
'นิกร จำนง'เผย 'ชาติไทยพัฒนา'ให้น้ำหนัก ร่างภูมิใจไทยเป็นหลัก เหตุใกล้เคียงปี 40 ส่วนมติคว่ำร่างเพื่อไทยเป็นอุบัติเหตุ เตือนฉบับ ปชน.เสี่ยงสะดุดวาระ 3 - สส.-สว. ไม่กล้าโหวต หวั่น ถูกร้องขัด รธน.-จริยธรรม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2568 นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคและประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา ถึงการลงมติในวาระรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ว่า พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคอื่นๆ มีมติให้รับหลักการทั้ง 3 ร่าง โดยให้น้ำหนักกับร่างของพรรคภูมิใจไทย เป็นหลัก เนื่องจากมีความใกล้เคียงกับแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ที่จัดทำในสมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา และเชื่อว่าจะไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีที่ร่างของพรรคเพื่อไทยถูกคว่ำนั้น นายนิกร กล่าวว่า เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ตนขอเรียกว่า 'อุบัติเหตุทางการเมือง' เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดและไม่ได้มีการควบคุมสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า
นายนิกร กล่าวอีกว่า สส. หลายคนมาจากต่างจังหวัด เมื่อลงมติเสร็จสิ้นก็เดินทางกลับ เพราะเข้าใจว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่เมื่อเกิดการแข่งขันเพื่อผลักดันร่างหลักขึ้นมา สถานการณ์จึงพลิกผัน ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องตกอยู่ในสภาวะตกบันไดพลอยโจน หันไปจับมือกับพรรคประชาชนเพื่อสนับสนุนร่างของอีกฝ่ายแทน
"มันเป็นอุบัติเหตุ คือไม่ได้ควบคุม คิดว่าน่าจะผ่าน เพราะทุกคนก็ปล่อยจอยหมดแล้ว แต่บังเอิญได้ไม่ถึงเกณฑ์ ก็เลยเป็นประเด็นขึ้นมา ผมมองว่าเป็นเหตุบังเอิญ ไม่ใช่ความตั้งใจ" นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างรอยแยกที่ไม่จำเป็น และทำให้เป้าหมายของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเบี่ยงเบนไปสู่เกมการเมืองมากกว่าเนื้อหาสาระ การต่อสู้จะไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาอีกต่อไป แต่กลายเป็นการเมืองระหว่างขั้วอำนาจ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในอนาคต เสมือนกับเส้นทางข้างหน้าที่เต็มไปด้วยกำแพงและระเบิดที่รออยู่ ทั้งอุปสรรคด้านเวลา หลักการ และสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอน
นายนิกร กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างร่างของพรรคประชาชนและร่างของพรรคภูมิใจไทยว่า อยู่กันคนละขั้ว โดยร่างของพรรคภูมิใจไทยนั้น ยึดแนวทางตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด ขณะที่ร่างของพรรคประชาชนมีหลักการที่เขย่งจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอยู่มาก โดยความแตกต่างนี้ อาจจะกลายเป็นปัญหาร้ายแรงในการพิจารณาวาระที่ 3 เนื่องจาก สส. และ สว. หลายคนอาจไม่กล้าลงมติเห็นชอบร่างที่มีความสุ่มเสี่ยงทางกฎหมาย เพราะอาจถูกร้องเรียนว่ากระทำการขัดรัฐธรรมนูญหรือจริยธรรมได้ในภายหลัง
"ประเด็นเรื่อง สสร. 100 คน จะเป็นปัญหามาก เพราะหลายฝ่ายมองว่ามันแย้งกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ การโหวตในวาระ 3 มันต้องคิดกันเยอะ เพราะโหวตไปแล้วอาจถูกร้องเรียนว่าขัดจริยธรรม หรือขัดรัฐธรรมนูญได้ มันมีเรื่องรออยู่เยอะ" นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกฝ่ายจำเป็นต้องวางการเมืองลง และหันหน้ามาพูดคุยเพื่อหาจุดร่วมที่สามารถเดินต่อไปได้ โดยสมรภูมิการเมืองครั้งต่อไปที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือการตั้งคณะกรรมาธิการและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตำแหน่งประธานกรรมาธิการ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญถึงอนาคตของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ต่อไป
"มันต้องมาเดินไปแนวเดียวกัน เดินคนละทางไม่ได้ ต้องจูนกันพอสมควร เป้าหมายต้องอยู่ที่รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การเมือง" นายนิกร กล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา