“...ผมเชื่อว่า บิ๊กโอ (นายก้องเกียรติ) มีทางเลือกหลายทาง แต่เมื่อบิ๊กโอได้คุยกับพรรค ได้เห็นแนวทางพรรค ผมว่า่มันคลิกกัน พรรคเรา ถ้าพูดเยอะ พูดเก่ง ก็ดี แต่ถ้าพูดไม่เก่ง ไม่เยอะ เราก็ชดเชยด้วยการแสดงความจริงใจ ด้วยการทำงาน ทุกครั้งบนเวทีปราศรัยทุกคืน เราชัดเจนว่า เราเน้นการทำงาน เราเน้นใจนักเลง เป็นคนง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตอง ถ้าเพื่อนขอก็ช่วย บิ๊กโอ มีสโลแกนประจำตัวว่า ช่วยใครไม่เคยจำ ใครช่วยไม่เคยลืม ซึ่งคลิกกับบุคคลิกพรรรคกล้าธรรม คลิกกับบุคคลิกของท่านธรรมนัส...”
ผลการนับคะแนนเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 อย่างไม่เป็นทางการ ‘พลิกความคาดหมาย’ เมื่อพรรคภูมิใจไทย ‘เจ้าของพื้นที่เดิม’ เพลี่ยงพล้ำ ‘ตกบัลลังก์แชมป์’
สวนทางกับ ‘พรรคน้องใหม่’ แต่ ‘หน้าเก่า’ ลงเลือกตั้งระดับประเทศครั้งแรก แม้จะเป็นการเลือกตั้งซ่อม-สนามซ้อม แต่กลับโกยคะแนนทิ้งห่าง-ชนะขาด ‘พรรคสีน้ำเงิน’ ที่เพิ่งครบ 16 ปีไปมาดๆ ไปกว่า 10,000 คะแนน และ ‘พรรคเก่าแก่’ แบบไม่เห็นฝุ่น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) พาไปพูดคุย-วิเคราะห์หลังม่านการเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 อะไร คือ กุญแจแห่งความสำเร็จ-ปัจจัยชี้ขาดของชัยชนะ-พ่ายแพ้
@ เปิดตัวละครลับ-เบื้องหลังชัยชนะ ‘กล้าธรรม’
พรรคกล้าธรรม ‘ปักธง’ สส. ที่มาจากการแข่งขันในนามพรรค ‘คนแรก’ คือ ‘ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ’ หรือ “บิ๊กโอ” ผู้สมัครหมายเลข 5 พรรคกล้าธรรม ท่วมท้น 38,680 คะแนน
‘อรรถกร ศิริลัทธยากร’ ส.ส.ฉะเชิงเทรา-อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะนายทะเบียนพรรคกล้าธรรม เปิดเผย ‘ปัจจัยแห่งความสำเร็จ’ ในการเลือกตั้งซ่อมสส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ว่า มีหลายปัจจัย ซึ่งหนึ่งในปัจจัยนั้นคือ พรรคกล้าธรรมมีความเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกัน และการลงพื้นที่ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ซึ่งตั้งแต่วันที่่ 20 เมษายน 2568 (7 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง) ร.อ.ธรรมนัส ลงไปด้วยตัวเอง ไปกำกับ ไปวางแผน ไปช่วยผู้สมัครฯ ในการหาเสียง ตั้งแต่เช้าถึงเย็น เคาะประตูชาวบ้าน ทำความเข้าใจในเรื่องนโยบายของพรรค และในเรื่องของความพร้อมของผุ้สมัครฯ หรือแม้กระทั่งการขึ้นรถแห่ในช่วงโค้งสุดท้าย
@ นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4 พรรคกล้าธรรม @
ปัจจัยที่สอง ต้องให้เครดิตกับ นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4 พรรคกล้าธรรม เพราะนายชนนพัฒฐ์ เกิดที่นครศรีธรรมราช เป็นเด็กนครฯ จึงมีเครือข่ายที่คอยเช็กว่าแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร เพื่อไปทำความเข้าใจกับชาวบ้าน
“พรรคกล้าธรรมอยากได้ที่นี่ที่สุด มีใครเอาหัวหน้าพรรค เอาประธานที่ปรึกษา เอาเลขาธิการพรรค เอาเหรัญญิก เอานายทะเบียน เอากรรมการบริหารพรรคลงไปหาเสียงเหมือนกับพรรคกล้าธรรมหรือไม่ ไม่มี”
นายก้องเกียรติลาออกจากการเป็น สจ. และรอที่จะมาเป็นผู้แทนฯนครศรีฯ เขต 8 มาเปฺ็นระยะเวลา 6-7 ปีแล้ว ประสงค์ที่จะลงแต่ก็ไม่ได้ลง แต่วันนี้นายก้องเกียรติมาลงให้กับพรรคกล้าธรรรม เพราะมั่นใจว่า พรรคกล้าจะได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่
ถึงแม้ว่า พรรคกล้าธรรรม จะมี สส.ในสังกัดถึง 24 คน แต่ล้วนแล้วแต่เป็น ‘สส.เก่า’ ที่มาจาก ‘สินสมรสทางการเมือง’ ภายหลังจาก ‘ผู้กองธรรมนัส’ แยกทางกับ ‘พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แล้วเพราะอะไรที่ทำให้นายก้องเกียรติเลือกที่จะมาสวมเสื้อพรรคกล้าธรรม พรรคที่ไม่เคยส่งผู้สมัครลงสนามเลือกตั้งในนามพรรคแม้แต่ครั้งเดียว ‘นายทะเบียนพรรคกล้าธรรม-อดีตโฆษกพรรคบ้านป่า’ ตอบว่า
“ผมเชื่อว่า บิ๊กโอ (นายก้องเกียรติ) มีทางเลือกหลายทาง แต่เมื่อบิ๊กโอได้คุยกับพรรค ได้เห็นแนวทางพรรค ผมว่า่มันคลิกกัน พรรคเรา ถ้าพูดเยอะ พูดเก่ง ก็ดี แต่ถ้าพูดไม่เก่ง ไม่เยอะ เราก็ชดเชยด้วยการแสดงความจริงใจ ด้วยการทำงาน ทุกครั้งบนเวทีปราศรัยทุกคืน เราชัดเจนว่า เราเน้นการทำงาน เราเน้นใจนักเลง เป็นคนง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตอง ถ้าเพื่อนขอก็ช่วย บิ๊กโอ มีสโลแกนประจำตัวว่า ช่วยใครไม่เคยจำ ใครช่วยไม่เคยลืม ซึ่งคลิกกับบุคคลิกพรรรคกล้าธรรม คลิกกับบุคคลิกของท่านธรรมนัส”
ส่วนจะมีปัจจัยอื่นอีกหรือไม่นั้น ‘อรรถกร’ เปิดเผยว่า “ผมว่า เครือข่าย แกนนำ หัวคะแนนบิ๊กโอดี สส.ภาคใต้ ที่ไม่ใช่เฉพาะ สส.นครศรีฯ หลายคนรู้จักบิ๊กโอ หลายคนเป็นเพื่อนกัน”
ให้ ‘อรรถกร’ ช่วยแบ่ง-แยกคะแนน 3.8 หมื่นกว่าคะแนนมาจากไหน ระหว่างคะแนนส่วนตัว-หัวคะแนนของนายก้องเกียรติ กับของพรรคกล้าธรรมกี่คะแนน
“เป็นการประกอบกัน ใครจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ แต่มุมมองของผม คิดว่า พรรคกล้าธรรมได้ผู้สมัครฯที่เข้มแข็งที่สุด เรื่องอายุ ความตั้งใจ มั่นคงที่เขตนี้เขตเดียว ช่วงโควิดก็ลงมาสร้างโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ด้วยตัวเอง เป็นการเก็บความดี เก็บผลงานไปเรื่อยๆ และมีคะแนนส่วน”
คำถามที่ไม่ถามไม่ได้ ปัจจัยที่ทำให้พรรรคกล้าธรรมชนะชนิดทิ้งห่างพรรคสีน้ำเงิน-แชมป์เก่าเป็นหมื่นคะแนน เพราะ กระสุนใช่หรือไม่ อรรถกรตอบสั้น-ได้ใจความว่า “ไม่ได้จ่าย”
@ ติดอาวุธหนัก-อยู่ถูกที่ถูกเวลา
ชัยชนะครั้งนี้ของพรรคกล้าธรรม ถูกที่-ถูกเวลา อยู่ในช่วงแม่ทัพ-ขุนพลของพรรคกล้าธรรมมีดาวอยู่บนบ่า – มีคำต่อท้ายนามถึงเสนาบดีกระทรวงเกษตรฯ กลายเป็น ‘อาวุธหนัก’
ก่อนหน้าวันเลือกตั้งฯ 3 วัน ‘นฤมล ภิญโญสินวัฒน์’ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม ‘สวมหมวก’ รมว.เกษตรฯ ขนาบข้างด้วยรัฐมนตรีโควต้ายกพรรค ทั้งนายอิทธิ ศิริลัทธยากร-นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ปี 2568 และติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ที่หอประชุมโรงเรียนพิปูนสังฆรักษ์ประชาอุทิศ ต.เขาพระ อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ขายของเก่าสมัย ร.อ.ธรรมนัสเป็น รมว.เกษตรฯ-โฆษณาของใหม่ทั้งราคายางพารา-ปาล์ม พืชเศรษฐกิจและเส้นเลือดใหญ่ของคนใต้
ดังนั้น หากเปรียบมวย-ความครบเครื่องระหว่าง ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ ที่เป็น ‘พรรคคู่แข่ง’ พรรคกล้าธรรม อาจจะเป็นรอง แต่ไม่ได้ถึงกับไม่ออกอาวุธ
ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ครั้งนี้ ไม่ใช่ ‘สนามแรก’ ของ ‘ผู้กองธรรมนัส ’ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม เพราะลงนำทัพสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมมาแล้ว 3 ครั้ง ทั้งที่นครศรีธรรมราช สงขลา และชุมพร
ประกอบกับการลงไปคลุกคลีในพื้นที่ภาคใต้ในหลายบทบาทก่อนหน้านี้ ตั้งแต่สมัยเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ถือธงนำลงสนามเลือกตั้งเมื่อปี 2566
ครั้งหนึ่ง สมัยที่ ร.อ.ธรรมนัส เป็นรมว.เกษตรฯ พล.อ.ประยุทธ์ เคยเซ็นคำสั่งที่ 85/2564 มอบหมายให้ลงไปดูแลพื้นที่จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช และภูเก็ต ภายใต้แนวคิดขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด ทั้งที่เคยรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู พะเยา และเชียงราย จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์แสดงความไม่พอใจ จนพล.อ.ประยุทธ์ ต้องยกเลิกคำสั่งดังกล่าวมาแล้ว
@ ภูมิใจไทย ทำงานหนักขึ้น
สำหรับแชมป์เก่า-พรรคภูมิใจไทย ที่ส่ง ‘ไสว เลื่องสีนิล’ ลงสมัคร แม้จะได้คะแนนถึง 28,417 คะแนน มากกว่า ‘มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล’ ภรรยา ที่คะแนนเมื่อปี 2566 จำนวน 23,393 คะแนน แต่ไม่เพียงพอที่จะรักษาแชมป์ไว้ได้
‘พิพัฒน์ รัชกิจประการ’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง และแม่ทัพภาคใต้พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมว่า ปัจจัยสำคัญคือ ประชาชนเป็นหลัก ตนไม่สามารถตอบอะไรมากกว่านี้ได้ ชาวบ้านเลือกใครก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของคนพื้นที่
ส่วนปัจจัยด้านการหาเสียงหรือกลยุทธ์ต่างๆเป็นปัจจัยชี้ขาดหรือไม่ นายพิพัฒน์กล่าวว่า จะไปพูดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ แล้วคำว่านโยบาย คู่แข่งในครั้งนี้ต่างก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ดังนั้น นโยบายอะไรก็ไม่ต่างกันอยู่แล้ว แต่ในเมื่อคนพื้นที่นิยมผู้สมัครคนอื่นมากกว่า ก็ต้องเข้าใจประชาชนด้วย
ขณะที่ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า แพ้ก็ต้องทำงานหนักขึ้น การแข่งขันครั้งนี้บริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่มีปัญหา แพ้บ้างชนะบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ใครเสนอความเชื่อมั่นในกับประชาชนมากกว่าก็ชนะ ไม่ใช่การต่อสู่กันให้ตายไปข้างหนึ่ง การเลือกตั้งซ่อมสส.นครศรีฯเขต 8 ที่ผ่านมาเป็นการเลือกเฉพาะเจาะจง เลือกตั้งใหญ่เป็นอีกเรื่องหนึ่่ง
@ ประชาธิปัตย์ อ้าง ซื้อเสียง
ปิดท้าย พรรคประชาธิปัตย์ ที่ส่ง ‘ชินวรณ์ บุณยเกียรติ’ อดีต สส. นครศรีธรรมราช 9 สมัย ได้คะแนนลำดับสาม จำนวน 4,190 คะแนน น้อยกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ที่ส่ง ‘ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ’ ลูกสาวของนายชินวรณ์ ซึ่งได้ 10,529 คะแนน
แม้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งจะเข็น ‘นายหัวชวน’ ชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคและอดีตนายกรัฐมนตรี-สัญลักษณ์ของ ‘พรรคคนใต้’ ปลุก ‘การเมืองสุจริต’ ขึ้นมาปัดฝุ่นขาย แต่ก็ยังไม่สามารถกู้วิกฤต ‘พรรคตกต่ำ’ ได้
ผู้สื่อข่าวอิศราได้โทรศัพท์ไปหานายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประจำภาคใต้ เพื่อขอสัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่ทำให้ ‘ชินวรณ์’ แพ้การเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 โดยนายชัยชนะกล่าวว่า เป็นไปตามที่นายชินวรณ์ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า “มีการซื้อเสียงกันจริง”
โดยที่ผู้สื่อข่าวได้ถามต่อว่า มีหลักฐานและจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือไม่ แต่นายชัยชนะได้ตอบกลับมาว่า สัญญาณไม่ชัดเจน เมื่อไหร่ที่สัญญาณชัดเจนแล้วให้โทรกลับไปหาใหม่ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวโทรกลับไปอีกครั้ง นายชัยชนะก็ไม่ได้รับสายแต่อย่างใด
นับตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์ไป ‘จับมือ’ ร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แม้พรรคจะได้เก้าอี้รัฐมนตรี ‘กระทรวงเกรดเอ’ ทั้งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ แต่กระแสของพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่กระเตื้อง
ที่มา : เว็ปไซต์พรรคประชาธิปัตย์ https://www.democrat.or.th/
กลับทรุดตกต่ำลงเรื่อย ๆ จนพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็น ‘ฐานเสียง’ ของพรรคโดนพรรคภูมิใจไทย และ ‘พรรคลุงตู่-รวมไทยสร้าง’ เจาะจนไม่เหลือเพียง 17 ที่นั่ง ต่ำสุดในรอบ 35 ปี ไม่ฟื้น แต่กลับทรุด
@ ‘ประชาชน’ สนามเขตภาคใต้ ไม่หมู
พรรคประชาชน การเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ครั้งนี้ ส่ง นายณัฐกิตต์ อยู่ด้วง ได้คำแนนเป็นลำดับสาม 6,811 คะแนน ซึ่งการเลือกตั้งนายกอบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พรรคประชาชนไม่ส่งผู้สมัคร ฯ ครั้งนี้จึงกลายเป็นการลงแข่งแบบ ‘วัดดวง’
การเลือกตั้งปี 2566 ในช่วงที่พรรคก้าวไกลเดิมคะแนนความนิยมพุ่งสูงสุด กระแสพิธา ฟีเวอร์มาแรง ยังได้คะแนนเป็นอันดับสาม จำนวน 11,587 คะแนน แพ้ทั้ง พรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐ แม้จะได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์มากเป็นอันดับ 1 ก็ตาม สะท้อนให้เห็นว่า การเลือกตั้งระดับเขต กระแสอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอให้เข้าป้ายเป็นอันดับ 1
@ ‘เพื่อไทยส่วนหน้า’ ต่อกร ภูมิใจไทย
การเมืองภาพใหญ่ การเลือกตั้งใหญ่ในปี 2570 ‘พรรคผู้ชนะ’ อย่างพรรคกล้าธรรม การประเดิมด้วยการชนะเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ‘เรียกความมมั่นใจ’ ให้กับ ร.อ.ธรรมนัส และอาจส่งผลดีต่อพรรคเพื่อไทยด้วย
พรรคเพื่อไทย ที่ ‘ผูกปีแพ้’ ไม่เคยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ นับตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย-ยุคนายกฯนารีขี่ม้าขาว และยุคนายกฯเจนวาย
พรรคกล้าธรรมจะเป็นอาวุธลับ ไว้สู้รบในสมรภูมิปักษ์ใต้ เปรียบเป็น ‘เพื่อไทยส่วนหน้า’ เอาไว้ต่อกร-ต่อรองกับพรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ ทะลุทะลวงในพื้นที่ภาคใต้
รวมถึงเจาะฐานที่สุดท้ายของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเก่าแก่ที่เคยเป็น ‘เจ้าตลาด’ ในสมรภูมิปักษ์ใต้ ‘ผูกขาด’ การเลือกตั้ง จนเคยมีวลีว่า “ส่งเสาไฟลงก็ชนะ” ที่อยู่ในช่วงปลายยุครุ่งเรือง
ทว่าก่อนจะถึงการเลือกตั้งปี 70 แน่นอนว่า การแข่งกันเองของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะความพ่ายแพ้ของพรรคภูมิใจไทยจะตอกลิ่มความขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทยให้ลึกลงไปอีก-เพิ่มปมความขัดแย้งก่อนหน้านี้ ทั้งเรื่องกาสิโนและคดีฮั้วเลือกสว. เป็นไฟสุมขอนรัฐบาล-รอวันพรรคร่วมข้ามขั้วแตกคอ