
‘บวรศักดิ์’ เผยยังไม่ได้ลงไปดู ‘ฮั้วสว.-เขากระโดง’ ย้ำรับไม่ได้การเมืองลงไปใช้กฎหมาย ส่วนการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญเป็นไปตามความต้องการของรัฐบาล เผยต้องถามทุกภาคส่วนให้ชัดเจน ยืนยันจะทำไปพร้อมๆกับการเลือกตั้งและการถามประชาชนเพื่อยกเลิก MOU 43-44 ด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 กันยายน 2568 นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้มีการเข้าไปพูดคุยอะไรกับประเด็นคดีฮั้ว สว.และคดีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
“แต่ว่าผมรับไม่ได้นะกับการที่การเมืองจะลงไปใช้กฎหมาย ใช้หน่วยงานของรัฐเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งต้องไปพูดกันในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”
ผู้สื่อข่าวถามต่อ คดีดังกล่าวจะกระจ่างชัดเจนได้ในยุคที่กำกับดูแลหรือไม่ นายบวรศักดิ์ ตอบว่า ตนไม่ทราบ
ส่วนเรื่องการทำประชามติที่แถลงในสภาฯ เมื่อวานนี้ (29 กันยายน 2568) นายบวรศักดิ์กล่าวว่า เป็นความต้องการของรัฐบาล เพราะจะทำครั้งเดียวก็ไม่ได้ รัฐบาลต้องปรึกษากับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามกฎหมายถือเป็นอำนาจของ กกต. โดยเฉพาะพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และเรื่องนี้เป็นเรื่องของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรวมอยู่ด้วย รัฐบาลต้องปรึกษากับพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และทุกพรรคการเมืองในสภาฯ เพราะรัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้ ส่วนไทม์ไลน์นายกรัฐมนตรีแถลงไว้ว่าจะยุบสภาวันที่ 31 มกราคม 2569 และจะต้องมีการเลือกตั้งไม่ช้ากว่า 60 วันตามรัฐธรรมนูญ แต่กฎหมายประชามติวันนี้บอกว่ากฎหมายทำได้ไม่เร็วกว่า 90 วัน ไม่ช้ากว่า 120 วัน นับตั้งแต่วันที่ประธานสภาฯ ส่งเรื่องถึงนายกรัฐมนตรี
นายบวรศักดิ์ กล่าวต่อไปถึงการทำประชามติ MOU 2543-2544 ก็จะทำเช่นเดียวกัน จะใช้กระดาษอีกสี ยกตัวอย่างเช่น สีฟ้า ถ้าจะให้ยกเลิกให้ใช้สีเขียว ถ้าไม่ให้ยกเลิกให้กาในช่องสีแดง ส่วนที่สมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นว่าควรเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นกันเต็มที่นั้น ตนก็จะเสนอนายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือ กสทช. ให้บริษัท อสมท และสถานีโทรทัศน์ NBT จัดเวลาที่เท่าเทียมกันทุกวัน ชี้แจงให้ประชาชนฟังเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และให้ฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมีเวลาเท่ากัน
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องชี้แจงว่า MOU ที่เอามาขอประชามติมีเนื้อหาอย่างไร และให้ฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยใช้เวลาเท่ากัน ทางด้านสื่อโซเชียลมีเดีย รัฐบาลไปแตะต้องไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นเสรีภาพ ทั้งหมดเป็นการเปิดให้เห็นภาพ แต่เชื่อว่าคนไทยฉลาด ถ้าอธิบายให้ฟังชัดเจน ให้สามารถลงคะแนนเสียงเลือกตั้งแยกเป็น 2 ใบ ที่เหลือเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญและเรื่อง MOU เชื่อว่าไม่มีปัญหาแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นายบวรศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ถ้าใช้งบประมาณเลือกตั้ง 6,000 ล้านบาท แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 6,000 ล้านบาท และ MOU อีก 6,000 ล้านบาท รวมสามครั้ง 18,000 ล้านบาท แต่หากทำครั้งเดียวก็เสียแค่ 6,000 ล้านบาท อาศัยความชัดเจนที่ กกต.ทำบัตร และรัฐบาลชี้แจงผ่านสื่อ เชื่อว่าทุกอย่างจะทำได้อย่างราบรื่นแน่นอน.

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา