
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เพิ่มโทษ 'ไชยพล วิภา' คดีน้องชมพู่ เป็น 26 ปี จากเดิม 20 ปี อัยการยื่นค้านประกันระหว่างฎีกา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2568 ที่ ศาลจังหวัดมุกดาหาร ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ในคดีหมายเลขดําที่ อ 1013/2564 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร โจทก์ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา โจทก์ร่วมที่ 1 นายอนามัย วงศ์ศรีชา โจทก์ร่วมที่ 2 กับ นายไชยพล หรือ ลุงพล วิภา จําเลยที่ 1 และนางสาวสมพร หรือป้าแต๋น หลาบโพธิ์ จําเลยที่ 2
โดยมีโจทก์ร่วมทั้งสองยื่นคําร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทนทางแพ่ง คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 จําเลยที่ 1 พรากเด็กหญิงอรวรรณหรือชมพู วงศ์ศรีชา อายุ 3 ปีเศษ ซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากโจทก์ร่วมทั้งสองมารดาและบิดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร เมื่อระหว่างวันที่ 11 ถึง 13 พฤษภาคม 2563 จําเลยที่ 1 โดยเจตนาฆ่า นําเด็กหญิงอรวรรณซึ่งเป็นเด็กอายุยังไม่เกิน เก้าปีไปทอดทิ้ง ณ เขาภูเหล็กไฟ เพียงลําพังโดยไม่มีอาหารและน้ําดื่มเพื่อให้เด็กหญิงอรวรรณพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทําให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กหญิงอรวรรณถึงแก่ความตาย และเมื่อระหว่างวันที่ 13 ถึง 14 พฤษภาคม 2563 ภายหลังผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จ จําเลยทั้งสองร่วมกันเคลื่อนย้ายศพผู้ตายแล้วถอดเสื้อผ้าและกางเกงออกเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่พบศพเข้าใจว่า ผู้ตายถูกล่วงละเมิดทางเพศและถูกทําร้ายถึงแก่ความตาย ในประการที่น่าจะทําให้การชันสูตรพลิกศพผู้ตายหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จําเลยที่ 1 (ลุงพล) มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 317 วรรคแรก ฐานกระทํา โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จําคุก 10 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควร จําคุก 10 ปี รวมเป็น 20 ปี ข้อหาอื่นสําหรับจําเลยที่ 1 ให้ยกและยกฟ้องโจทก์สําหรับจําเลยที่ 2 (ป้าแต๋น) กับให้ จําเลยที่ 1 ชําระค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสอง
ทั้งนี้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมุกดาหาร ตรวจสํานวนและทําความเห็นแย้งว่าพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองมีข้อสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จําเลยที่ 1 เห็นควรพิพากษายกฟ้อง จึงให้รวมไว้ในสํานวนตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 11 (1) คดีนี้อัยการโจทก์ โดยการพิจารณาของอัยการศาลสูงภาค4 ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องของโจทก์ส่วนนางสาวสมพรหรือแต๋น หลาบโพธิ์ จำเลยที่ 2 โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์เนื่องจากเห็นพ้องตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โดยวันนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาแล้วเห็นว่า
1. ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากมาดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คงจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 10 ปี
2. ฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกินเก้าปีไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแลเป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 306 และ 308 ศาลอุทธรณ์เห็นว่าาจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้องของโจทก์ พิพากษาแก้จากเดิมลงโทษจำคุก 10 ปี เป็นจำคุก 15 ปี
3.ฐานร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้องของโจทก์ พิพากษาแก้จากเดิมยกฟ้อง เป็นลงโทษจำคุก 1 ปี รวมจำคุก 26 ปี
ขณะนี้พนักงานอัยการโจทก์อยู่ระหว่างดำเนินการขอคัดถ่ายคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 จากศาล และได้ยื่นคำร้องขอคัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นฎีกาของจำเลยที่ 1 แล้ว
นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 ในฐานะผู้ควบคุมดูแลการดำเนินคดีในชั้นศาลสูงกล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญที่ สังคม ประชาชนและสื่อมวลชนต่างให้ความสนใจติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง ในการดำเนินคดีในศาลชั้นต้น ทางอธิบดีการสำนักงานภาค 4 ในขณะนั้นให้ความสำคัญอย่างยิ่งโดยมอบหมายให้นาง ปัญจพัฒน์วรรณะไพบูลย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักคดีอาญาภาค4และนายภิรัตน์ ควรสนธิ อัยการอาวุโส ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างยิ่งในการดำเนินคดีอาญาลงไปกำกับดูแลและควบคุมการดำเนินคดีนี้ร่วมกับ นายอนันตศักดิ์ อบแสงทองอัยการจังหวัดมุกดาหารตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจพิจารณาสำนวนและการสืบพยานในชั้นศาล
นายประยุทธ กล่าวว่า ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา พนักงานอัยการผู้ดำเนินคดี ไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาในหลายประเด็น จึงได้เสนอความเห็นมายังอธิบดีอัยการศาลสูงภาค4 เนื่องจากเป็นคดีสำคัญเสนอผ่านนางสาวนฤมล วิเชียรแสน อัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหาร โดยต่างเห็นพ้องทุกลำดับชั้นให้ยื่น อุทธรณ์คดีนี้โต้แย้งคำพิพากษาของศาลในประเด็นที่ศาลยกฟ้องจนในที่สุดศาลอุทธรณ์ภาค4มีคำพิพากษา เห็นด้วยกับอุทธรณ์ของพนักงานอัยการตามที่ตัดสินในวันนี้ ในส่วนของการดำเนินการในชั้นต่อไปว่าจะมีการฎีกาหรือไม่อย่างไรต้องรอการคัดถ่ายคำพิพากษาจากพนักงานอัยการผู้เกี่ยวข้องในสำนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหารก่อน ซึ่งหากฝ่ายจำเลยฎีกาแน่นอนว่าทางทีมอัยการศาลสูงจะต้องมีการแก้ฎีกาโต้แย้งคำฟ้องฎีกาของจำเลยอย่างแน่นอนและ ได้รับรายงานในเบื้องต้นว่า ทางพนักงานอัยการผู้เกี่ยวข้องกำลังยื่นคัดค้านการประกันตัวของจำเลยที่ 1 ในชั้นฎีกา ผลคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอุทธรณ์พิพากษาเเก้โทษจำคุก นายไชยพลหรือพล วิภา เป็น 26 ปี นายไชยพลได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา ศาลจังหวัดมุกดาหารพิจารณาเเล้วเห็นควรส่งศาลฎีกาพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายไชยพล เมื่อถึงเวลาทำการเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวจำเลยไปคุมขังยังเรือนจำระหว่างรอคำสั่งศาลฎีกา ทั้งนี้ตามขั้นตอนปกติศาลฎีกาจะใช้ระยะเวลาพิจารณามีคำสั่งออกมาประมาณ 1-3 วัน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา