
ศาลอาญายกฟ้องชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดี ‘กุสุมาลวตี’ ฟ้อง ‘อนุทิน’ ความผิดฐานหมิ่นประมาท เรียกกักขฬะ ตอบโต้กรณียื่นยุบพรรคภูมิใจไทย เตรียมอุทธรณ์ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ศาลพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีที่นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต สส.มหาสารคาม ยื่นฟ้องนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี (ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) ในความผิดฐานหมิ่นประมาท
โดยศาลอาญาพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ที่นำเข้าไต่สวนมูลฟ้องประกอบคำแถลงของจำเลยแล้ว เห็นว่า โจทก์ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ กกต.พิจารณา ยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคภูมิใจไทยและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับกรณีที่โจทก์เห็นว่าการกระทำของพรรคภูมิใจไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวมถึงกรรมการบริหารพรรคและเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยกระทำการอันขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งวุฒิสมาชิก โดยโจทก์ให้สัมภาษณ์ก่อนเกิดเหตุหลายครั้งและวันเกิดเหตุด้วย
ข้อเท็จจริงตามคำให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนของโจทก์ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาจาก กกต. ผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการพิจารณาว่ามีพยานหลักฐานอันควรยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ และเป็นการกล่าวถึงจำเลยโดยตรง จำเลยจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย คำให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนของจำเลยที่กล่าวถึงลักษณะพฤติกรรมของโจทก์ จึงเป็นคำที่จำเลยโต้ตอบโจทก์เพื่อให้ผู้ที่รู้เห็นเข้าใจว่าโจทก์เป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมแก้ข่าวที่โจทกให้สัมภาษณ์ อันเป็นการป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1 ) ฟ้องโจทก์ไม่มีมูลว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องพิพากษายกฟ้อง
สำหรับคดีดังกล่าวโจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ภายหลังจากที่โจทก์ยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่ง สว.โดยมิชอบต่อ กกต. เพื่อให้ กกต. พิจารณายื่นศาลรัฐธธรรมนูญยุบพรรคภูมิใจไทย โจทก์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความตั้งใจในการยื่นเรื่องดังกล่าวต่อ กกต. แล้ว จำเลยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328
ภายหลังฟังคำพิพากษา นางกุสุมาลวตี กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของศาล แต่ส่วนตัวยังติดใจในความหมายของคำพูดว่า “กักขฬะ” ที่ตีความแล้ว ความหมายไม่ตรงกับที่ตนเองคิด เพราะทนายจำเลยสืบพยานอ้างว่าคำว่ากักขฬะ คือพื้นดินที่ขรุขระ ส่วนตัวมองว่าเป็นถ้อยคำที่ดูหมิ่นมีความเถื่อน หลังจากนี้จะปรึกษากับทนายความเพื่อเดินหน้าในการยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา