ถึงเวลาปรับโครงสร้าง‘ดีเซล’ แยกน้ำมันดีเซลพรีเมียม -อิงราคาตลาด

เพื่อให้การอุดหนุนราคาพลังงานมีความเป็นธรรมมากขึ้น จึงได้จัดระเบียบใหม่กับโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซล โดยแยกการอุดหนุนกลุ่มน้ำมันดีเซลพื้นฐานที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ขนส่ง และการเกษตร ออกจากการอุดหนุนน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมีย

นโยบายการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร กำลังจะกลายเป็นตำนานการตรึงราคาน้ำมันที่กินเวลายาวนานกว่า 15 ปี เพราะในวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ภาครัฐจะทยอยขยับราคาน้ำมันดีเซลขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกผันผวน และยังคงมีแนวโน้มราคาสูงลิบเกินกว่ากำลังที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะแบกรับการอุดหนุนไปได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 22 มีนาคม 2565 ได้ออก 10 มาตรการลดค่าครองชีพประชาชน หนึ่งในมาตรการนั้นคือ การตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตรถึงเดือนเมษายน 2565 หลังจากนั้นภาครัฐจะเข้าไปช่วยเหลือ โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือที่เรียกกันว่า กบน. จะเป็นผู้พิจารณาอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่เท่าไหร่ซึ่งอาจทำให้ราคาน้ำมันดีเซลเกินลิตรละอยู่ที่ 30 บาท

ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อให้การอุดหนุนราคาพลังงานมีความเป็นธรรมมากขึ้น จึงได้จัดระเบียบใหม่กับโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซล โดยแยกการอุดหนุนกลุ่มน้ำมันดีเซลพื้นฐานที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ขนส่ง และการเกษตร ออกจากการอุดหนุนน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียม โดยจะลดการอุดหนุนดีเซลในกลุ่มนี้ลงและให้เป็นไปตามกลไกราคา โดยผู้ผลิตน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียมแต่ละบริษัทเป็นผู้กำหนดราคาเพื่อการแข่งขันกันเอง ปัจจุบันปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียมมีประมาณ 1.41 ล้านลิตร/วัน

สำหรับประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 17 เมษายน 2565 ติดลบ 50,614 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 19,332 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 31,282 ล้านบาท