“...ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีการแนะนำผู้สมัครและทีมผู้สมัครอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงกำหนดกติกาที่เปิดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งรณรงค์หาเสียงได้อย่างกว้างขวางและเป็นธรรมเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางและนโยบายของผู้สมัครและทีมผู้สมัครได้โดยทั่วไป และเปิดให้ประชาชนและพรรคการเมืองมีเสรีภาพในการประกาศสนับสนุนผู้สมัครหรือทีมผู้สมัครได้...”
แคมเปญแก้ไขรัฐธรรมนูญ ‘ฉบับคณะรัฐประหาร’ ต้องเลื่อนออกไป ภายหลังที่ประชุมร่วม 3 ฝ่าย ระหว่าง สส.พรรครัฐบาล-สส.พรรคฝ่ายค้าน และ สว. มีมติ ‘เลื่อน’ การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จากเดิมวันที่ 14-15 มกราคม 68 เป็นวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2568
เป็นสภาวะ ‘โรคเลื่อน’ หลังจากรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ‘ซื้อเวลา’ ไป 1 ปีกว่า กับการตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ ที่มี ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ ก่อนที่ ‘กฎหมายประชามติ’ จะโดน ‘แขวน’ กลางสภาอีก 6 เดือน
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รายงานร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 เพิ่มหมวด 15/1 ฉบับของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคประชาชนไปแล้ว
อ่านประกอบ :
- เปิดร่างแก้ไข รธน. ‘พรรคประชาชน’ เลือกตั้ง สสร. 200 คน จัดทำ ‘รัฐธรรมนูญฉบับใหม่’
- ‘ปชน.’ ล็อก สสร. 200 คน ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง-ศาล-อัยการ-องค์กรอิสระ 5 ปี
@ เปิดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ‘ฉบับเพื่อไทย’
ครั้งนี้ถึงคราวเปิดร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ....ฉบับของพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย 5 มาตรา โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
(1) กำหนดชื่อเรียกของรัฐธรรมนูญว่า ‘รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ...’ (ร่างมาตรา 1)
(2) กำหนดวันมีผลใช้บังคับของรัฐธรรมนูญให้นับตั้งแต่ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ร่างมาตรา 2)
(3) ให้ยกเลิกความในมาตรา 256 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและให้ใช้ความใหม่แทน (ร่างมาตรา 3) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
(3.1) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
(3.2) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมและให้รัฐสภาพิจารณาเป็นสามวาระ
(3.3) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้นไม่น้อยกว่ากิ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจำนวนนี้ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
(3.4) การพิจารณาในวาระที่สองขั้นพิจารณาเรียงลำดับมาตรา โดยการออกเสียงในวาระที่สองนี้ ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีที่เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ประชาชนเป็นผู้เสนอ ต้องเปิดโอกาสให้ผู้แทนของประชาชนที่เข้าชื่อกันได้แสดงความคิดเห็นด้วย
(3.5) เมื่อการพิจารณาวาระที่สองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกำหนดนี้แล้ว ให้รัฐสภาพิจารณาในวาระที่สามต่อไป
(3.6) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผยและต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจำนวนนี้ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
(3.7) เมื่อการลงมติเห็นชอบแล้ว ให้นำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และให้นำความในมาตรา 81 วรรคสองมาใช้บังคับโดยอนุโลม
(3.8) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก่อนดำเนินการนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าฯ ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงให้ดำเนินการนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป
(3.9) ก่อนนายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ให้สิทธิแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภาหรือของทั้งสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณีเข้าชื่อกันเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภาว่าร่างรัฐธรรมญขัดต่อมาตรา 255 หรือเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับเรื่องดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีจะนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ มิได้
(4) ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตั้งแต่มาตรา 256/1 ถึงมาตรา 256/29 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (ร่างมาตรา 4 ) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
(4.1) ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทำหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตาม หมวดนี้ ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนสองร้อยคน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน โดยให้มีสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จำนวนหนึ่งร้อยคน และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ โดยใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง จำนวนหนึ่งร้อยคน (มาตรา 256/1)
(4.2) กำหนดวิธีดำเนินการเพื่อกำหนดจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมญแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี (มาตรา 256/2)
(4.3) กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (มาตรา 256/3)
(4.4) กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (มาตรา 256/4)
(4.5) กำหนดคุณสมบติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (มาตรา 256/5)
(4.6) กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (มาตรา 256/6)
(4.7) กำหนดวิธีการสมัครรับเลือกตั้งและวิธีการใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง (มาตรา 256/7)
(4.8) กำหนดวิธีการคำนวณเพื่อหาผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง (มาตรา 256/8)
(4.9) กำหนดวิธีการสมัครรับเลือกตั้งและวิธีการใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแบบบัญชีรายชื่อ (มาตรา 256/9)
(4.10) กำหนดวิธีการคำนวณเพื่อหาผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแบบบัญชีรายชื่อ (มาตรา 256/10)
(4.11) กำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวัน นับแต่มีเหตุแห่งการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา (มาตรา 256/11)
(4.12) กำหนดให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (มาตรา 256/12)
(4.13) กำหนดเหตุของการสิ้นสุดสมาชิกภาพของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญและการดำเนินการกรณีตำแหน่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญว่างลง (มาตรา 256/13)
(4.14) กำหนดตำแหน่งทางการเมืองที่สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญไม่สามารถดำรงตำแหน่งนั้นได้เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่สมาชิกภาพของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง (มาตรา 256/14)
(4.15) กำหนดให้การประชุมสภาร่างรัฐธธรรมนูญครั้งแรกต้องจัดให้มีขึ้นไม่ช้ากว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่คณะกรรมการเลือกตั้งประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (มาตรา 256/15)
(4.16) กำหนดให้มีตำแหน่งประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญและรองประธานสภาคนหนึ่งหรือสองคนซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และกำหนดหน้าที่และการปฏิบัติหน้าที่ของประธานและรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (มาตรา 256/16)
(4.17) กำหนดเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนของประธานและรองประธาน และสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้ทำเป็นพระราชกฤษฎีกา (มาตรา 256/17)
(4.18) กำหนดให้สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาสามร้อยหกสิบวัน นับแต่วันที่มีการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรก และจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยกำหนดให้การครบวาระของสภาผู้แทนราษฎรหรือการยุบสภาไม่กระทบการทำหน้าที่ของสภาร่างรัฐธรรมนูญ และกำหนดให้การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต้องทำอย่างทั่วถึง (มาตรา 256/18)
(4.19) ให้นำข้อบังคับการประชุมรัฐสภา มาใช้กับการดำเนินการของสภาร่างรัฐธรรมนูญและคณะกรรมาธิการ (มาตรา 256/19)
(4.20) ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนอย่างน้อยสี่สิบห้าคน โดยต้องแต่งตั้งจากบุคลซึ่งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นจำนวนอย่างน้อยสองในสามจากจำนวนกรรมาธิการทั้งหมด (มาตรา 256/20)
(4.21) กำหนดขั้นตอนภายหลังเมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น โดยให้สภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอร่างรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภาเพื่ออภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อร่าง โดยไม่มีการลงมติ ก่อนให้ประธานรัฐสภานำร่างรัฐธรรมนูญส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งภายในเจ็ดวันเพื่อจัดให้มีการออกเสียงประชามติ (มาตรา 256/21)
(4.22) กำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศวันออกเสียงประชามติซึ่งต้องไม่เร็วกว่าเก้าสิบวัน และไม่ช้ากว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐสภาโดยให้เป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร รวมถึงกำหนดให้ ‘คำถามที่ใช้ถามประชาชนในการออกเสียงประชามติจะต้องเป็นกลางต่อทุกฝ่าย และให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรี’ โดยเมื่อการออกเสียงประชามติเสร็จสิ้นแล้ว ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันออกเสียงประชามติ (มาตรา 256/22)
(4.23) กำหนดว่าหากคะแนนการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ให้ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตรย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (มาตรา 256/23)
(4.24) กำหนดว่าหากคะแนนการออกเสียงประชามติไม่เห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป และให้แจ้งผลการออกเลียงประชามติให้ประธานรัฐสภาและประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ทราบโดยเร็ว (มาตรา 256/24)
(4.25) กำหนดขั้นตอนภายหลังเมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมญที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้น ให้เสนอต่อรัฐสภาพิจารณาเพื่ออภิปรายแสดงความคิดเห็นและให้ความเห็นชอบ โดยจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมเป็นประการใดมิได้ (มาตรา 256/25)
(4.26) กำหนดว่าหากร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใดได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ให้ประธานรัฐสภานำร่างดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย (มาตรา 256/26)
(4.27) กำหนดว่าหากร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใดไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการจัดทำและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว (มาตรา 256/27)
(4.28) กำหนดเหตุของการสิ้นสุดของสภาร่างรัฐธธรรมนูญ (มาตรา 256/28)
(4.29) กำหนดว่ากรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญตกไป ให้คณะรัฐมนตรีหรือ สส. หรือ สส. และ สว. มีสิทธิร่วมกันเสนอญัตติต่อรัฐภาเพื่อให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญตามหมวดนี้อีกได้ (มาตรา 256/29)
(5) กำหนดให้มีการรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญภายในสามสิบวันนับแต่วันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ และกำหนดให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ (ร่างมาตร 5)
@ หลักการ-เหตุผล จัดทำ ‘รัฐธรรมนูญฉบับใหม่’
บันทึกหลักการและเหตุผลประกอบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ....
หลักการ
แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเพิ่มเติมหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เหตุผล
ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปัจจุบันมีปัญหาเรื่องความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เนื่องจากเป็นรัฐธรรมนูญที่เชื่อมโยงกับคณะรัฐประหาร ถูกรับรองโดยกระบวนการประชามติที่ไม่เสรีและเป็นธรรม และมีบทบัญญัติหลายประการที่ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย จึงสมควรเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อจัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมาดำเนินการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และด้วยมาตรา 256 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แม้ในกรณีที่เป็นฉันทามติในวงกว้างของประชาชนหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จึงจำเป็นต้องตรารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้
ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ....
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา 1 รัฐธรรมนูญนี้เรียกว่า ‘รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ...’
มาตรา 2 รัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 256 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และไห้ใช้ความต่อไปนี้แทน
@ สส. ไม่น้อยกว่า ‘สองในสาม’ ต้องเห็นด้วยวาระหนึ่ง-วาระสาม
มาตรา 256 ภายใต้บังคับมาตรา 255 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทำได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้
(1) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติม ต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบ ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา หรือจาก ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน ไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคน ตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
(2) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภาและให้รัฐสภาพิจารณาเป็นสามวาระ
(3) การออกเสียงลงคะแนนใน วาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจำนวนนี้ ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วย ไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
(4) การพิจารณาใน วาระที่สอง ขั้นพิจารณาเรียงลำดับมาตรา โดยการออกเสียงในวาระที่สองนี้ไห้ถือ เสียงข้างมาก เป็นประมาณ แต่ในกรณีที่เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ประชาชนเป็นผู้เสนอต้องเปิดโอกาสให้ผู้แทนของประชาชนที่เข้าชื่อกันได้แสดงความคิดเห็นด้วย
(5) เมื่อการพิจารณาวาระที่สองเสร็จสิ้นแล้ว ให้ รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกำหนดนี้แล้ว ให้รัฐสภาพิจารณาในวาระที่สามต่อไป
(6) การออกเสียงลงคะแนนใน วาระที่สามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผยและต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญ ‘มากกว่ากึ่งหนึ่ง’ ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจำนวนนี้ต้องมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบด้วย ไม่น้อยกว่าสองในสาม ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
@ ประชามติ ครั้งที่ 1
(7) เมื่อมีการลงมติเห็นชอบตาม (6) แล้ว ให้นำร่างรัฐธธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นำความในมาตรา 81 วรรคสองมาใช้บังคับโดยอนุโลม
(8) ในกรณีร่างรัฐธรรมญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นการ แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก่อนดำเนินการตาม (9) ให้จัดให้มีการ ออกเสียงประชามติ ตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรู้ฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงให้ดำเนินการตาม (7) ต่อไป
(9) ก่อนนายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (7) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกทั้งสองสภารวมกัน มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของทั้งสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าชื่อกันเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญตาม (7) ขัดต่อมาตรา 255 หรือมีลักษณะตาม (8) และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับเรื่องดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้แล้วเสร็จ ภายในสามสิบวันนับ แต่วันที่ได้รับเรื่อง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีจะนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยมิได้
@ บัตรสองใบ - ตั้ง สสร.200 คน จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาตรา 256/1 ถึงมาตรา 256/29 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
หมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
มาตรา 256/1 ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทำหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวดนี้ ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนสองร้อยคน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ดังนี้
(1) สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จำนวนหนึ่งร้อยคน
(2) สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ โดยใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง จำนวนหนึ่งร้อยคน
การเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ โดยให้ใช้บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแบบละหนึ่งใบ
มาตรา 256/2 การกำหนดจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี ให้ดำเนินการตามวิธีการ ดังต่อไปนี้
(1) ให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เฉลี่ยด้วยจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) จำนวนหนึ่งร้อยคน จำนวนที่ได้รับให้ถือว่าเป็นจำนวนราษฎรต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธธรรมนูญตาม มาตรา 256/1 (1) หนึ่งคน
(2) จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) หนึ่งคน ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) ในจังหวัดนั้นได้หนึ่งคน
(3) จังหวัดใดมีราษฎรเกินจำนวนราษฎรต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) หนึ่งคน ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) ในจังหวัดนั้นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนทุกจำนวนราษฎรที่ถึงเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) หนึ่งคน แต่จะเพิ่มจนทำให้จังหวัดใดมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) เกินห้าคนมิได้
(4) เมื่อได้จำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) ของแต่ละจังหวัดตาม (1) (2) และ (3) แล้ว ถ้าจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) ยังไม่ครบหนึ่งร้อยคน จังหวัดใดที่มีเศษที่เหลือจากการคำนวณตาม (2) และ (3) มากที่สุด ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน และให้เพิ่มสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) ตามวิธีการดังกล่าวแก่จังหวัดที่มีเศษที่เหลือจากการคำนวณนั้นในลำดับรองลงลงมาตามลำดับจนครบจำนวนหนึ่งร้อยคน
(5) เมื่อได้จำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) ของแต่ละจังหวัดตาม (1) (2) และ (3) แล้ว ถ้าจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) เกินหนึ่งร้อยคน จังหวัดใดที่มีจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) สองคนขึ้นไป จากการดำนวณตาม (1) (2) และ (3) และมีเศษที่เหลือจากการคำนวณตาม (2) และ (3) น้อยที่สุด ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) ลดลงหนึ่งคน และให้ลดสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) ตามวิธีการดังกล่าวแก่จังหวัดที่มีเศษที่เหลือจากการดำนวณนั้นในลำดับรองลงมาตามลำดับจนเหลือจำนวนหนึ่งร้อยคน
@ อายุ 18 ปีขึ้นไป มีสิทธิเลือก สสร.
มาตรา 256/3 บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
(1) มีสัญชาติไทย
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีในวันเลือกตั้ง
(3) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งอยู่นอกเขตเลือกตั้งที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งเป็นเวลาน้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง หรือมีถิ่นที่อยู่นอกราชอาณาจักร จะขอลงทะเบียน เพื่อออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง ณ สถานที่ และตามวันเวลา วิธีการ และเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ได้
มาตรา 256/4 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ในวันเลือกตั้ง เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
(1) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่
(2) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
(3) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
มาตรา 256/5 บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
(1) มีสัญชาติไทย
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีนับถึงวันเลือกตั้ง
(3) ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งตามมาตรา 256/1 (1) ต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ด้วย
(ก) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
(ข) อาศัย ทำงาน หรือศึกษา อยู่ในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึงวันเลือกตั้งตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด
(ค) เป็นบุคคลซึ่งเกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง
(ง) เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสามปีการศึกษา
(จ) เคยรับราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ หรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสามปี
@ ทุจริตต่อหน้าที่-ร่ำรวยผิดปกติ ห้ามสมัคร สสร.
มาตรา 256/6 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1
(1) เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 96 (1) (2) หรือ (4)
(2) ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
(3) ติดยาเสพติดให้โทษ
(4) เคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
(5) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ
(6) เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(7) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน
(8) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง
(9) เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุตามมาตรา 144 หรือมาตรา 235 วรรคสาม
(10) เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือรัฐมนตรี
(11) เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(12) เป็นข้าราชการการเมือง
(13) เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
@ คัด 100 สสร.เขตคะแนนสูงสุด - สสร.ปาร์ตี้ลิสต์ ทีมละไม่เกิน 100 คน
มาตรา 256/7 ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) ให้สมัครเป็นรายบุคคล
การเลือกตั้งให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้หนึ่งคน และจะลงคะแนนเลือกผู้สมัครผู้ใดหรือจะลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเลยก็ได้
มาตรา 256/8 ในแต่ละจังหวัด ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1) ที่ได้รับคะแนนสูงสุดเรียงตามลำดับจนครบจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่พึงมีในแต่ละจังหวัดเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (1)
มาตรา 256/9 ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (2) ให้สมัครเป็นทีม โดยแต่ละทีมจะต้องมีจำนวนผู้สมัครรวมกัน ทีมละไม่น้อยกว่ายี่สิบคนแต่ไม่เกินหนึ่งร้อยคน
ให้แต่ละทีมจัดทำบัญชีรายชื่อทีมละหนึ่งบัญชีที่มีการเรียงลำดับผู้สมัครในทีม โดยผู้สมัสมัครรับเลือกตั้งของแต่ละทีมต้องไม่ซ้ำกัน
การเลือกตั้งให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (2) มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้หนึ่งทีม และจะลงคะแนนเลือกทีมใดหรือจะลงคะแนนไม่เลือกทีมใดเลยก็ได้
@ คะแนนรวมปาร์ตี้ลิสต์ หาร 100 เฉลี่ย สสร.1 คน
มาตรา 256/10 การคำนวณเพื่อหาผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (2) ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) ให้รวมผลคะแนนทั้งหมดที่ทุกทีมได้รับจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อทั้งประเทศ
(2) ให้นำคะแนนรวมจาก (1) หารด้วยหนึ่งร้อย ผลลัพธ์ที่ได้ให้ถือเป็นคะแนนเฉลี่ยต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (2) หนึ่งคน
(3) ในการคำนวณหาจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (2) ที่แต่ละทีมจะได้รับ ให้นำคะแนนรวมจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละทีมได้รับ หารด้วยคะแนนเฉลี่ยตาม (2) ผลลัพธ์ที่ได้เฉพาะส่วนที่เป็นจำนวนเต็มคือจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (2) ที่ทีมนั้นได้รับ
(4) ในกรณีที่จำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (2) ที่แต่ละทีมได้รับรวมกันทุกทีมมีจำนวนไม่ครบหนึ่งร้อยคน ให้ทีมที่มีผลลัพธ์ที่เป็นเศษโดยไม่มีจำนวนเต็ม และทีมที่มีเศษหลังจากการคำนวณตาม (3) ทีมใดเป็นหรือมีเศษจำนวนมากที่สุด ให้ได้รับจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (2) อีกหนึ่งคนเรียงตามลำดับ จนกว่าจะมีจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (2) ที่ทีมทั้งหมดได้รับรวมกันครบจำนวนหนึ่งร้อยคน
(5) ในการดำเนินการตาม (4) ถ้าในลำดับใดมีเศษเท่ากันและจะทำให้จำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (2) เกินจำนวนหนึ่งร้อยคน ให้ตัวแทนของทีมที่มีเศษเท่ากันจับสลากตามวันและเวลาที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด เพื่อให้ได้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (2) ครบจำนวน
ให้ถือว่าผู้สมัครตามบัญชีรายชื่อผู้สมัครของทีมตามจำนวนที่ทีมนั้นได้รับตามผลการคำนวณตามวรรคหนึ่ง ได้รับเลือกตั้งเรียงตามลำดับหมายเลขในบัญชีรายชื่อของทีมนั้นจนครบจำนวน แต่ต้องไม่เกินจำนวนผู้สมัครเท่าที่มีอยู่ในแต่ละบัญชีรายชื่อผู้สมัครที่ทีมนั้นได้ส่งสมัคร ในกรณีที่จำนวนยังขาดอยู่ ให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 (2) ประกอบด้วยสมาชิกเท่าที่มีอยู่
มาตรา 256/11 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่มีเหตุแห่งการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวดนี้
การกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามวรรคหนึ่ง ให้กระทำโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งต้องกำหนดให้เป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร
@ เปิดช่องพรรคการเมือง สนับสนุน สสร.
ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีการแนะนำผู้สมัครและทีมผู้สมัครอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงกำหนดกติกาที่เปิดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งรณรงค์หาเสียงได้อย่างกว้างขวางและเป็นธรรมเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางและนโยบายของผู้สมัครและทีมผู้สมัครได้โดยทั่วไป และเปิดให้ประชาชนและพรรคการเมืองมีเสรีภาพในการประกาศสนับสนุนผู้สมัครหรือทีมผู้สมัครได้
หลักเกณฑ์และวิธีการในการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด ทั้งนี้ในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญอาจกำหนดให้นำบทบัญญัติตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับโดยอนุโลม เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
เมื่อได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรับรองผลการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันเลือกตั้ง
ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญส่งให้ประธานรัฐสภา แล้วให้ประธานรัฐสภาประกาศรายชื่อบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในราชกิจจานุเบกษา ภายในห้าวันนับแต่วันที่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง
มาตรา 256/12 สมาชิกภาพของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
มาตรา 256/13 สมาชิกภาพของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง เมื่อ
(1) สภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดตามมาตรา 256/28
(2) ตาย
(3) ลาออก
(4) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 256/5 หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 256/6
เมื่อตำแหน่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมญว่างลงเพราะเหตุอื่นใด นอกจากที่ถึงคราวออกตาม (1) ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(1) ในกรณีที่เป็นตำแหน่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแบบแบ่งเขตเลือกตั้งตามมาตรา 256/1 (1) ให้ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญประกาศเลื่อนบุคคลผู้ที่ได้คะแนนในลำดับต่อไปไนการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในจังหวัดนั้น ซึ่งเป็นบุคคลผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแทนตำแหน่งที่ว่างภายในห้าวัน
(2) ในกรณีที่เป็นตำแหน่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแบบบัญชีรายชื่อตามมาตรา 256/1 (2) ให้ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญประกาศเลื่อนผู้มีชื่อชื่อยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อขอของทีมนั้น ซึ่งเป็นบุคคลผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ขึ้นมาเป็นสมาชิกสกสภาร่างรัฐธรรมญแทนตำแหน่งที่ว่างภายในห้าวัน
ในกรณีที่ตำแหน่งสมาชิกสภาร่างรัฐธธรรมนูญูว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุใดและยังไม่มีการเลื่อนลำดับขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างตามวรรคสอง หรือเป็นกรณีที่ไม่มีบุคคลที่จะเลื่อนขึ้นมาแทนตำแหน่งที่ว่างได้ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเท่าที่มีอยู่
สมาชิกภาพของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญผู้เข้ามาแทนตำแหน่งที่ว่าง ให้เริ่มนับแต่วันถัดจากวันประกาศชื่อในราชกิจจานุเบกษา
@ สสร. ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี
มาตรา 256/14 สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามหมวดนี้ ไม่สามารถดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้ได้เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่สมาชิกภาพของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง
(1) นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี
(2) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา
(3) สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(4) ผู้พิพากษาศาลฎีกา
(5) ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
(6) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
(7) ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธธรรมนูญ
(8) อัยการสูงสุด
มาตรา 256/15 การประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรกต้องจัดให้มีขึ้นไม่ช้ากว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่คณะกรรมการเลือกตั้งประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
มาตรา 256/16 สภาร่างรัฐธรรมนูญูมีประธานสภาคนหนึ่งและรองประธานสภาหนึ่งหรือสองคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากสมาชิกแห่งสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมติของสภาร่างรัฐธรรมนูญและให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจดำเนินกิจการของสภาร่างรัฐธรรมนูญตามหมวดนี้
รองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจตามที่ประธานสภาร่างรัฐธธรรมนูญมอบหมายและปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญในกรณีที่ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
กรณีประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้และไม่มีรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญปฏิบัติหน้าที่แทนตามวรรคสาม ให้ที่ประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมในคราวนั้น เพื่อดำเนินการประชุมต่อไปได้
มาตรา 256/17 เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการที่สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้งให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 256/18 สภาร่างรัฐธรรมนูญมีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
(1) จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาสามร้อยหกสิบวันนับแต่วันที่มีการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรก
(2) จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่รัฐฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา 256/23
การที่อายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงหรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรไม่เป็นเหตุกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสภาร่างรัฐธรรมนูญตามวรรคหนึ่ง
ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึง โดยให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีการเผยแพร่เนื้อหาสาระและความคืบหน้าในการร่างรัฐธรรมนูญผ่านสื่อมวลชนและเวทีแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ
@ ปิดประตูแก้หมวด 1
การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ จะกระทำมิได้
ในระหว่างการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญแจ้งให้คณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือมีข้อเสนอแนะอื่นใดในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และภายในกำหนดเวลาที่สภาร่างรัฐธรรมนูญกำหนด
หากสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูฉบับใหม่ไม่เสร็จภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงและดำเนินการตามมาตรามาตรา 256/28 วรรคสอง
ในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญเริ่มดำเนินการทันทีที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา 256/23
หากสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใดไม่เสร็จภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้รัฐสภามีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว
มาตรา 256/19 การพิจารณาและจัดทำร่างรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ การประชุม การลงมติ การแต่งตั้งกรรมาธิการ และการดำเนินการของกรรมาธิการ การรักษาระเบียบและความเรียบร้อย และกิจการอื่นเพื่อดำเนินการตามหมวดนี้ ให้นำข้อบังคับการประชุมรัฐสภามาใช้บังคับโดยอนุโลม
ให้นำความในมาตรา 120 มาตรา 124 และมาตรา 125 มาใช้บังคับกับการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญและการประชุมของคณะกรรมาธิการโดยอนุโลม
@ ตั้ง คณะกรรมการยกร่าง 45 คน
มาตรา 256/20 ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นคณะหนึ่งทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญตามแนวทางที่สภาร่างรัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อเสนอต่อสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยกรรมาธิการจำนวนอย่างน้อยสี่สิบห้าคน โดยต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นจำนวนอย่างน้อยสองในสามของจำนวนกรรมาธิการทั้งหมด
สำหรับกรรมาธิการอื่นอาจแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญได้ โดยให้พิจารณาถึงความรู้ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ ในการทำหน้าที่และมีจำนวนกรรมาธิการตามความจำเป็น
มาตรา 256/21 เมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วให้นำเสนอต่อรัฐสภาให้รัฐสภาพิจารณาเพื่ออภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีการลงมติ
เมื่อรัฐสภาอภิปรายแสดงความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญตามวรรคลองเสร็จสิ้นแล้ว ให้ประธานรัฐสภานำร่างรัฐธรรมนูญส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งภายในเจ็ดวัน เพื่อจัดให้มีการออกเสียงประชามติ (ประชามติครั้งที่ 2)
มาตรา 256/22 ในการออกเสียงประชามติตามมาตรา 256/21 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติของประชาชนว่าจะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูฉบับใหม่หรือไม่
ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดวันออกเสียงประชามติซึ่งต้องไม่เร็วกว่าเก้าสิบวันและไม่ช้ากว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐสภา
วันออกเสียงประชามติให้กำหนดเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร
@ ประชามติ ชัดเจน-เข้าใจง่าย-ไม่ชี้นำ-เป็นกลาง
คำถามที่ใช้ถามประชาชนไนการออกเสียงประชามติ จะต้องชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่ชี้น้ำ และเป็นกลางต่อทุกฝ่าย
หลักเกณฑ์และวิธีการออกเลียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการเผยแพร่เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนรับทราบเป็นการทั่วไปผ่านสื่อมวลชน เวทีแสดงความคิดเห็น สื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท และช่องทางต่าง ๆ โดยคุ้มครองเสร็ภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนทุกคน รวมทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญอย่างเสมอภาค
ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและในการแสดงออก เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ
เมื่อการออกเสียงประชามติเสร็จสิ้น ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันออกเสียงประชามติ
มาตรา 256/23 หากผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ให้ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยให้ประธานสภาร่างรัฐธธรรมนูญเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
มาตรา 256/24 หากผลการออกเสียงประชามติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป และให้แจ้งผลการออกเสียงประชามตีให้ประธานรัฐสภาและประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญทราบโดยเร็ว
มาตรา 256/25 เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษาและสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญฉบับใดที่ถูกกำหนดในรัฐธธรรมนูฉบับใหม่เสร็จแล้ว ให้นำเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวต่อรัฐสภา
ให้รัฐสภาพิจารณาเพื่ออภิปรายแสดงความคิดเห็นและให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญรายฉบับให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมเป็นประการใดมิได้
การออกเสียงลงคะแนน ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจำนวนนี้ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
มาตรา 256/26 หากร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใดได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ให้ประธานรัฐสภานำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
มาตรา 256/27 หากร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใดไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการจัดทำและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธธรรมนูญฉบับดังกล่าว
มาตรา 256/28 สภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงในกรณีดังต่อไปนี้
(1) สภาร่างรัฐธรรมนูญมีจำนวนสมาชิกเหลืออยู่ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง
(2) สภาร่างรัฐธธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 256/18 (1)
(3) ร่างรัฐธรรมนูญตกไปตามมาตรา 256/24
(4) สภาร่างรัฐธรรมญจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามที่กำหนดในรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จเลยแม้แต่ฉบับเดียว ภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 256/18 (2)
(5) ร่างรัฐธรรมนูญได้ประกาศใช้บังคับแล้ว และรัฐสภาได้ดำเนินการพิจารณาและลงมติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำและนำเสนอต่อรัฐสภา ตามมาตรา 256/25 แล้ว
ในกรณีที่สภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงตาม (2) ให้ดำเนินการจัดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ตามหมวดนี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาตามมาตรา 256/18 (1) ทั้งนี้บุคคลซึ่งเคยเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามหมวดนี้จะเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญอีกไม่ได้
มาตรา 256/29 ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้นตามหมวดนี้ตกไป คณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา มีสิทธิเสนอญัตติต่อรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญตามหมวดนี้อีกได้ การออกเสียงลงคะแนนให้ความเห็นชอบของรัฐสภาต้องได้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจำนวนนี้ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ บุคคลผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามหมวดนี้จะเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญอีกมิได้
เมื่อรัฐสภามีมติอย่างหนึ่งอย่างใดตามวรรคหนึ่งแล้ว จะมีการเสนอญัตติตามวรรคหนึ่งอีกมิได้ เว้นแต่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่แล้ว
มาตรา 5 ในวาระเริ่มแรก ให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการรับสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256/1 ของรัฐธธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญนี้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ และให้ดำเนินการตามมาตรา 256/11 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก่ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :