชี้แจงกรณีที่ว่า หากประชาชนจะดำเนินการให้ทรัพย์สินแก่บุตรหรือผู้สืบสันดานในวงเงินที่เกินกว่า 20 ล้านบาท ในปีภาษีนั้นๆ สามารถให้บุตรหรือผู้สืบสันดานออกตั๋วสัญญาใช้เงิน และทำการจ่ายชำระเมื่อทวงถามในรูปแบบเดียวกับ น.ส.แพทองธาร ได้หรือไม่ อย่างไร

โดยกรมสรรพากรระบุว่า กรณีข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่กรมสรรพากรจะสามารถชี้แจงในประเด็นดังกล่าวได้ เนื่องจากต้องพิจารณาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายเป็นรายกรณีที่มีความแตกต่างกันไปในแต่ละข้อเท็จจริงด้วยความรอบคอบ อันมีผลต่อการวินิจฉัยข้อกฎหมายที่เป็นองค์ประกอบในการตอบข้อหารือต่างๆ ที่จำเป็นจะต้องมีการพิจารณาปัญหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง อันมีสาระสำคัญ เอกสารหลักฐาน สภาพปัญหาต่างๆ ครบถ้วน เพื่อให้รับฟังข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติก่อน

จากนั้นจึงจะพิจารณาเทียบเคียงกับข้อกฎหมาย ระเบียบ คำสั่งแนวคำพิพากษาฎีกา แนววินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร และข้อหารือที่กรมสรรรพากรได้เคยตอบปัญหาในเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว ซึ่งมีความแตกต่างกันออกไปตามข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นๆ ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งศาลฎีกาได้เคยมีคำพิพากษาฎีกาที่ 5897/2562วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานในการตอบข้อหารือของเจ้าหน้าที่รัฐไว้

สำหรับหนังสือฉบับนี้ มีเนื้อหาว่า คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า ตามที่ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณา เรื่อง “การติดตามเรื่องร้องเรียนกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำธุรกรรมและการชำระภาษีเกี่ยวกับการซื้อหุ้นมูลค่า 4,435.5 ล้านบาท ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐนตรี” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 พ.ค.2568 เวลา 09.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ N 401 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา ซึ่งกรมสรรพากรได้เข้าร่วมประชุมดังกล่าว ในการนี้ คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจยังมีประเด็นที่ประสงค์จะขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่มีการพิจารณา นั้น

กรมสรรพากร ขอเรียนชี้แจง ดังนี้

1.กรอบเวลาในกระบวนการรวบรวมข้อเท็จจริงและเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรมีการดำเนินการอย่างช้าสุดใช้ระยะเวลาเท่าใด

ข้อชี้แจง

มาตรา 13 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ตามมาตรา 13 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสรรพสามิต ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้ทรงคุณวุฒิอีกจำนวนสามคน ซึ่งรัฐมนตรีแต่งเป็นการให้คณะกรรมการแต่งตั้งข้าราชการสังกัดกระทรวงการคลังเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ โดยมีอำนาจดังนี้

(1) กำหนดขอบเขตในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานประเมินและพนักงานเจ้าหน้าที่

(2) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการตรวจสอบและประเมินภาษีอากร

(3) วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น

(4) ให้คำปรึกษาหรือเสนอแนะแก่รัฐมนตรีในการจัดเก็บภาษีภาษีอากร

การกำหนดตาม (1) และ (2) เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้เจ้าพนักงานประเมินและพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตาม

ทั้งนี้ การกำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ จึงต้องขึ้นอยู่กับว่ากรมสรรพากรได้รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง ซึ่งมีทั้งข้อมูลภายในของกรมสรรพากร และต้องขอข้อมูลจากหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา และหากเห็นว่ามีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่ต้องขอความเห็นต่อคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ตามกรอบอำนาจของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรกรมสรรพากรจึงจะขอความเห็นไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรต่อไป เพื่อให้ให้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนในทุกมิติ

2.หากประชาชนจะดำเนินการให้ทรัพย์สินแก่บุตรหรือผู้สืบสันดานในวงเงินที่เกินกว่า 20 ล้านบาท ในปีภาษีนั้นๆ สามารถให้บุตรหรือผู้สืบสันดานออกตั๋วสัญญาใช้เงิน และทำการจ่ายชำระเมื่อทวงถามในรูปแบบเดียวกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หรือไม่ อย่างไร

ข้อชี้แจง

กรณีข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่กรมสรรพากรจะสามารถชี้แจงในประเด็นดังกล่าวได้ เนื่องจากต้องพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเป็นรายกรณีที่มีความแตกต่างกันไปในแต่ละข้อเท็จจริงด้วยความรอบคอบ อันมีผลต่อการวินิจฉัยข้อกฎหมายที่เป็นองค์ประกอบในการตอบข้อหารือต่างๆ ที่จำเป็นจะต้องมีการพิจารณาปัญหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง อันมีสาระสำคัญ เอกสารหลักฐาน สภาพปัญหาต่างๆ ครบถ้วน เพื่อให้รับฟังข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติก่อน

จากนั้นจึงจะพิจารณาเทียบเคียงกับข้อกฎหมาย ระเบียบ คำสั่งแนวคำพิพากษาฎีกา แนววินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร และข้อหารือที่กรมสรรรพากรได้เคยตอบปัญหาในเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว ซึ่งมีความแตกต่างกันออกไปตามข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นๆ ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งศาลฎีกาได้เคยมีคำพิพากษาฎีกาที่ 5897/2562วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานในการตอบข้อหารือของเจ้าหน้าที่รัฐไว้

pn 18 08 25 1