สื่อจีนอ้างผู้เชี่ยวชาญ ชี้สหรัฐฯ-ตะวันตกยุยง เป็นเหตุทำ ทร.ไทย เกือบเลิกซื้อเรือดำน้ำ

สื่อจีนอ้างผู้เชี่ยวชาญ ชี้สหรัฐฯ-ตะวันตกยุยง เป็นต้นเหตุ ทร.ไทยเกือบเลิกจัดซื้อเรือดำน้ำ ทั้งๆที่เป็นของมีประสิทธิภาพ ยอมรับไทยเข้าข้างจีนอาจอยู่ในจุดที่ลำบาก ชี้ถ้าไทยไม่ต้องการเรือดำน้ำ ก็ยังมีอีกหลายชาติต้องการ เพราะมียอดสั่งซื้อถึง 2 แสนล้านแล้ว

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการจัดหาเรือดำน้ำซึ่งมาจากสื่อประเทศจีน หลังจากที่มีข่าวที่กองทัพเรือไทยลงนามแก้ไขสัญญาเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งการลงนามดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามติคณะรัฐมนตรีวันที่ 5 ส.ค. ที่เห็นชอบข้อตกลงฯ โครงการเรือดำน้ำ Yuan Class รุ่น S26T ที่ไทยลงนามรัฐต่อรัฐ (G to G) กับประเทศจีน เปลี่ยนใช้เครื่องยนต์จีน CHD620 จากเดิมเครื่องยนต์เยอรมัน MTU396 พร้อมแก้ไขขยายเวลาต่อเรือ ไปอีก 1,217 วัน

• ทร.ขอบคุณ ครม.แก้ไขข้อตกลงจัดหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน ยืนยันเป็นของดีกว่ารุ่นเดิม

โดยสื่อเว็บไซต์ 163.com ของจีนได้มีการนำเสนอข่าวอ้างผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าเชื่อว่าการละเมิดสัญญาของไทยก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้เกือบจะมีการยกเลิกการจัดซื้อนั้นไม่อาจจะแยกออกจาก “การยุยงของสหรัฐอเมริกาและตะวันตกได้”

โดยในกรณีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงไป เยอรมนีจึงระงับการจัดหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้แก่จีนภายใต้แรงกดดันจากนโยบายของสหรัฐฯ ในการเจรจาครั้งต่อมากับกองทัพเรือไทย จีนได้เสนอเครื่องยนต์ CHD620 ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากัน เป็นทางเลือกหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในที่สุดไทยตัดสินใจยกเลิกคำสั่งซื้อ โดยอ้างถึงความกังวลต่างๆ เช่น "ใครจะกล้าใช้เครื่องยนต์ที่ผลิตในจีน" ทั้งๆที่การก่อสร้างเรือคืบหน้าไปมากกว่าครึ่งทางแล้ว

ซึ่งพอมีข่าวนี้เกิดขึ้น สื่อในต่างประเทศหลายสำนักก็ได้มีการโจมตีเรื่องประสิทธิภาพของยุทโธปกรณ์ที่ผลิตในจีน ทั้งๆที่ย้อนไปดูในช่วงเวลาที่ผ่านมา ในเวลาไม่ถึง 5 ปีเทคโนโลยีของจีนได้เปลี่ยนแปลงระเบียบโลกไปแล้ว

สื่อจีนอ้างอีกว่าการยุติแผนการจัดซื้อเรือดำน้ำนี้ไม่ได้เกิดจากปัญหาทางเทคนิคของเครื่องยนต์ แต่เป็นเพราะไทยไม่เต็มใจที่จะซื้อ  อาทิ ในส่วนของระบบพลังงานสำหรับเรือดำน้ำ เครื่องยนต์ที่ผลิตในประเทศจีนซึ่งจัดหาโดยจีนได้รับการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญโดยอาศัยเทคโนโลยีดั้งเดิมของเยอรมนี ด้วยการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคที่สำคัญ เช่น การจับคู่เทอร์โบชาร์จเจอร์และการจัดการระบบโหลดความร้อน เครื่องยนต์จึงบรรลุผลหรืออาจเหนือกว่าผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมของเยอรมนีในด้านตัวชี้วัดหลัก เช่น ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและการควบคุมเสียงรบกวน

แม้ชาติตะวันตกมักใช้ "การตัดกำลัง" และ "การปิดล้อม" เพื่อปราบปรามจีน แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของประเทศจีนลดน้อยลง ปัจจุบัน การพัฒนาเครื่องยนต์อากาศยานของจีนกำลังก้าวหน้าเกินความคาดหมาย เครื่องยนต์ CJ-1000A ซึ่งเป็นเครื่องยนต์กำลังของ C919 ได้รับการรับรองความสมควรเดินอากาศเรียบร้อยแล้ว และเครื่องยนต์ WS-15 ที่ติดตั้งบน J-20 มีแรงขับดัน 18.5 ตัน ซึ่งสูงกว่าเครื่องยนต์ F119 ที่ผลิตในอเมริกาอย่างมาก

“ไม่ว่าจะเป็นการทดแทนภายในประเทศหรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่บีบให้บริษัทต่างๆ ต้องลดราคาลง สิ่งเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าในเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ปัจจุบัน การปราบปรามและปิดกั้นนั้นล้าสมัยแล้ว ความร่วมมือที่เท่าเทียมกันคือทางออกระยะยาวเพียงทางเดียว ในการซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้ นอกเหนือจากเหตุผลที่ชัดเจนเกี่ยวกับเครื่องยนต์แล้ว เหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านั้นคือประเทศไทยหมดความตั้งใจที่จะลงทุนในโครงการนี้ เมื่อประกอบกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อนและผันผวนในปัจจุบัน หากประเทศไทยเข้าซื้อเรือดำน้ำในเวลานี้ ย่อมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากใจอย่าง เข้าข้างจีน อย่างแน่นอน” สื่อจีนระบุ

เว็บไซต์ 163 ระบุทิ้งท้ายว่าข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเรือดำน้ำ S-26T ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงของเรือดำน้ำ Type 039B ติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฮบริด AIP มีระวางขับน้ำสูงสุด 1,800 ตัน และสมรรถนะโดยรวมเป็นไปตามมาตรฐานสากล แม้ว่าไทยจะตัดสินใจยกเลิกการจัดซื้อ แต่เรือดำน้ำประเภทนี้ยังคงสามารถนำไปใช้ในกองทัพเรือจีนหรือส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศอื่นๆ ได้ - ยิ่งไปกว่านั้น เรือดำน้ำจีนเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาด หลายประเทศ เช่น อียิปต์ บังกลาเทศ เมียนมา และปากีสถาน ที่ได้สั่งซื้อเรือดำน้ำจีน โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมมากกว่า 4.7 หมื่นล้านหยวน (213,884,404,000 บาท)

เรียบเรียงจาก:https://www.163.com/dy/article/KCQBHAKM0556660Y.html

หมายเหตุ*บทความนี้มาจากเว็บไซต์ 163.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของบริษัท NetEase, Inc. เป็นบริษัทเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของจีนที่ให้บริการคอนเทนท์ออนไลน์ โดยเนื้อหาบนเว็บไซต์จะต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศจีน