
สธ.ใช้'สแกนม่านตา'ระบุตัวตนต่างด้าวไร้เอกสาร ป้องกันโรคระบาด-ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ด้าน 'สมศักดิ์'ลั่นอย่าไปคิดอะไรมาก เผยอนาคตการเมือง รอฟังผู้บริหารพรรค
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 4 กันยายน 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบุตัวตนของบุคคลที่ไม่มีเอกสารประจำตัวในประเทศไทย เพื่อการสาธารณสุขและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโนบายส่งเสริมการใช้ข้อมูลชีวมิติ (Biometric) ในการยืนยันตัวตนของกลุ่มประชากรต่างด้าว กลุ่มชาติพันธุ์ ผู้หนีภัยการสู้รบตามแนวชายแดน ที่ไม่มีเอกสารระบุตัวตน ซึ่งจะช่วยในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อเจ็บป่วย หรือรับวัคซีนป้องกันโรค หรือเมื่อเกิดภัยพิบัติ คนกลุ่มนี้จะไม่อยู่ในฐานข้อมูลส่งผลให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือ โดยได้ร่วมกับสภากาชาดไทย และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ พัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบุตัวตน Thai Red Cross Biometric Authentication System (TRCBAS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการรู้จำลายม่านตา (Iris Recognition) และการรู้จำใบหน้า (Face Recognition) เพื่อเก็บข้อมูลชีวมิติ สนับสนุนระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
จากข้อมูลของสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว เดือนกรกฎาคม 2568 ระบุว่า มีแรงงานต่างด้าวทั่วราชอาณาจักร 2,222,905 คน ในจำนวนนี้มีสถานะไม่ถูกกฎหมายกว่า 1 ล้านคน การพัฒนาเทคโนโลยีระบุตัวตนครั้งนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างมาก ทั้งต่อสุขภาพส่วนบุคคลและด้านสาธารณสุขของประเทศ โดยดำเนินการภายใต้หลักธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การนำเทคโนโลยีชีวมิติมาใช้ นอกจากช่วยให้การดูแลสุขภาพ ป้องกันควบคุมโรค การให้บริการทางการแพทย์ และช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และครอบคลุม ยังแสดงให้เห็นถึงการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของกลุ่มบุคคลที่ไม่มีเอกสารประจำตัวในประเทศไทย รวมถึงสามารถต่อยอดในด้านการศึกษา วิจัย ของบุคลากรสาธารณสุขไทย ที่จะนำไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนได้
“เชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงาน ในครั้งนี้ จะช่วยขับเคลื่อนระบบสาธารณสุขไทย ให้เข้มแข็ง ทันสมัย ตอบโจทย์ความท้าทายด้านสุขภาพและมนุษยธรรม ได้อย่างแท้จริง นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม สร้างคุณประโยชน์แก่การแพทย์ และการสาธารณสุขของประเทศ รวมถึงเกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนต่อไป”นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นความภาคภูมิใจของกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ช่วยแก้ปัญหาแรงงานที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย โดยแรงงานที่เข้ามาจะมีทะเบียน กับอีกส่วนไม่มีทะเบียน ซึ่งแรงงานผิดกฎหมาย เมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บ เราไม่สามารถติดตามได้ ดังนั้น สิ่งที่แก้ปัญหา คือ การใช้เทคโนโลยีระบุตัวตนในการถ่ายม่านตา ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ รวมถึงจะสามารถหยุดการระบาดของโรคที่หายไปจากประเทศไทยได้อีกด้วย
@สมศักดิ์ลั่น'อย่าไปคิดอะไรมาก' รอฟังผู้บริหารพรรค
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า ขณะนี้ต้องรอฟังผลการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค.) โดยตนในฐานะผู้ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค จะทำตามมติของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ซึ่งคาดว่าจะมีการแจ้งแนวทางให้สมาชิกทราบในช่วงบ่ายถึงเย็นวันนี้
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนได้ลาออกจากตำแหน่ง สส. บัญชีรายชื่อเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ แต่ก็ยังคงติดตามข้อมูลและแนวทางการดำเนินการของพรรคอย่างใกล้ชิด และเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ต่อที่ประชุมสภาฯ ตามหน้าที่หากมีโอกาส
เมื่อถูกถามถึงประวัติทางการเมืองที่มักจะอยู่ในฝ่ายรัฐบาลมาโดยตลอด นายสมศักดิ์อธิบายว่า สถานการณ์ปัจจุบันเป็นช่วงกลางวาระไม่ใช่การเลือกตั้งใหม่ จึงต้องเป็นไปตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยที่พรรคการเมืองต้องเลือกข้างว่าจะอยู่ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน และยอมรับว่าเป็นความจำเป็นที่ต้องทำตามนั้น
@ใช้ Biometric ระบุตัวตน ป้องกันโรคระบาด-ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
ด้าน นายกฤษฎา บุญราช ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวว่า สภากาชาดไทย เป็นหน่วยงานองค์กรสาธารณกุศลแห่งชาติ มีภารกิจในการบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บำบัดโรค กำจัดภัย เพื่อประโยชน์สุขและเป็นที่พึ่งของประชาชน ปกป้องคุ้มครองชีวิตและสุขภาพของทุกคน ได้ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ พัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพม่านตาและจดจำใบหน้าเพื่อใช้ในการระบุตัวตนในผู้ที่ไม่มีเอกสาร เป็นผลสำเร็จ
สำหรับความร่วมมือฯ ฉบับนี้ สภากาชาดไทย จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนเชิงนโยบาย และอุปกรณ์ เครื่องมือในการบันทึกข้อมูลลายม่านตาและใบหน้า ตลอดจนทรัพยากรอื่นๆ ที่จำเป็น เพื่อยกระดับบริการด้านสาธารณสุขและการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ทุกคนที่อาศัยในประเทศไทย
ศาสตราจารย์ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า ระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีรู้จำลายม่านตา หรือ Thai Red Cross Biometric Authentication System (TRCBAS)” เป็นระบบที่ทีมวิจัยของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค ร่วมกับสภากาชาดไทย พัฒนาขึ้นโดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการยืนยันตัวตนด้วยการจดจำลายม่านตาและใบหน้า มาใช้ในการตรวจสอบบุคคลก่อนรับบริการด้านสาธารณสุขและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งข้อมูลชีวมิติจากลายม่านตาเป็นส่วนที่มีความเป็นเอกลักษณ์สูง คงทน และปลอมแปลงได้ยาก
โดยความร่วมมือครั้งนี้จะมีการนำระบบ TRCBAS ไปขยายผลใช้งานในสำนักงานควบคุมโรคเขตเมือง โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่เป้าหมาย อาทิ สมุทรสาคร ตาก แม่ฮ่องสอน และโรงพยายาบาลเอกชนที่มีการขึ้นทะเบียนบริการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว ซึ่งปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวลงทะเบียนในระบบแล้วมากกว่า 2 แสนคน การประมวลผลของระบบ มีความถูกต้องและแม่นยำสูงถึง 99.75%


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา