
กลุ่มเยาวชนจากบังกลาเทศ จากประเทศกัมพูชาที่ได้คะแนน CPI 21 คะแนน ยังคงพยายามส่งสัญญาณเตือนภัยและเรียกร้องให้เฝ้าระวังเกี่ยวกับการทุจริตในการดำเนินกิจการเกี่ยวกับสภาพอากาศในหลายรูปแบบ ตั้งแต่อิทธิพลที่ไม่เหมาะสม การติดสินบนไปจนถึงการยักยอกทรัพย์ นี่จึงเป็นเป็นข้อบ่งชี้ว่ารัฐบาลทั่วภูมิภาคต้องตอบสนองต่อการเรียกร้องให้ดําเนินการและปฏิบัติตามคํามั่นสัญญาต่อต้านการทุจริตอย่างทั่วถึง
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ก.พ.เว็บไซต์องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติหรือ TI ได้มีการเผยแพร่อันดับดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย ที่ในปี 2567 ที่ผ่านมาไทยได้ 34 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 107 จาก 180 ประเทศทั่วโลก

โดยแม้ในปีนี้ทาง TI จะไม่ได้มีการระบุรายละเอียดเจาะจงเกี่ยวกับที่มาของคะแนนของประเทศไทยเอาไว้ แต่ก็มีการนำเสนอเกี่ยวกับภาพรวมของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่ามีความเสื่อมโทรมโดยเฉพาะในเรื่องการรับมือกับปัญหาสภาพอากาศ
สำนักข่าวอิศราจึง (www.isranews.org) จึงได้นำเอารายงานนี้มานำเสนอมีรายละเอียดดังนี้
ดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ประจําปี 2567 ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติเผยให้เห็นว่ารัฐบาลทั่วเอเชียแปซิฟิกยังคงล้มเหลวในการบรรลุคํามั่นสัญญาต่อต้านการทุจริต คะแนนเฉลี่ยปี 2567 สําหรับภูมิภาคนี้ลดลงหนึ่งคะแนนจากปีก่อนหน้า เหลือแค่ 44 คะแนนในปีนี้
นี่เป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงผลกระทบที่เป็นอันตรายของการทุจริตต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษยชาติต้องเผชิญ การทุจริตขัดขวางนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม กระทบต่อการจัดหาเงินทุนเพื่อรับมือปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และขัดขวางการบังคับใช้กฎระเบียบและนโยบาย ทําให้กลุ่มที่เปราะบางที่สุดได้รับทรัพยากรเพียงเล็กน้อย
โดยเอเชียแปซิฟิกเป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 1 ใน 3 ของโลก มีจํานวนคนหนุ่มสาวมากเป็นอันดับสอง และเป็นภูมิภาคที่มีแนวโน้มที่จะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติมากที่สุด หากปราศจากความพยายามร่วมกันในการต่อสู้กับการทุจริต ผู้ที่มีชีวิตอยู่ ณ เวลานี้ กำลังจะกลายเป็นคนรุ่นแรกจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงและจะต้องแบกรับผลกระทบที่ร้ายแรง
ข่าวทุจริตกับการตัดไม้ทำลายป่าในกัมพูชา (อ้างอิงวิดีโอจาก Neakta Koktlork)
@งบการจัดการสภาพภูมิอากาศที่สูญเสียไป
เพื่อรับมือต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ที่มีความเปราะบางสูงนี้ต้องปรับปรุงระบบการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนผู้ที่เปราะบางที่สุด ประชาคมโลกมุ่งมั่นที่จะจัดหาเงินทุนให้กับประเทศที่ต้องการทําเช่นนั้น แม้ว่าสิ่งที่ได้รับการจัดสรรจนถึงตอนนี้จะไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม การทุจริตขัดขวางการใช้เงินนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยบังกลาเทศซึ่งได้คะแนน CPI 23 คะแนนเป็นหนึ่งในประเทศผู้รับเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศรายใหญ่ที่สุด กลับกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปัญหาความโปร่งใสมากที่สุดเช่นกัน ซึ่งถ้าหากมีการจัดการกับเงินนี้อย่างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบแล้ว กองทุนนี้จะมีประโยชน์สามารถช่วยประชากรได้หลายล้านคน
ส่วนที่ปากีสถานซึ่งได้คะแนน CPI 27 คะแนน ประสบกับความเปราะบางด้านสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เคยมีมาก่อนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ประเทศนี้กลับมีปัญหาช่องว่างด้านการกํากับดูแลอย่างเป็นระบบและอุปสรรคในการดําเนินนโยบาย รวมถึงความล่าช้าในการดําเนินการตามกฎระเบียบและการจัดตั้งสถาบันภายใต้กฎหมายติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศปี ค.ศ. 2017 ส่งผลทำให้เงินที่จะไปลงกับการแก้ปัญหาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ประเทศอินเดียที่ได้ CPI 38 คะแนน ก็มีปัญหาเพราะเข้าไปพัวพันกับคดีความที่สหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับธุรกิจพลังงานสะอาด เนื่องจากมีการจ่ายสินบนมากกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียเพื่อแลกกับการที่บริษัทเอกชนได้รับสัญญาพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ประเทศที่มีคะแนน CPI สูงสุดและต่ำสุดในภูมิภาค
@การปรับปรุงที่สำคัญ
ทั้งนี้การเปลี่ยนผ่านเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต้องอาศัยความร่วมมือที่สำคัญระหว่างรัฐบาล ธุรกิจ และภาคประชาสังคม และประชากรที่ได้รับผลกระทบเพื่อกำหนดแนวทางไปข้างหน้า ความขัดแย้งทางผลประโยชน์และอิทธิพลที่ไม่เหมาะสมทำให้เกิดช่องว่างที่เอื้อให้ล็อบบี้ยิสต์,ชนชั้นนำที่ร่ำรวยและผู้มีอำนาจตัดสินใจในสิ่งที่กระทบกับนโยบาย

ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีคะแนน CPI ตกลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
ที่อินโดนีเซียซึ่งได้ 37 คะแนน พบว่ามีปัญหาด้านภาคส่วนพลังงานของประเทศเต็มไปด้วยบุคคลที่ใกล้ชิดกับชนชั้นนําทางการเมืองที่ใช้ประโยชน์จากจากภาคพลังงานเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว การทุจริตและผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองทําให้คนเหล่านี้ทําร้ายภาคส่วนด้านพลังงานเป็นประจํา และสถาบันที่อ่อนแอมักจะไม่สามารถหยุดกลุ่มชนชั้นนำเหล่านี้ได้
ตัวอย่างเช่นการดำเนินการโครงการ Rempang Eco City โครงการนี้กลายเป็นโครงการที่คุกคามสิทธิของชุมชนและเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับนักการเมืองที่มีอํานาจและบริษัทต่างชาติ ซึ่งเป็นประเด็นสําคัญที่องค์กรภาคประชาสังคมเน้นย้ำ โครงสร้างความเป็นเจ้าขององค์กรที่บริหารจัดการ Rempang Eco City ยังมีความซับซ้อนและพบว่ามีการมีส่วนร่วมของบริษัทที่ตั้งอยู่ในดินแดนสำหรับการเลี่ยงภาษี ทำให้สถานการณ์ต่างๆแย่ลง
ส่วนที่เวียดนามซึ่งได้คะแนน CPI 40 คะแนน พบว่าแค่เพียงปีเดียว โครงการพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ 32 โครงการอยู่ภายใต้การสอบสวนในข้อหาใช้การใช้อำนาจโดยมิชอบ การขาดพื้นที่พลเมืองเข้ามามีส่วนร่วมสําหรับการกํากับดูแลที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนกลไกที่มีอย่างจํากัดเพื่อสนับสนุนระบบการร้องทุกข์อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส ทั้งหมดล้วนคุกคามความโปร่งใสที่จำเป็นกับโครงการเหล่านี้
ส่วนประเทศอื่นๆทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คนในรุ่นหนุ่มสาวแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัดเกี่ยวกับการทุจริตที่เป็นอันตรายต่อการดําเนินการกิจการด้านสภาพภูมิอากาศ คนหนุ่มสาวที่ว่ามีนี้ ยังดำเนินการทางกฎหมาย การฟ้องร้องที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงปี 2567 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลมีความรับผิดชอบมากขึ้นต่อการจัดการกับสภาพภูมิอากาศ
ยกตัวอย่างเช่นที่เกาหลีใต้ซึ่งได้คะแนน CPI 64 คะแนน พบว่ามีกรณีที่คนหนุ่มสาวซึ่งดำเนินการต่อสู้มายาวนานกว่าสี่ปี ส่งผลทำให้ศาลรัฐธรรมนูญยอมรับว่านโยบายเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันนั้นไม่พอต่อการแก้ปัญหา และสั่งให้รัฐบาลเกาหลีใต้ดำเนินการแก้กฎหมายให้เพมาะสม
กลุ่มเยาวชนจากบังกลาเทศ จากประเทศกัมพูชาที่ได้คะแนน CPI 21 คะแนน ยังคงพยายามส่งสัญญาณเตือนภัยและเรียกร้องให้เฝ้าระวังเกี่ยวกับการทุจริตในการดำเนินกิจการเกี่ยวกับสภาพอากาศในหลายรูปแบบ ตั้งแต่อิทธิพลที่ไม่เหมาะสม การติดสินบนไปจนถึงการยักยอกทรัพย์ นี่จึงเป็นเป็นข้อบ่งชี้ว่ารัฐบาลทั่วภูมิภาคต้องตอบสนองต่อการเรียกร้องให้ดําเนินการและปฏิบัติตามคํามั่นสัญญาต่อต้านการทุจริตอย่างทั่วถึง
เรียบเรียงจาก:https://www.transparency.org/en/news/cpi-2024-asia-pacific-leaders-failing-to-stop-corruption-amid-escalating-climate-crisis

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา