
‘เอกนิติ’ เผยรอ ‘สรรพากร’ ดำเนินการตามขั้นตอน หลังศาลฎีกาพิพากษา ‘ทักษิณ’ ต้องจ่ายภาษีกรณีโอนหุ้นชินคอร์ป ด้าน ‘ลวรณ’ เผยอัยการฯมีอำนาจสืบทรัพย์ในต่างประเทศ ‘เลขาฯกฤษฎีกา’ วิเคราะห์ ‘ทักษิณ’ ยังสามารถขอพักโทษได้ แม้อัยการฯยื่นอุทธรณ์คดี 112 ส่วนกรณีกลับคำพิพากษาภาษีหุ้นชิน ‘คลัง’ ต้องขอศาลออกหมายบังคับคดี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีศาลฎีกาพิพากษากลับในคดีภาษีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องจ่ายภาษีจากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาทนั้น ขณะนี้หารือกับปลัดกระทรวงการคลังแล้ว เรื่องนี้ต้องทำตามคำพิพากษา โดยได้มอบให้กรมสรรพากรไปพิจารณาในรายละเอียดและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เมื่อเป็นคำพิพากษาของศาล พวกเราก็ต้องปฏิบัติตาม ส่วนขั้นตอนและรายละเอียดต่าง ๆ นั้น กรมสรรพากรกำลังดูอยู่
เมื่อถามว่า ตามขั้นตอนแล้วจะมีการเรียกเก็บเงินเมื่อไหร่ นายเอกนิติ กล่าวว่า ก็มีกระบวนการตอนนี้ให้ทางกรมสรรพาพิจารณารายละเอียด โดยขอเวลาให้กรมสรรพากรศึกษารายละเอียด เพราะคำพิพากษาเพิ่งออกมา เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ซึ่งทุกคดีก็ต้องทำเหมือนกัน
ส่วนจะต้องไปดูคดีอื่น ๆ ที่มีการเกี่ยวโยงกับคดีนี้อีกหรือไม่ นายเอกนิติ กล่าวว่า ส่วนใหญ่กรมสรรพากรทำตามขั้นตอนอยู่แล้ว หลายกรณีก็ไปอยู่ในศาลฎีกา จึงอยากให้มองว่าเป็นเคสความปกติที่ไปอยู่ในการพิจารณาของศาล และเมื่อศาลตัดสินออกมาหน่วยราชการ ทั้งกรมสรรพากร หรือกรมอื่น ๆ ก็ต้องปฏิบัติการคำสั่งศาล
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้กรมสรรพากรจะมารายงาน แต่อย่างไรก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน โดยให้อัยการสูงสุดดำเนินการสืบทรัพย์และเข้าสู่การดำเนินการของกรมบังคับคดี แล้วมาที่การดำเนินการของกรมสรรพากร พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมากรมสรรพากรมีแนวปฏิบัติในการฟ้องคดีในเรื่องเหล่านี้เป็นจำนวนมาก
เมื่อถามว่าวงเงินเยอะขนาดนี้จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาโดยเฉพาะหรือไม่ รวมถึงกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ นายลวรณกล่าวว่าเรื่องนี้ต้องรอให้กรมสรรพากรมารายงาน และเมื่อมีความชัดเจนก็จะมีการแถลงให้รับทราบ
ทั้งนี้ หากทรัพย์สินยังอยู่ในต่างประเทศจะดำเนินการสืบทรัพย์ได้หรือไม่ นายลวรณกล่าวว่าอัยการสูงสุดสามารถสืบทรัพย์ได้
ส่วนกรณีดังกล่าวจะเทียบเคียงกับการยึดทรัพย์ในโครงการจำนำข้าวได้หรือไม่ นายลวรณกล่าวว่ากรณีจำนำข้าวโจทก์ไม่ใช่กรมสรรพากร แต่รอบนี้โจทก์คือ กรมสรรพากร ซึ่งอาจจะเป็นคนละบริบทกัน
@กฤษฎีกา มอง ทักษิณ ขอพักโทษ
ขณะที่นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกต ว่าการอุทธรณ์ของอัยการสูงสุดคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทำให้ไม่สามารถขอพักโทษ จากคดีสืบเนื่องจากชั้น 14 ได้นั้น ไม่น่าจะถูกตัดสิทธิการพักโทษ แต่ยังไม่ได้ดูรายละเอียด ขอดูรายละเอียดก่อน จึงไม่กล้าตอบคำถาม เนื่องจากกังวลว่าอาจผิด
เมื่อถามย้ำว่า การที่สำนักงานอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จะส่งผลให้ไม่สามารถขอพักโทษได้ใช่หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า การยื่นอุทธรณ์ไม่ใช่คำพิพากษา ถือว่ายังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินคดีอยู่ และการขอพักโทษก็น่าจะได้ ก่อนย้ำว่าการตอบคำถามนี้เป็นการตอบที่ยังไม่ได้ดูข้อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม นายปกรณ์ ยืนยันว่าการที่จะขอพักโทษได้ ต้องรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 หรือจำคุกมาแล้ว 6 เดือน ซึ่งเป็นไปตามหลักที่ต้องรับโทษ ก่อนจะขอพักโทษ และขั้นตอนการพักโทษก็ไม่มีหลักเกณฑ์การจำคุกขั้นต่ำกว่านี้แล้ว
เมื่อถามว่า หากนายทักษิณ ได้รับการพักโทษออกมาจะสามารถเป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งได้หรือไม่ นายปกรณ์ตอบว่า อันนี้ไปไกลแล้ว ชักงง ขอดูรายละเอียดก่อน และไม่กล้าตอบ เพราะอาจผิดพลาดได้
ส่วนกรณีที่กรณีศาลฎีกาพิพากษากลับในคดีภาษีของนายทักษิณ ต้องจ่ายภาษีจากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการเช่นไร นายปกรณ์ ระบุว่า กระทรวงการคลังไม่ต้องทำอะไร แต่ต้องขอศาลออกหมายบังคับคดี ซึ่งเป็นกระบวนการปกติไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่า สามารถยึดจากทรัพย์สินของนายทักษิณได้เลยหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ดำเนินการตามขั้นตอนปกติทางกฎหมาย และทรัพย์สินที่ได้มาก็ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งถือเป็นหลักปกติ ไม่ใช่กรณีใดกรณีหนึ่ง
เมื่อถามว่า จะใช้เวลาเท่าใดในการยึดทรัพย์เข้าสู่คลัง นายปกรณ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการสืบทรัพย์ ซึ่งต้องถามรายละเอียดจากกรมบังคับคดี

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา