ป.ป.ช.ชี้มูล 'สายพิณ บุญรอด' อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี-พวก ออกโฉนดที่ดิน 7 แปลง ท้องที่ตำบลหนองใหญ่ เนื้อที่รวมประมาณ 799 ไร่ ในเขตปฏิรูปที่ดินปี 2564 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย- แจ้งกรมที่ดินเพิกถอน ส่งสำนวน อสส.ฟ้องศาลดำเนินคดีอาญาตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป-ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นางสาวสายพิณ บุญรอด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบ้านบึง กับพวก ออกโฉนดที่ดิน จำนวน 7 แปลง ในท้องที่ตำบลหนองใหญ่ อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี เนื้อที่รวมประมาณ 799 ไร่ ในเขตปฏิรูปที่ดิน เมื่อปี พ.ศ. 2564 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
โดย นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงรายละเอียดว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อปี พ.ศ. 2553 นายอนุรักษ์ ตุลาผล กับพวกรวม 6 ราย ได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบ้านบึง โดยอ้างหลักฐาน ส.ค. 1 เลขที่ 71 หมู่ที่ 4 ตำบลคลองพลู อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ระบุเนื้อที่ 750 ไร่
นายวุฒิไกร เผือกศรี นายช่างรังวัดชำนาญงาน ทราบดีอยู่แล้วว่าที่ดินที่ขอออกโฉนดดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน แต่กลับไม่ทำการสอบสวนให้ได้ความชัดเจนว่าที่ดินที่ขอออกโฉนดเป็นที่ดินตรงตามหลักฐาน ส.ค. 1 ที่นำมาประกอบคำขอหรือไม่ และนายอนุรักษ์ ตุลาผล ผู้ขอออกโฉนด และในฐานะผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลหนองใหญ่ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากนายอำเภอหนองใหญ่ ได้รับรองข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จว่ามีการเปลี่ยนแปลงเขตการปกครองท้องที่หมู่ที่ 4 ตำบลคลองพลู เป็นหมู่ที่ 2 ตำบลหนองใหญ่
จากนั้นนายวุฒิไกร เผือกศรี ได้จัดทำรายงานผล การรังวัดว่าที่ดินที่ขอออกโฉนดมีการทำประโยชน์เป็นสวนยางพาราและไร่มันสำปะหลังเต็มทั้งแปลง และเป็นที่ดินตรงตามหลักฐาน ส.ค. 1 เลขที่ 71 หมู่ที่ 4 ตำบลคลองพลู โดยมีการเปลี่ยนแปลงเขตการปกครอง เป็นหมู่ที่ 2 ตำบลหนองใหญ่
ต่อมาปรากฏว่าคำขอออกโฉนดที่ดินดังกล่าวค้างอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาออกโฉนดที่ดิน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2563 นางสาวสายพิณ บุญรอด เข้าดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบ้านบึง จึงได้มีคำสั่งที่ 23/2563 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2563 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสภาพที่ดินที่ขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน ตามมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีเป็นที่ดินที่มีอาณาเขตติดต่อคาบเกี่ยวหรืออยู่ในเขตที่ดินของรัฐ
ภายหลังจากที่นางสาวสายพิณ บุญรอด ได้รับทราบความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบสภาพที่ดินตามบันทึกลงวันที่ 19 เมษายน 2564 ว่าที่ดินที่ขอออกโฉนดในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลหนองใหญ่ ซึ่งอ้างหลักฐาน ส.ค. 1 เลขที่ 71 หมู่ที่ 4 ตำบลคลองพลู น่าจะไม่ถูกต้องตรงแปลง น่าเชื่อว่า ส.ค. 1 เลขที่ 71 ดังกล่าวมีการออกเอกสารสิทธิไปแล้ว นางสาวสายพิณ บุญรอด จึงได้เรียกกรรมการตรวจสอบสภาพที่ดิน จำนวน 3 ราย เข้าพบเพื่อโน้มน้าวให้เปลี่ยนแปลงความเห็น เป็นเหตุให้คณะกรรมการตรวจสอบสภาพที่ดินมีมติเสียงข้างมาก จำนวน 3 ใน 4 เสียง ให้ทบทวนมติเดิมและเห็นควรออกโฉนดที่ดินให้กับผู้ขอตามผลการรังวัดเมื่อปี พ.ศ. 2553 โดยไม่ปรากฏว่าได้ทำการสอบสวนหรือรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และนางสาวสายพิณ บุญรอด ได้ลงนามออกโฉนดที่ดินเลขที่ 5050 – 5056 ตำบลหนองใหญ่ รวมจำนวน 7 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 799 ไร่ ให้แก่ผู้ขอ ในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ซึ่งต่อมาความปรากฏตามแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ เมื่อปี พ.ศ. 2496 ว่าตำแหน่งที่ดินที่มีการออกโฉนด ทั้ง 7 แปลง มีสภาพเป็นป่าทึบ ไม่มีการทำประโยชน์ ข้างเคียงไม่ปรากฏสภาพพื้นที่ที่สอดคล้องกับหลักฐาน ส.ค. 1 เลขที่ 71 หมู่ที่ 4 ตำบลคลองพลู และไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงเขตการปกครองจากหมู่ที่ 4 ตำบลคลองพลู เป็นหมู่ที่ 2 ตำบลหนองใหญ่
ดังนั้น ที่ดินที่มีการออกโฉนดดังกล่าวจึงมิใช่ที่ดินที่มีการครอบครองทำประโยชน์มาก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน จึงเป็นการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ ด้วยกฎหมายในที่ดินที่มีกฎหมายหวงห้ามไว้เพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
1. การกระทำของนางสาวสายพิณ บุญรอด มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
2. การกระทำของคณะกรรมการตรวจสอบสภาพที่ดิน ประกอบด้วย นายเสรี ดำประไพ นางสาวนุชอนงค์ โพธินามทอง และนายเกรียงศักดิ์ สง่าโฉม มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
3. การกระทำของนายวุฒิไกร เผือกศรี มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
4. การกระทำของนายอนุรักษ์ ตุลาผล ในฐานะผู้แทนนายอำเภอหนองใหญ่ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และการกระทำของนายอนุรักษ์ ตุลาผล ในฐานะผู้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด
สำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินรายอื่น จากการไต่สวนไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และเพื่อดำเนินการขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 5050 – 5056 ตำบลหนองใหญ่ อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี ทั้งแปลง รวมถึงโฉนดที่ดินที่แบ่งแยกออกจากโฉนดที่ดินดังกล่าวที่ออกไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) มาตรา 98 และมาตรา 82 ประกอบมาตรา 93 แล้วแต่กรณี
ทั้งนี้ ให้แจ้งกรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 5050 – 5056 ตำบลหนองใหญ่อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี ทั้งแปลง รวมถึงโฉนดที่ดินที่แบ่งแยกออกจากโฉนดที่ดินดังกล่าวที่ออกไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา