
กทม.เคลียร์หนี้เดินรถ-ซ่อมบำรุง BTSC ทุบกระปุก 3.2 หมื่นล.จ่ายจบ คาดปีต่อๆไป ต้องของบเพิ่มปีละ 5,000 ล้านบาทอุดจนกว่าจะหมดสัมปทาน เผยแนวทางลดภาระงบประมาณจ่อปรับขึ้นค่าโดยสารส่วนต่อขยาย 1-2 จาก 15 บาทตลอดสายเป็น 17-45 บาท รับนโยบาย ‘ชัชชาติ’ ตั้งเพดานค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 65 บาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 12 ตุลาคม 2568 หลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำตัดสินให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และบจ.กรุงเทพธนาคม (เคที) ชำระเงินค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่งและช่วงตากสิน-บางหว้า และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-เคหะสมุทรปราการและช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต ตั้งแต่งวดเดือนมิ.ย.64 ถึงงวดเดือน ต.ค. 65 เป็นเงินต้นทั้งสิ้น11,068,469,939.83 บาท เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น

- ศาลปค.สั่งกทม.-กรุงเทพธนาคมจ่าย BTSC หนี้เดินรถก้อนที่ 2 อีก 1.1 หมื่นล้าน
- กทม.เคาะกรอบวงเงิน 3.2 หมื่นล.จ่ายหนี้ BTS หลังศาลปค.ตัดสินแพ้คดีค้างค่าจ้างเดินรถ
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร (สภากทม.) มีมติเห็นชอบผลการศึกษาตามที่คณะกรรมการวิสามัญศึกษาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เสนอ ในวาระ 2-3
สาระสำคัญของร่างข้อบัญญัติ เป็นการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2569 จำนวนเงินทั้งสิ้น 32,625,106,200 บาทถ้วน เป็นรายจ่ายพิเศษ โดยจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งคณะกรรมการวิสามัญมีมติให้ผ่านงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมเป็นจำนวนเงิน 32,625,106,200 บาทถ้วน โดยมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะประกอบด้วย
1. กรุงเทพมหานครควรกำหนดแนวทางในการชำระค่าจ้างเดินรถและค่าซ่อมบำรุง (O&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 นับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2568 จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ให้ชัดเจน เพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถชำระค่าจ้างเดินรถ และค่าซ่อมบำรุง (O&M) ได้ หากผิดนัดชำระหนี้อีกอาจก่อให้เกิดความเสียหายในส่วนของการต้องชำระค่าดอกเบี้ยในอัตราที่สูง
และ 2. หน่วยรับงบประมาณควรเร่งดำเนินการเบิกจ่าย เพื่อประโยชน์ในการลดภาระดอกเบี้ยของกรุงเทพมหานคร
@เซ็นสั่งจ่าย ต.ค.นี้ - เตรียมตั้งงบเพิ่มปีละ 5 พันล.จ่ายประจำจนหมดสัมปทาน
แหล่งข่าวจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า หลังจากที่ประชุมสภากทม.เห็นชอบแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอฝ่ายเลขานุการสภากทม.ทำเรื่องถึงนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. เพื่อให้ลงนามในข้อบัญญัติ กทม.เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เมื่อผู้ว่าฯกทม.ลงนามแล้ว จะต้องนำประกาศเผยแพร่ผ่านราชกิจจานุเบกษาก่อน จึงจะมีผลบังคับใช้
โดยเงินสะสมจ่ายขาดที่กทม.มี ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท หากนำเงินส่วนนี้ออกมาชำระหนี้ให้ BTSC ก็จะคงเหลือประมาณ 17,000-20,000 ล้านบาท โดยคาดว่าผู้ว่าฯกทม.จะลงนามในข้อบัญญัติภายในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งก็เร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายกันให้จบภายในเดือน ต.ค.นี้เช่นกัน
แหล่งข่าวจากกทม.กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรอบวงเงิน 32,000 ล้านบาทนั้นจะครอบคลุมหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งหมด 3 ก้อน ได้แก่ หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M)รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ช่วงวันที่ 1 มิ.ย.2564 ถึงวันที่ 20 พ.ย.2565 รวม 11,811 ล้านบาท ซึ่งศาลปกครองกลางตัดสินแล้วเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2568
หนี้ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่ พ.ย.2565 - ธ.ค.2567 รวม 17,596 ล้านบาท คิดเป็นเงินต้น 15,762 ล้านบาท และดอกเบี้ย 1,833 ล้านบาทยังไม่มีการฟ้องคดี
และหนี้ก้อนที่ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2568 - พ.ค.2568 รวม 3,697 ล้านบาท คิดเป็นเงินต้น 3,650 และดอกเบี้ย 46.78 ล้านบาท
เมื่อถามว่า แล้วหลังจากนี้ กทม.กับกรุงเทพธนาคม จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายดังกล่าวก็ยังต้องทำต่อไปและยังมีภาวะขาดทุนอยู่ แหล่งข่าวจากกทม.กล่าวว่า สำหรับแผนงานต่อไปก็คงต้องขออนุมัติตั้งงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับจ่ายค่าใ้ช้จ่ายตรงนี้โดยตรง ซึ่งประเมินคร่าวๆต้องใช้งบประมาณปีละ 5,000 ล้านบาทจนกว่าจะหมดสัมปทานในปี 2572
ส่วนต่างๆของรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ที่มาภาพ: กรุงเทพธนาคม
@ขึ้นค่าโดยสารส่วนต่อขยาย 1-2 เริ่มต้น 17-45 บาท ค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 65 บาท เริ่มพ.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณมากไป แหล่งข่าวจากกทม.เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า กทม.และกรุงเทพธนาคมเตรียมจะปรับอัตราค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 1-2 ใหม่ จากเดิมที่เก็บค่าโดยสารในส่วนดังกล่าวที่ 15 บาทตลอดสาย ก็จะต้องจัดเก็บตามระยะทาง โดยเริ่มต้นที่ 17 และสูงสุดที่ 45 บาท โดยคาดว่าจะออกประกาศและจะปรับขึ้นค่าโดยสารได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งจากการปรับค่าโดยสารดังกล่าวจะทำให้กทม.มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาท/ปี และจะช่วยให้ภาระการขาดทุนจากการดำเนินการเดินรถและซ่อมบำรุงในส่วนต่อขยายที่ 1-2 ลดลงจาก 5,000 ล้านบาท/ปี เหลือ 3,000 ล้านบาท/ปี
เมื่อถามว่า แล้วที่นายชัชชาติมีแนวคิดจะกำหนดเพดานราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวสูงสุดไม่เกิน 65 บาท เมื่อมีการปรับอัตราค่าโดยสารส่วนต่อขยาย 1-2 แล้ว จะทำได้หรือไม่ แหล่งข่าวจากกทม.ระบุว่า คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ โดยจะต้องรอลงนามในประกาศ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นในเดือนพ.ย.นี้เช่นกัน ซึ่งได้พูดคุยกับ BTSC ทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา