
ป.ป.ช.ชี้มูลอดีตนายก อบต.วัดขนุน พร้อมพวกรวม 3 ราย ทุจริตถุงยังชีพน้ำท่วม 2,800 ถุง พฤติการณ์ทำนิติกรรมอำพราง ใช้เอกสารปลอมในช่วงกำหนดราคากลาง เสอราคา เผยหลังจากเบิกจ่าย มีการนำเงินกลับไปส่งให้นายก-รองประธานสภาฯ อบต. ร่วม 1.3 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 9 ได้แถลงกรณี ป.ป.ช.มีติชี้มูล นายประภัย เพ็ชร์สุวรรณ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน กับพวกรวม 3 รายทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 2,800 ถุง
โดยคดีนี้มีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดคือ ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2556 มีฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดสงขลา
โดยพื้นที่ตำบลวัดขนุนเป็นเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินทั้งตำบล นายประภัย เพ็ชร์สุวรรณ์ เมื่อครั้งดำรงค์ตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน จึงได้ประชุมผู้บริหารเพื่อจัดทำโครงการแจกจ่ายถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมชีพจำนวน 2,800 ชุด โดยอนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมเพื่อดำเนินการจัดซื้อถุงยังชีพจำนวน 2,800 ชุด โดยนายประภัย เพ็ชร์สุวรรณ์ได้ไปดำเนินการติดต่อขอใบเสนอราคาของบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าขายสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่ตำบลวัดขนุน
ต่อมานางจำเนียร โชติช่วง เจ้าหน้าที่พัสดุ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 เพื่อจัดซื้อถุงยังชีพจำนวน 2,800 ชุด ในราคากลางถุงละ510 บาท ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วนจึงสั่งการให้ดำเนินการโดยวิธีพิเศษ ตามความเห็นของนายประภัย เพ็ชรสุวรรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ซึ่งสินค้าสำหรับบรรจุถุงยังชีพ มีราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ยที่หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นจัดซื้อ อีกทั้งแต่ไม่สามารถกำหนดจำนวนที่ชัดเจนของแต่ละยี่ห้อได้ ตามที่ได้กำหนดคุณลักษณะ และขอบเขตของราคากลาง
นอกจากนี้จากการตรวจสอบเอกสารประกอบการจัดซื้อถุงยังชีพขององค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน พบว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีการใช้เอกสารปลอมทั้งในขั้นตอนการกำหนดราคากลาง และการเสนอราคา และมีลักษณะเป็นการทำนิติกรรมอำพรางโดยไม่มีการจัดซื้อถุงยังชีพจากผู้ขายที่ทำสัญญาซื้อขายกับทางองค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุนจริง
นายณรงค์ ต้องมิตร ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นผู้ติดต่อให้นายเกียรติฉัตร ชูมณี เจ้าของร้านท่าออกมินิมาร์ท ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เสนอราคาขายถุงยังชีพให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุนและเป็นผู้จัดหาสินค้า ซึ่งสินค้าที่นำมาบรรจุเป็นถุงยังชีพนั้น ไม่ได้นำมาจากร้านของตนเนื่องจาก
ต้องใช้สินค้าเป็นจำนวนมาก สองพันกว่าชุด ซึ่งสินค้าในร้านตนมีไม่เพียงพอ โดยผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และนายณรงค์ ต้องมิตร ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นผู้จัดหามา โดยมิได้มีการบรรจุหรือจัดทำเป็นถุงยังชีพสำเร็จรูปมาจากร้านของตนแต่อย่างใด
ภายหลังจากมีการเบิกจ่ายเงินตามสัญญาซื้อขายดังกล่าว จำนวน 1,399,860 บาทผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ได้ถอนเงินจำนวนดังกล่าวทั้งหมดออกจากบัญชี
ทั้งนี้ เพื่อนำไปมอบให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และนายณรงค์ ต้องมิตร ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ตามที่ตกลงกันไว้
ในส่วนของนายพิชัย ศรีนวลขาว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ซึ่งเป็นผู้นำเอกสารของร้านวลัยลักษณ์พาณิชย์ มาให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 เพิ่งย้ายมาดำรงตำแหน่งช่างโยธา ระดับ 4 สังกัดกองช่าง องค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน ซึ่งเป็นเวลาก่อนจัดซื้อถุงยังชีพเพียง 1 เดือน และเอกสารที่นำไปให้นั้นเป็นเพียงสำเนาเอกสารที่ไม่ได้มีการลงลายมือชื่อรับรองสำเนา และเหตุที่นำเอกสารของทางร้านวลัยลักษณ์พาณิชย์ไปให้ก็เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติว่าสามารถเข้าเป็นคู่สัญญาได้หรือไม่
โดยไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 จะได้ดำเนินการอย่างใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในการกระทำความผิด
ป.ป.ช.จึงได้มีมติชี้มูลผู้ถูกกล่าวหาดังต่อไปนี้
1. นายประภัย เพ็ชร์สุวรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการ เสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใต เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ ของรัฐดำเนินกิจการเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี และฐาน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ
เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และมีมูลความผิด ฐานเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่ทำกับองค์การบริหารส่วนตำบลนั้นเป็นคู่สัญญา หรือในกิจการที่กระทำให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลนั้น หรือที่องค์การบริหารส่วนตำบลนั้นจะกระทำ และฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ขอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 64/2 (3) และมาตรา 92
2. นายณรงค์ ต้องมิตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน มีอำนาจ หน้าที่เกี่ยวกับการบริหารกิจการของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน ไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการ บริหารจัดการหรือดำเนินการเกี่ยวกับโครงการจัดซื้อถุงยังชีพขององค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน จึงมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ อย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่ง ผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และมีมูลความผิด ฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติ สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
3. โดยให้กันนายเกียรติฉัตร ชูมณี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี ตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข ในการกันบุคคลไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ.2561
4. นายพิชัย ศรีนวลขาว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
5. นางจำเนียร โชติช่วง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งขณะรับราชการในตำแหน่งนักวิชาการพัสดุ 4 ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็น เจ้าหน้าที่พัสดุ และได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รับของในการจัดซื้อถุงยังชีพดังกล่าว ซึ่งโดยตำแหน่ง แล้วไม่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุญาต อนุมัติ เกี่ยวกับการจัดซื้อถุงยังชีพดังกล่าว ทำหน้าที่เพียงเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุและรับของจากผู้เสนอราคาแล้วส่งมอบให้คณะกรรมการจัดซื้อถุงยังชีพโดยวิธีพิเศษ เพื่อพิจารณาต่อไปเท่านั้น
จึงมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็น ผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการ เสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
ฐานปฏิบัติ หน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี
หรือนโยบายของ รัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัด สงขลา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ
การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2544 ประกอบประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล จังหวัดสงขลา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2558ข้อ 7 วรรคสอง และข้อ 10 วรรคสอง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา