
กทม.เดินหน้าศึกษา ‘สัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวฉบับใหม่’ ระยะเวลา 30 ปี หลังสัมปทานเดิมจะหมดอายุปี 2572 ระบุรูปแบบเหมาะสมคือ PPP Gross Cost เอกชนเป็นตัวแทนในการจัดเก็บรายได้ทั้งหมด โดยรัฐจ่ายค่าจ้างให้กับเอกชน คาดสรุปผล ม.ค. 69 ก่อนชง ‘มหาดไทย’ พิจารณาต่อไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 21 ธันวาคม 2568 นายสิทธิพร สมคิดสรรพ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (สจส.กทม.) เปิดเผยว่า สำนักการจราจรและขนส่ง (สจร.) ได้ว่ากลุ่มจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและวิคราะห์โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (รถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหลัก) หลังหมดสัญญาสัมปทาน 30 ปี ที่จะสิ้นสุดปี 2572 ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอก่ชน พ.ศ.2562 จึงได้กำหนดจัดการประชุมสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นการลงทุนโครงการ (Market Sounding) ประกอบการศึกษาโครงการดังล่าวฯ ก่อนสรุปผลเสนอกทม.ภายในเดือน มกราคม 2569
โดยกทม.ได้จัดสัมมนา Market Sounding รถไฟฟ้าสายสีเขียว สัญญาสัมปทาน 30 ปีไปเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมามีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนตอบรับเข้าร่วมงานจำนวน 39 หน่วยงาน
ในส่วนของภาคเอกชนที่สนใจและตอบรับการเข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้ อาทิ
1.บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ากรุงเทพมหาคร หรือรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหลัก สาย สุขุมวิท ช่วงอ่อนนุช-หมอชิต สายสีลม ช่วงสนามกีฬาฯ-สะพานตากสิน นอกจากนี้เป็นผู้รับจ้างบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 อ่อนนุช-แบริ่ง,สะพานตากสิน-บางหว้า และส่วนต่อขยายที่ 2 หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต , แบริ่ง-สมุทรปราการ
2.บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน ) และบริหารจัดการเดินรถโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง )
3.บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMR ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้า การควบคุมและสื่อสาร โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริษัท BEM และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เป็นต้น
“ตามไทม์ไลน์การศึกษาและวิคราะห์โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (รถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหลัก) หลังหมดสัญญาสัมปทาน 30 ปี ที่จะสิ้นสุดปี 2572 กลุ่มที่ปรึกษา จะต้องส่งรายงานสรุปผลการศึกษาให้ กทม. ภายในเดือน มกราคม 2569 เพื่อส่งต่อกระทรวงมหาดไทยพิจารณา หากได้รับความเห็นชอบจะเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP) พิจารณารูปแบบการลงทุนตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน พ.ศ.2562 ตามลำดับ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาเห็นชอบ”
นายสิทธิพร กล่าวว่า จากมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 เห็นชอบหลักการมอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ทำหน้าที่บริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าแบบองค์รวม (Single Ownership) รวมทั้งให้รับโอนโครงการรถไฟฟ้า ในส่วนของกทม. รับผิดชอบ ได้แก่ สายสีเขียวส่วนหลัก สายสีเขียวส่วนต่อขยาย สายสีทอง รวมถึงรายได้และภาระหนี้สินของโครงการดังกล่าว เบื้องต้น กทม.ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด โดยกทม.จะต้องมีการปรับไทม์ไลน์การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหลัก ให้รฟม.ดำเนินการแทน รวมถึงเส้นทางส่วนต่อขยายเพื่อเตรียมส่งมอบโครงการรถไฟฟ้าที่กทม.รับผิดทั้งหมดให้กับรฟม. อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถลงลึกในรายละเอียดได้ ต้องรอหารือร่วมกับ รฟม. เรื่องขั้นตอนการรับโอนโครงการ การคำนวณมูลค่า รวมถึงทรัพย์สิน หนี้สิน ส่วนต่างรายได้ที่กทม.จะได้รับอนาคตด้วย
ผอ.สจส.กล่าวต่อว่า ที่ปรึกษาได้รายงานข้อมูลผลการศึกษา ระบุว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหลัก สายสุขุมวิท ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และสายสีลม ช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน จำนวน 24 สถานี ระยะทาง 23.5 กม. บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ได้รับสัมปทานโครงการจากกทม. เริ่มเปิดให้บริการ ปี 2542 อายุสัญญาสัมปทาน 30 ปี ซึ่งจะสิ้นสุด ปี 2572 ภายหลังครบอายุสัมปทาน บีทีเอสซี จะต้องส่งมอบทรัพย์สินให้เป็นของกทม.ทั้งหมด
จากการคาดการณ์ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการบำรุงรักษา ซึ่งปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเขียว1 ขบวนมี 4 ตู้ มีความจุผู้โดยสาร 1,208 คน สุงสุด 1,381 คน ในอนาคตเพิ่มเป็น 6 ตู้ ความจุเพิ่มขึ้น 1,812 คน สูงสุด 2,072 คน โดยใช้เงินลงทุนในการจัดหาขบวนรถ 8,426.11 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบำรุงรักษา ตลอดอายุสัญญาสัมปทานใหม่ตั้งแต่ปี 2573-2602 รวมอายุ 30 ปี จำนวน 557,076.42 ล้านบาท มีรายได้จากค่าโดยสาร 802,585.60 ล้านบาท
นอกจากนี้มีรายได้เชิงพาณิชย์ จากการให้เช้าพื้นที่ในสถานีรถไฟฟ้า การให้เช่าพื้นที่โฆษณาในขบวนรถและบนสถานีรถไฟฟ้า และรายได้การเชื่อมต่อสถานี จำนวนเงิน 118,454.67 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 850,000 คน/เที่ยวต่อวัน มีรายได้ 37,876,192 บาทต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 1,557,000 คน/เที่ยวต่อวัน รายได้ 122,928,773 บาทต่อวัน ในปี 2602 สำหรับรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมแบบ PPP Gross Cost เอกชนเป็นตัวแทนในการจัดเก็บรายได้ทั้งหมด โดยรัฐจ่ายค่าจ้างให้กับเอกชน
ทั้งนี้จะสรุปผลการศึกษาเสนอกรุงเทพมหานคร ภายในเดือน มกราคม 2569 จากนั้นจะเสนอกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นชอบ ก่อนส่งให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะกรรมการ PPP ให้ความเห็นชอบ และส่งกลับให้กระทรวงมหาดไทย เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการโครงการต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา