
โรคไข้หวัดใหญ่คืออะไร ? เช็กอาการน่ารู้ที่ไม่ควรมองข้าม !
เมื่อร่างกายเริ่มมีอาการไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หรือไออย่างต่อเนื่อง หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่หากอาการรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่ควรได้รับการดูแลอย่างจริงจัง
ทำความรู้จักโรคไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ซึ่งมีอยู่หลายสายพันธุ์ โดยมักแพร่ระบาดได้ง่ายในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว การติดต่อของโรคส่วนใหญ่เกิดจากการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ป่วยเข้าไป หรือจากการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสแล้วนำมือมาสัมผัสดวงตา จมูก หรือปาก
การแพร่กระจายของไข้หวัดใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก เช่น โรงเรียน ที่ทำงาน หรือขนส่งสาธารณะ
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม
ไข้หวัดใหญ่มีอาการที่รุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา โดยทั่วไปจะเริ่มแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อภายใน 1–4 วัน โดยอาการสำคัญที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่
- ไข้สูงเฉียบพลัน (อาจสูงถึง 39–40 องศาเซลเซียส)
- หนาวสั่น
- ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว
- ไอแห้ง เจ็บคอ
- น้ำมูกไหล
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียอย่างรุนแรง
- เบื่ออาหาร
- อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน โดยเฉพาะในเด็กเล็ก
บางรายอาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม หลอดลมอักเสบ หรือการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
โรคไข้หวัดใหญ่ต่างจากไข้หวัดทั่วไปอย่างไร?
แม้ว่าโรคไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดธรรมดาจะมีอาการคล้ายกัน แต่ความแตกต่างอยู่ที่ความรุนแรงและระยะเวลาในการฟื้นตัว โรคไข้หวัดใหญ่มักมีไข้สูงและอ่อนเพลียมากกว่า อีกทั้งยังมีแนวโน้มในการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง
แนวทางป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
แม้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อได้ทั้งหมด แต่สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคประจำตัว
- ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ ด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล
- หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หากมีอาการป่วย ควรพักรักษาตัวอยู่บ้าน
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอหรือจาม เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ
- ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อต้องสงสัยว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ควรทำอย่างไร ?
หากเริ่มมีไข้สูง ร่วมกับอาการไอ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างเหมาะสม การตรวจหาเชื้อไวรัสสามารถทำได้ในสถานพยาบาล ในบางกรณี แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัสซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของอาการและระยะเวลาของการป่วย
การวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่ระยะแรก ไม่เพียงช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น แต่ยังช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไปยังผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ
โรคไข้หวัดใหญ่ อาจดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่แท้จริงแล้ว หากละเลยการดูแลอาการหรือป้องกันอย่างเหมาะสม อาจก่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพได้ การใส่ใจสัญญาณเตือนจากร่างกายและรับมืออย่างถูกวิธี คือวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคนี้อย่างยั่งยืน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา