
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2/2568 เผย 4 ข้อเสนอของไทย มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ระบุ ทั้งสองฝ่าย เห็นชอบแผนปฏิบัติการ ถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง ทำระเบียบปฏิบัติตามาตรฐานเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหาร ตั้งกองกำลังเฉพาะกิจร่วม ภายใน 2 สัปดาห์ จัดเจ้าหน้าที่สำรวจแนวเส้นอ้างสิทธิ์ หลักเขตที่ 42 - หลักเขตที่ 47 ช่วงบ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว สระแก้ว ลั่น ฝ่ายไทยจะติดตามให้เกิดความชัดเจนในทุกเรื่อง จึงจะพิจารณายุติความเป็นปรปักษ์ต่อกัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 23 ตุลาคม 2586 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายไทย นำคณะ อาทิ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุมจีบีซี สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2/2568 โดยฝ่ายกัมพูชานำโดยรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชา ว่า ไทยยังคงยืนหยัดในข้อเสนอ 4 ข้อ โดยมีความคืบหน้าอย่างนัยสำคัญและมีการลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้
1. การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง ทั้งสองฝ่ายบรรลุและลงนามการจัดทำข้อกำหนดเงื่อนไขของงาน (TOR) สำหรับคณะผู้สังเกตุการณ์อาเซียน (AOT) ซึ่งจะทำหน้าที่ติดตามความคืบหน้าการถอนอาวุธหนักของแต่ละฝ่ายออกจากพื้นที่ขัดแย้ง รวมถึงการกำหนดกรอบเวลาและเป้าหมายหมายปลายทางในการถอนอาวุธ
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบแผนปฏิบัติการ (Action Plan) โดยมอบหมายให้แม่ทัพภาคที่สองของไทยและผู้บัญชาการภูมิภาคที่สี่ของกัมพูชาขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติ เบื้องต้นจะหารือกันในวันที่ 25 ต.ค.68
2. เก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งสองฝ่ายจะจัดทำระเบียบปฏิบัติตามมาตรฐาน (SOP) ทั้งในพื้นที่ที่กำหนดเขตแดนแล้ว และพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นไม่ตรงกัน โดยจะสามารถเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารได้ทันที ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายกัมพูชายอมนำประเด็นเก็บกู้วัตถุระเบิดสังหารมาพูดคุยอย่างจริงจัง
3. การปราบปรามไซเบอร์สแกม ทั้งสองฝ่าย โดยหน่วยงานตำรวจได้ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว โดยจะจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจร่วม (Join Taskforce) ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อเริ่มกวาดล้างแกนนำหรือกระบวนการไซเบอร์สแกมต่อไป รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูล หลักฐานและพยาน เหยื่อผู้ถูกหลอกลวงและผู้ต้องหา ตลอดจนมาตรการคุ้มครองพยานอันจะทำให้การปฏิบัติงานของตำรวจรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไทยได้รับความร่วมมือจากฝ่ายกัมพูชาเป็นครั้งแรก
4. การจัดการพื้นที่หมู่บ้านชายแดนในจังหวัดสระแก้ว ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้จัดเจ้าหน้าที่สำรวจ แนวเส้นอ้างสิทธิ์ โดยจะทำการสำรวจร่วมหลักเขตที่ 42 - หลักเขตที่ 47 ช่วงบ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว
ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกเช่นกันที่กัมพูชายิมยอมร่วมมือกับฝ่ายไทย ในการลงพื้นที่สำรวจแนวเส้นอ้างสิทธิ์และวางหมุดชั่วคราวที่แน่ชัดร่วมกัน อันจะทำให้แต่ละฝ่ายยอมรับกับขอบเขตพื้นที่ที่เกิดขึ้นตามผลการสำรวจ และจะนำไปสู่การปรับการถือครองที่ดินของทั้งสองฝ่ายต่อไป
“ขอยืนยันว่าการวางหมุดคราวนี้เป็นไปเพื่อการสำรวจเท่านั้น และจะไปกระทบต่อสิทธิ์ของไทยในเรื่องเขตแดนทางบกตามกฎหมายระหว่างประเทศแต่อย่างใด”พล.อ.ณัฐพลกล่าว
พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า นอกจากนี้ไทยจะเริ่มดำเนินการสร้างรั้วชายแดนในบริเวณที่มีความชัดเจนในเส้นเขตแดนแล้ว โดยยืนยันว่า รั้วดังกล่าวจะอยู่ภายในอธิปไตยของไทย เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ตลอดจนป้องกันภายคุกคามข้ามแดนระหว่างสองประเทศ
“ฝ่ายไทยขอยืนยันว่าต้องการเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนในทุกเรื่อง จึงจะพิจารณายุติความเป็นปรปักษ์ต่อกัน ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจในการปฏิบัติตามผลการประชุมจีบีซีครั้งนี้โดยเคร่งครัด เพื่อร่วมกันนำสันติสุขกลับคืนประชาชนทั้งสองประเทศ ตลอดจนภูมิภาคอาเซียนในภาพรวม”พล.อ.ณัฐพลกล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา