ในช่วงเวลานั้นมีบุคคลซึ่งอ้างตัวเองว่ามาจากรัฐซาราวัก ที่อีริคก็เพิ่งจะรู้จักชายคนนี้ได้เพียงแค่หกเดือนเข้ามาติดต่อ โดยเขาถามอีริคว่าสนใจที่จะหาเงินได้อย่างรวดเร็วจากการเปิดบัญชีจำนวนสามบัญชีให้กับใครบางคนในประเทศไทยหรือไม่ .....“เขาบอกผมว่า ผมสามารถหาเงินได้ง่ายๆประมาณ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (190,512 บาท) สำหรับในแต่ละบัญชีที่ได้ทำการเปิด ซึ่งผมก็ตกลงที่จะทำ แต่ผมก็ไม่รู้ตอนนั้นว่าเขาจะเอาบัญชีที่ว่านี้ไปทำอะไร”
สืบเนื่องจากที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้มีการนำเสนอรายงานจากสื่อในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเปิดโปงขบวนการฉ้อโกงจัดหางานในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งขบวนการดังกล่าวนั้นมีความเชื่อมโยงกับประเทศไทย
- เจาะลึกเครือข่ายหลอกสมัครงานสู่ค้ามนุษย์ ระบาดหนักทั่วอาเซียน หลังผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19
- มิจฉาชีพหลอกชาวมาเลเซีย อ้างจัดหางานรายได้ดี ก่อนพาตัวผ่านไทย ลอบเข้ากัมพูชา
- มิจฉาชีพไทยหลอกชาวทมิฬ 50 ชีวิต ทำงานฉ้อโกงออนไลน์ในเมียนมาร์ วอน รบ.อินเดียช่วยเหลือ
ล่าสุดมีรายงานข่าวที่น่าสนใจจากสำนักข่าว The Star ของประเทศมาเลเซียที่ได้ไปสัมภาษณ์หนึ่งในเหยื่อที่ถูกหลอกลวงและต้องเผชิญกับชะตากรรมเลวร้ายเป็นระยะเวลาถึงสามเดือน ในการถูกบังคับใช้แรงงานในประเทศกัมพูชามานำเสนอมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
‘อีริค’ เป็นชายชาวมาเลเซียวัย 28 ปี ที่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งในที่สุดเขาก็ได้กลับบ้านเกิดที่รัฐซาบาห์เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาถูกหลอกลวงและตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่สัญญาว่าจะมีการเสนอเงินให้เขาเป็นจำนวนมาก
อีริคกล่าวต่อไปว่าตลอดเวลาที่เขาต้องถูกบังคับนั้น เขาถูกทุบตีด้วยท่อนไม้ และเข็มขัดทุกครั้งที่เขาปฏิเสธจะให้ความร่วมมือกับกลุ่มมิจฉาชีพ
โดยสิ่งที่เขาจำได้ก็คือว่าในสถานที่นั้นยังมีเหยื่อคนอื่นที่ถูกทรมานด้วยการช็อตไฟฟ้า ถ้าหากเหยื่อนั้นไม่สามารถจะบรรลุเป้าหมายของการขายได้
สำหรับจุดเริ่มต้นของการที่อีริคถูกหลอกลวงนั้นก็มาจากการที่เขาทำงานเป็นพนักงานขายเครื่องเขียนอยู่ที่เมืองมิริในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
ในช่วงเวลานั้นมีบุคคลซึ่งอ้างตัวเองว่ามาจากรัฐซาราวัก ที่อีริคก็เพิ่งจะรู้จักชายคนนี้ได้เพียงแค่หกเดือนเข้ามาติดต่อ โดยเขาถามอีริคว่าสนใจที่จะหาเงินได้อย่างรวดเร็วจากการเปิดบัญชีจำนวนสามบัญชีให้กับใครบางคนในประเทศไทยหรือไม่
“เขาบอกผมว่า ผมสามารถหาเงินได้ง่ายๆประมาณ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (190,512 บาท) สำหรับในแต่ละบัญชีที่ได้ทำการเปิด ซึ่งผมก็ตกลงที่จะทำ แต่ผมก็ไม่รู้ตอนนั้นว่าเขาจะเอาบัญชีที่ว่านี้ไปทำอะไร” อีริคกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่สนามบินโคตาคินาบาลู
อีริคกล่าวต่อไปว่าแต่ตอนนั้นเขาต้องการเงินมาเพื่อที่จะทำธุรกิจจึงได้ตอบตกลงไป ซึ่งที่ผ่านมานั้นเขาเคยได้ยินข่าวอยู่บ้างเกี่ยวกับขบวนการฉ้อโกงการจัดหางานในกัมพูชา แต่อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่านี่เป็นการเสนองานว่าจะให้ทำในประเทศไทย เขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
อีริคจึงนั่งเครื่องบินจากมิริไปยังกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งถัดจากกัวลาลัมเปอร์แล้ว เขาควรจะบินต่อไปยังประเทศไทยในวันที่ 18 มิ.ย. อย่างไรก็ตามจุดหมายปลายทางที่ถูกระบุบนตั๋วเครื่องบิน ซึ่งตั๋วดังกล่าวนั้นมีผู้ซื้อที่อ้างว่าเป็นนายหน้าในนามของอีริคกลับระบุว่าไปยังกัมพูชา
“ผมได้รับการบอกจากชายชาวซาราวักคนนั้น เขาบอกผมว่าจะมีบางคนมารับผมจากสนามบินในกัมพูชา และจะส่งผมไปยังประเทศไทย” อีริคกล่าวและกล่าวต่อว่าทั้งหมดนั้นในที่สุดก็กลายเป็นเรื่องโกหก
โดยอีริคถูกนำตัวไปยังอาคารที่มีความสูง 13 ชั้นแทน และก็ถูกบังคับให้ทำการฉ้อโกงในตลาดหุ้น ซึ่งแน่นอนว่าเขาปฏิเสธ
อีริคจึงถูกทุบตีโดยสมาชิกกลุ่มอาชญากรรมจำนวนหลายคน และถูกขังอยู่ในห้องนานนับสัปดาห์ ก่อนที่เขาจะถูกขายไปให้กับบริษัทอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเป็นบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางโทรศัพท์และการฉ้อโกงอื่นๆ และในเวลาต่อมาอีริคก็ถูกขายไปยังบริษัทแห่งอื่นอีก
ชาวมาเลเซียจำนวนกว่า 24 รายได้รับการช่วยเหลือให้กลับสู่บ้านเกิดของตัวเอง (อ้างอิงวิดีโอจาก The Sun)
อย่างไรก็ตาม อีริคสามารถจะหาช่องทางที่จะติดต่อเพื่อนในมาเลเซีย ด้วยการพิมพ์ข้อความได้ และก็ได้พยายามที่จะขอให้เพื่อนคนนั้นได้ทำการช่วยเหลือ
โดยอีริคใช้โทรศัพท์มือถือที่ได้รับมาจากกลุ่มอาชญากร ขอความช่วยเหลือ ซึ่งโทรศัพท์มือถือดังกล่าวนั้นกลุ่มอาชญากรมักจะใช้เพื่อดำเนินการฉ้อโกง และเป้าหมายของการฉ้อโกงก็จะเป็นคนที่อยู่ในประเทศจีน
“คนร้ายบอกให้เราใช้โทรศัพท์แค่เฉพาะเรื่องงานเท่านั้น ห้ามไม่ให้ติดต่อไปยังบุคคลภายนอกด้วยจุดประสงค์อื่น” อีริคกล่าว
หลังจากนั้นเพื่อนของอีริคจึงได้มีการให้ข้อมูลเบอร์ติดต่อนายปู้ง จิน เจอ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐซาบาห์ ซึ่งเป็นรัฐบ้านเกิดของอีริค
พอมาถึงวันที่ 9 ส.ค. อีริคก็ได้ติดต่อกับนายปู้ง ที่ตอนนั้นได้พยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับแจ้งความจากญาติของเหยื่อคนหนึ่ง
ในเวลาต่อว่าสถานทูตมาเลเซียและตำรวจสากลก็ได้เข้ามาช่วยเหลือเหตุการณ์ในครั้งนี้ ขณะที่นายปู้งก็ได้ไปติดต่อที่ที่ทำการกระทรวงต่างประเทศในเมืองปุตราจายา (เมืองศูนย์กลางการปกครองของมาเลเซียแห่งใหม่ใกล้กรุงกัวลาลัมเปอร์) เพื่อให้ข้อมูลและตำแหน่งของอีริค
พรรคความยุติธรรมของประชาชน(มาเลเซีย) เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาขบวนการฉ้อโกงจัดหางานโดยเร็ว (อ้างอิงวิดีโอจาก FMT)
“เจ้าหน้าที่ที่กระทรวงต่างประเทศนั้นมีความเป็นมืออาชีพมาก เขาถูกมอบหมายให้มารับมือกับคดีแบบนี้ เขาถามผมเกี่ยวกับรายละเอียดเพิ่มเติมและมีการส่งข้อมูลไปยังสถานทูตมาเลเซียในกัมพูชา และส่งข้อมูลไปยังกัมพูชา” นายปู้งกล่าว
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.ย. นายปู้งก็ได้รับข้อความจากอีริคระบุว่าหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายในกัมพูชาแต่บุกเข้าไปยังอาคารแล้ว
หลังจากได้รับความช่วยเหลือ อีริคก็ได้ฝากเพื่อนให้ซื้อตั๋วเครื่องบินพาเขากลับมายังกรุงกัมลาลัมเปอร์ ซึงเป็นที่ๆเขาได้พบกับนายปู้งในวันที่ 24 ก.ย.
ถือว่าเป็นการสิ้นสุดชะตากรรมอันโหดร้ายที่อีริคต้องเผชิญตลอดระยะเวลากว่าสามเดือนที่ผ่านมา
เรียบเรียงจาก:https://www.thestar.com.my/news/nation/2022/09/27/sabahan-job-scam-victim-finally-home-after-three-month-ordeal-in-cambodia