
‘อันวาร์’ ยินดี ‘ทรัมป์’ แสดงเจตจำนงเข้าประชุมอาเซียน เชื่อจะทำให้ถกประเด็นปาเลสไตน์ได้ ด้านทำเนียบขาวยันเรื่องตัวกลางสันติภาพไทย-กัมพุชา ไม่ใช่เงื่อนไข ‘ทรัมป์’ จะประชุมอาเซียนหรือไม่ ส่วน ‘อนุทิน’ ย้ำหลักการ 4 ข้อ ให้กัมพูชาถอนอาวุธหนัก ปราบสแกมเมอร์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้ากรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกาได้เสนอตัวว่าจะเป็นคนกลางในการสร้างสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชาว่า ทางด้านของประเทศมาเลเซียได้มีการเชื่อเชิญประธานาธิบดีทรัมป์ให้เข้าร่วมการประชุมอาเซียนครั้งที่ 47 ซึ่งการเชื้อเชิญดังกล่าวนั้นเสียงตอบรับจากประชาชนมาเลเซียค่อนข้างไปในทิศทางที่แตกแยกกัน
นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียซึ่งตอนนี้เป็นประธานอาเซียนกล่าวถึงการตัดสินใจเชื้อเชิญดังกล่าวว่า การเข้าร่วมของทรัมป์ จะทำให้บรรดาผู้นำอาเซียนมีโอกาสแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นปาเลสไตน์โดยตรง
ขณะที่ฝั่งของนายทรัมป์ล่าสุดออกมากล่าวว่าตัวเขาเปิดใจที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศมาเลเซียในช่วงปลายเดือนตุลาคม แต่เขาต้องได้มีโอกาสในการย้ำถึงความพยายามในการสร้างสันติภาพในภูมิภาคนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้ในรายงานของสำนักข่าว Politico ทำเนียบขาวกำหนดให้การเข้าร่วมการประชุมอาเซียน (กำหนดไว้ในวันที่ 26 ถึง 28 ตุลาคม) มีเงื่อนไขว่ามาเลเซียจะต้องอนุญาตให้นายทรัมป์เป็นผู้นำในการลงนามข้อตกลงสันติภาพระหว่างกัมพูชาและไทยในระหว่างการประชุมสุดยอดด้วย
ข้อเรียกร้องของนายทรัมป์ยังทำให้มาเลเซียอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เนื่องจากนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมจำเป็นต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการขัดแย้งกับนายทรัมป์ ขณะเดียวกันก็ต้องแสวงหาข้อตกลงการค้าที่มุ่งลดภาษีร้อยละ 19 ของสหรัฐฯ
มีรายงานด้วยว่าทางทำเนียบขาวยังได้มีการเรียกร้องให้ยกเว้น ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่จากจีนเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว เพื่อทำให้นายทรัมป์กลายเป็นจุดสนใจ และลดความพยายามของปักกิ่งในการเข้าไปเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา
ด้านทำเนียบขาวปฏิเสธข้อกล่าวอ้างที่ว่าการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของทรัมป์ขึ้นอยู่กับการลงนามข้อตกลงสันติภาพไทยและกัมพูชา
“ประธานาธิบดีกำลังเจรจาข้อตกลงสันติภาพนี้อยู่ แต่ไม่เคยมีการกำหนดเงื่อนไขให้เขาเข้าร่วมการประชุมสุดยอด” เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่ไม่ระบุนามกล่าวและกล่าวอีกโดยยืนยันว่าจีนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในการเจรจาที่กำลังดำเนินอยู่นี้ ประธานาธิบดีเป็นผู้นำการเจรจาสันติภาพครั้งนี้ด้วยตัวเอง จีนไม่ได้มีบทบาทใดๆ เลย
สำนักข่าวอิศรารายงานข่าวเพิ่มเติมว่าในวันที่ 9 ต.ค. ทางด้านของนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรีไทย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับกรณีที่นายทรัมป์จะเสนอตัวเป็นประธานการลงนามสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา โดยนายอนุทินกล่าวว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้มีหนังสือมาที่ตน และตนกำลังจะทำหนังสือแจ้งกลับ เพื่อแสดงความจำนงในการที่จะเห็นทั้ง 2 ประเทศสามารถเจรจาหาข้อยุติในข้อพิพาท ซึ่งตนจะส่งข้อความกลับไปว่า หากฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม 4 ข้อที่ฝ่ายไทยยื่นเสนอไปได้แก่ 1.การถอนอาวุธหนัก, 2.การถอนทุ่นระเบิด, 3.การปราบปรามสแกมเมอร์ และ4.การจัดการพื้นที่ที่ประชาชนกัมพูชารุกล้ำเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ถ้าหากมีการดำเนินการ ไทยก็พร้อมปฏิบัติ ตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น เพราะ 4 ข้อนี้ เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ที่สำคัญมีความเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา