
คืบหน้าไต่สวนคดี 44 อดีต สส.ก้าวไกล เสนอแก้ ม.112 คณะกรรมการไต่สวน จ่อชงคำร้องค้าน 'สุชาติ ตระกูลเกษมสุข' ทำหน้าที่ปธ. ปมไม่เปิดเผยรายงานผลการสอบสวนคดีนาฬิกาหรู บิ๊กป้อม - คลิปภาพ พบวันนอร์ พร้อม บิ๊กโจ๊ก พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เหตุเคยยกคำร้องไปแล้ว ไม่เข้าลักษณะมีสาเหตุโกรธเคือง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าการไต่สวนคดีสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) พรรคก้าวไกล จำนวน 44 ราย ถูกกล่าวหาผิดจริยธรรมร้ายแรงจากกรณีร่วมเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งในจำนวนนี้มี สส. จำนวน 25 ราย เป็นสส.พรรคประชาชน ในปัจจุบัน ว่า คดีนี้ ป.ป.ช. ได้มีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน โดยมีนายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานกรรมการไต่สวน มีนายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นกรรมการไต่สวน ต่อมา นายวิทยา อาคมพิทักษ์ เกษียณอายุ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติแต่งตั้ง นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะเจ้าของสำนวนเดิม มาเป็นประธานกรรมการไต่สวน คู่กับ นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ขั้นตอนการไต่สวนคดีนี้ มีการยื่นคัดค้านกรรมการไต่สวน จาก สส.ประชาชน ตั้งแต่ช่วงที่ นายวิทยา เป็นประธานกรรมการไต่สวน โดย นายวิโรจน์ ลักขณาอิดิศร และนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ได้คัดค้านนายวิทยา และนายเอกวิทย์ ว่า มีสาเหตุโกรธเคือง แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้วมีมติว่า ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายวิทยา นายเอกวิทย์ มีสาเหตุโกรธเคือง นายวิโจน์ และนายณัฐวุฒิ แต่อย่างใด กรณีจึงไม่เข้าเหตุห้ามมิให้เข้าร่วมเป็นกรรมการไต่สวน ยกคำคัดค้าน และให้ถือเป็นหลักการหากมีการคัดค้านกรรมการไต่สวนในลักษณะเดียวกัน ให้ถือว่าไม่เข้าเหตุในการคัดค้าน
ล่าสุด ภายหลังจากที่ นายสุชาติ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เข้ามาเป็นประธานกรรมการไต่สวนคดีนี้ สส.พรรค ปชน. 24 ราย ได้ทำหนังสือคัดค้านการทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการไต่สวนคดีนี้ ของนายสุชาติ โดยยกเหตุผล 2 ประเด็น คือ
1. เป็นหนึ่งในกรรมการ ป.ป.ช. ที่ถูกฟ้องร้องคดีจากการไม่เปิดเผยรายงานผลการไต่สวนกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี จงใจไม่แสดงข้อมูลนาฬิกาหรูและแหวนจำนวนหลายรายการ แต่ในคดีข้างต้นช่วงเดือนกันยายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 รับฟ้องคดี นายวีระ สมความคิด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ศาลฯ ยกฟ้องนายสุขาติ เนื่องจากเห็นว่าเป็นกรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างน้อย ที่ลงมติให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
2. กรณีการปรากฏภาพคลิปวิดีโอ ที่นายสุชาติ และพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าพบนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฏร ทำให้มีข้อสงสัยเรื่องการกระทำที่ขัดกฏหมายรัฐธรรมนูญ และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง
นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ยืนหนังสือคัดค้าน นายสุชาติ เพิ่มเติม อ้างเหตุผลว่า นายสุชาติ เคยยื่นหนังสือคัดค้านในการปฏิบัติหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในการประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยอ้างว่า เป็นผู้มีส่วนได้เสีย ไม่เป็นกลาง แสดงให้เห็นว่า นายสุชาติ มีสาเหตุโกรธเคืองตนเอง ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการไต่สวนคดีนี้ได้

@ สุชาติ ตระกูลเกษมสุข
เบื้องต้น คณะกรรมการไต่สวนคดีนี้ พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า ข้อร้องเรียนเรื่องการไม่เปิดเผยผลการไต่สวนกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี จงใจไม่แสดงข้อมูลนาฬิกาหรูและแหวนจำนวนหลายรายการ และ กรณีการปรากฏภาพคลิปวิดีโอ ที่นายสุชาติ และ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าพบนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประเด็นเดียวกับที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอิดิศร และนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ได้คัดค้านนายวิทยา และนายเอกวิทย์ ว่า มีสาเหตุโกรธเคือง เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาได้มีหนังสือกล่าวหา กรรมการ ป.ป.ช. ต่อประธานรัฐสภา ว่ากรรมการ ป.ป.ช.กระทำการทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งคณะกรรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการประชุมและลงมติไปแล้วว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการทำหน้าที่ สส.ในการใช้สิทธิตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งยังมิได้ปรากฎข้อเท็จจริงว่านายวิทยา และนายเอกวิทย์ มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด กรณีจึงไม่เข้าเหตุห้ามมิให้เข้าร่วมเป็นกรรมการไต่สวน ให้ยกคำคัดค้าน และให้ถือเป็นหลักการว่า หากมีการคัดค้านคณะกรรมการไต่สวนในลักษณะเดียวกันนี้ให้ถือว่าไม่เข้าเหตุในการคัดค้านโดยมิต้องเสนอที่ประชุมพิจารณาอีก
ส่วนกรณี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ยี่นหนังสือคัดค้าน นายสุชาติ นั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ได้มีการยื่นเรื่องร้องเรียนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อประธานรัฐสภา ต่อมาพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ได้นำเรื่องเดียวกันนี้ร้องเรียนนายสุชาติ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งนายณัฐพงษ์ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการสรรหาดังกล่าว และปรากฏว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้วินิจฉัยว่านายณัฐพงษ์เป็นผู้มีส่วนได้เสียในเรื่องกล่าวหาเรียนดังกล่าว ตามบันทึกการประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2568 ต่างกับกรณีนายสุชาติ ประธานกรรมการไต่สวนที่มีหน้าที่พิจารณาข้อเท็จจริงของประเด็นแห่งคดีตามพยานหลักฐานและพฤติการณ์การกระทำตามองค์ประกอบของความผิด ในเรื่องกล่าวหานายณัฐพงษ์ ว่ากระทำการอันเป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรววจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 กรณีเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. ... (แก้ไขเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นประมาท) เท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้ร้องเรียน นายณัฐพงษ์ แต่อย่างใด
อีกทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายสุชาติ มีสาเหตุโกรธเคืองกับ นายณัฐพงษ์ จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียกับเรื่องกล่าวหาร้องเรียนและการใช้สิทธิและทำหน้าที่ดังกล่าวก็ได้กระทำไปตามที่กฎหมายบัญญัติรองรับไว้ มิได้ปรากฎข้อเท็จจริงว่า มีสาเหตุโกรธเคืองอื่นใด จึงยังไม่ถึงขนาดทำให้เป็นสาเหตุโกรธเคือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 56 วรรคหนึ่ง (2) และ (3) และระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการตรวจสอบและไต่สวน พ.ศ.2561 ข้อ 7 วรรคหนึ่ง (2) และ (3) แต่อย่างใด และจะมีการนำเรื่องเสนอผลการพิจารณาดังกล่าวให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา เป็นทางการอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
หมายเหตุ ภาพปกข่าว นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข จาก พีพีทีวี
อ่านประกอบ :

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา