กพท.โยกย้ายพนักงาน 9 ตำแหน่ง สลับเก้าอี้ระดับบริหาร ‘ผู้จัดการ-หัวหน้ากอง’ 4 ราย ‘จุฬา’ ยันเป็นการโยกย้ายตามปกติทุกๆ 6 เดือน พร้อมระบุเปิด ‘ทราเวล บับเบิล’ เมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับ ‘ศบค.’
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ลงนามคำสั่งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยที่ 157/2563 เรื่อง ย้ายพนักงาน โดยได้โยกย้ายพนักงานทั้งในระดับบริหาร และระดับปฏิบัติงาน เพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้ในงาน เพิ่มผลสัมฤทธิ์ในการบริหารงานของสำนักงาน และเป็นไปตามความเหมาะสมกับสมรรถนะการทำงานแต่ละบุคคล รวม 9 ราย ได้แก่
1.นายขจรพัฒน์ มากลิ่น ผู้จัดการฝ่ายสมควรเดินอากาศและวิศวกรรมการบิน ไปดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายนิรภัยการบิน
2.นายไพสิฐ เหราบัตย์ ผู้จัดการฝ่ายนิรภัยการบิน ไปดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายสมควรเดินอากาศและวิศวกรรมการบิน
3.นายปวีณ นราเมธกุล หัวหน้ากองกฎหมายมาตรฐานรักษาความปลอดภัย ฝ่ายกฎหมายไปดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองบริหารกลยุทธ์ ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร
4.นายธนกฤต พงศ์พันธุ์วัฒนา หัวหน้ากองพัฒนามาตรฐานการจัดการและการรักษาความปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศ ไปดำรงตำแหน่ง หัวหน้ากองแถลงข่าวการบิน ฝ่ายบริการข่าวสารการบิน
5.นางสาวอัจฉรา บุญประทักษ์เวช หัวหน้ากองแถลงข่าวการบิน ฝ่ายบริการข่าวสารการบิน ไปตำรงตำแหน่ง หัวหน้ากองพัฒนามาตรฐานการจัดการและการรักษาความปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
6.นายธัศวรรสน์ พิมพโกวิท พนักงานกองสื่อสารองค์กร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร ไปดำรงตำแหน่งพนักงานกองเศรษฐกิจการบิน ฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมการบิน
7.นางสาวชนกานต์ รังสฤษฎ์วิศรุต พนักงานกองบริหารความเสี่ยง ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร ไปดำรงตำแหน่งพนักงานกองนโยบายการบินพลเรือน ฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมการบิน
8.นายอิสรภาพ แข็งแรง พนักงานกองสื่อสารองค์กร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร ไปดำรงตำแหน่งพนักงานกองบริหารกลาง ฝ่ายการเงิน บัญชีและงบประมาณ
9.นางสาวกฤตยา อารีรัตน์ พนักงานกองกฎหมายมาตรฐานความปลอดภัย ฝ่ายกฎหมายไปดำรงตำแหน่งพนักงานกองจัดซื้อและพัสดุ ฝ่ายการเงิน บัญชีและงบประมาณ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.2563 เป็นต้นไป
นายจุฬา กล่าวกับสำนักข่าวอิศราว่า การโยกย้ายพนักงานดังกล่าวเป็นการสลับหมุนเวียนตำแหน่งให้เกิดความเหมาะสมและเพิ่มให้เกิดประสิทธิภาพการทำงาน หลังจากทำงานมาครบ 6 เดือนแล้ว หรือครบกำหนดวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา และถือเป็นการโยกย้ายตามปกติของสำนักงานฯ แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างจากหน่วยงานราชการ คือ ส่วนราชการจะโยกย้ายจะพิจารณาทุกๆ 1 ปี แต่ของสำนักงานฯจะพิจารณาทุกๆ 6 เดือน
นายจุฬา กล่าวถึงเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศตามนโยบายจับคู่ประเทศท่องเที่ยว หรือ Travel Bubble ว่า เป็นเรื่องที่กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องไปหารือกันก่อน และผู้ที่จัดตัดสินใจเป็นคนสุดท้ายว่าจะให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้หรือไม่ คือ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจึงส่งเรื่องมาให้ กพท. พิจารณาดำเนินการต่อไป
“การจะเปิดให้เข้ามาได้หรือไม่ได้ ต้องไปถามกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และหาก ศบค.มีมติอะไรออกมา กพท.ก็ต้องดำเนินการตามนั้น ซึ่งต้องมีรายละเอียดคุยกันอีกเยอะ โดยขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะเปิดได้เมื่อไหร่ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน” นายจุฬากล่าว
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา นายจุฬา ยังลงนามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่องแนวปฏิบัติในการให้บริการผู้โดยสารสำหรับเส้นทางบินระหว่างประเทศ ในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.63 เป็นต้นไป
ประกาศฉบับดังกล่าวมีสาระสำคัญ เช่น ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งให้ผู้โดยสารทราบถึงมาตรการทางสาธารณสุขของทางการไทยในการควบคุมและป้องกันโรค ทั้งมาตรการก่อนเดินทาง มาตรการเมื่อเดินทางถึงและระหว่างอยู่ในประเทศ และมาตรการก่อนเดินทางออกจากประเทศไทย เช่น การกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ 14 วัน เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว การลงแอปพลิเคชั่นติดตามอาการ การเดินทางเข้าสถานที่ต่างๆ การตรวจหาเชื้อโควิด–19 โดยวิธี RT-PCR เป็นต้น
ในกรณีที่ปรากฏว่าท่าอากาศยานต้นทางไม่มีการตรวจคัดกรองผู้โดยสารและบุคคลที่เข้ามาใช้บริการในท่าอากาศยาน ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสาร โดยใช้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดที่ไม่ต้องสัมผัสกับร่างกายของผู้ถูกตรวจวัดก่อนออกบัตรโดยสาร (Boarding Pass) และสังเกตอาการโดยทั่วไปหากวัดอุณหภูมิได้สูงกว่า 37.3 องศาเซลเซียส หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันที หากการวินิจฉัยเห็นว่ามีความเสี่ยง ให้ระงับการออกบัตรโดยสาร
ก่อนออกบัตรโดยสาร ให้ตรวจสอบเอกสารสำคัญของผู้โดยสารตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามคำสั่งคำสั่งศบค. และมาตรการอื่นที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งระบุเงื่อนไขของเอกสารจำเป็นสำหรับบุคคลประเภทต่างๆ ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้ระงับการออกบัตรโดยสารแก่ผู้โดยสารนั้น
ในกรณีที่ให้บริการเช่าเหมาลำ (Charter Flight) ให้กำหนดให้ผู้เช่าวางมาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่จะนำขึ้นเครื่อง โดยการบริการระหว่างประเทศที่มีสถานการณ์การระบาดของโรคสูง ให้กำหนดให้ผู้โดยสารแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR ให้ตรวจสอบก่อนออกบัตรโดยสาร และในระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบเพื่อออกบัตรโดยสาร ถ้าพบว่าผู้โดยสารไม่มีหน้ากากปิดจมูกและปาก (Mask) หรืออุปกรณ์ป้องกันใบหน้าบริเวณจมูกและปาก (Face Covering) และไม่สามารถจัดหามาแสดงได้ก่อนการเดินทาง ให้ระงับการออกบัตรโดยสารแก่ผู้โดยสารนั้น
กำหนดให้มีมาตรการและวิธีปฏิบัติเพื่อรักษาระยะห่างของผู้โดยสารตลอดระยะเวลาเดินทาง โดยรวมถึงการลำเลียงผู้โดยสารเพื่อขึ้นและลงจากอากาศยาน จำกัดการรวมกลุ่มในขณะจัดเก็บหรือหยิบสัมภาระในที่เก็บของเหนือศีรษะ การย้ายที่นั่งโดยไม่จำเป็น การเข้าแถวรอใช้ห้องน้ำในห้องโดยสาร รวมถึงมีวิธีการปฏิบัติเพื่อให้แน่ใจว่ามีการรักษาระยะห่างที่เหมาะสมสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ
กำหนดให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในอากาศยานใช้อุปกรณ์ช่วยป้องกันส่วนบุคคล (PPE) นักบินให้สวมหน้ากากหรืออุปกรณ์ป้องกันใบหน้าบริเวณจมูกและปาก ,ลูกเรือให้สวมหน้ากากหรืออุปกรณ์ป้องกันใบหน้าบริเวณจมูกและปาก และถุงมือยาง ตลอดระยะเวลาปฏิบัติการบิน โดยผู้ดำเนินการเดินอากาศอาจพิจารณาจัดหาอุปกรณ์อื่นที่สามารถป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติมได้ เช่น แว่นตา (Goggles) หรือชุดป้องกันเชื้อโรค (PPE) เป็นต้น
งดการให้บริการหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือแผ่บพับโฆษณาต่าง ๆ สำหรับผู้โดยสาร ยกเว้น เอกสารที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย รวมทั้งงดการจำหน่ายสินค้าที่ระลึกและสินค้าปลอดภาษีอากร
เที่ยวบินที่ปฏิบัติการบินโดยใช้ระยะเวลาน้อยกว่า 120 นาที ให้งดการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มในระหว่างการปฎิบัติการบิน รวมทั้งห้ามผู้โดยสารรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่นำติดตัวมา ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นลูกเรือจะเป็นผู้พิจารณาตามสถานการณ์ หากเห็นสมควร ให้ลูกเรือสามารถบริการน้ำดื่มแก่ผู้โดยสารได้ ทั้งนี้ ให้กระทำในพื้นที่ที่ห่างจากผู้โดยสารคนอื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
ส่วนเที่ยวบินที่ปฏิบัติการบินโดยใช้ระยะเวลามากกว่า 120 นาที สามารถบริการอาหารและเครื่องดื่มได้ โดยพิจารณาบรรจุภัณฑ์แบบปิด (sealed, pre-packaged containers) สำหรับการให้บริการและการจัดเก็บหลังการให้บริการ โดยลดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างการให้บริการให้มากที่สุด แต่ยังคงต้องดูแลและปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยในห้องโดยสาร
ขณะเดียวกัน เที่ยวบินที่ปฏิบัติการบินโดยใช้ระยะเวลามากกว่า 240 นาที ให้มีการสำรองที่นั่ง 3 แถวหลังสุดด้านใดด้านหนึ่งของอากาศยานไว้สำหรับแยกกักผู้ป่วยหรือสงสัยว่าจะป่วยเพื่อเฝ้าสังเกตอาการและป้องกันการแพร่กระจายของโรค
นอกจากนี้ ในกรณีที่พบผู้โดยสารหรือลูกเรือที่มีอาการป่วยหรือสงสัยว่าจะป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขณะอยู่ในอากาศยาน ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศดำเนินมาตรการ On-board Emergency Quarantine ให้แยกกักผู้ที่มีอาการป่วยหรือสงสัยว่าจะป่วยให้นั่งที่ที่นั่งซึ่งสำรองไว้
ในระหว่างที่อากาศยานจอดพักหรือจอดบำรุงรักษา ให้พิจารณาใช้แหล่งพลังงานสำรอง (APU) แทนการใช้อากาศจากสะพานเทียบอากาศยาน และหลังจากไปถึงสถานีปลายทางแล้วควรเปิดประตูระบายอากาศด้วย ส่วนแผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง หรือ High Efficiency Particulate Air (HEPA) Filter ต้องได้รับการเปลี่ยนตามกำหนดเวลาที่ระบุในคู่มือผู้ผลิต ชิ้นส่วนที่ใช้แล้วให้ทำการบรรจุใส่ถุงพลาสติกและปิดให้เรียบร้อย เป็นต้น
อ่านประกอบ :
ร้อง ‘อิศรา’ เช่าตึกใหม่ ‘กพท.’ 300 ล.ไม่มี TOR ‘จุฬา’โต้ไม่จริง-ยันอยู่ขั้นตอนศึกษา
คลายล็อกคนไทย-ต่างชาติบินเข้าปท.! กพท.ตั้งเงื่อนไขอนุญาต 11 กลุ่ม-มีผล 1 ก.ค.นี้
ออกกติกาคุมโควิด เที่ยวบินในปท.ต้องเว้นที่นั่ง-สวมแมสก์ตลอดเวลา รับสภาพตั๋วแพงขึ้น
กพท.หนุนขยายเวลาห้าม ‘ต่างชาติ’ บินเข้าไทย สกัดโควิดระบาดระลอกใหม่
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage