
"...หัวใจสำคัญในป้ายของ น.ส.แพทองธาร และนายสุริยะ มีการระบุคำว่า ฟรี ตัวใหญ่ ไว้ชัดเจน ซึ่งคำว่า ฟรี ตามพจนานุกรรม หมายถึง ที่แจก หรือให้โดยไม่คิดเงิน หรือค่าตอบแทนใด ๆ ความเข้าใจของประชาชนที่พบเห็นป้ายดังกล่าว จะเข้าใจโดยปริยายว่า การที่ได้ใช้ทาง มอเตอร์เวย์ M 6 แบบฟรีๆ โดยไม่เสียเงิน ในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นผลงานของ ทั้ง 2 ราย และมีผลต่อคะแนนเสียงในอนาคตได้ ..."
ดูเหมือนว่า ข้อครหาการใช้ทรัพย์สินของหลวงเพื่อประโยชน์ของตนเองของนักการเมือง
จะกลายเป็นประเด็นร้อนที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชนมากขึ้น
เมื่อ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Prasong Lert ระบุว่า ขณะที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังเผชิญข้อกล่าวหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงในการแจกถุงยังชีพให้แก่ชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งเป็นของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งงบประมาณที่ใช้ในการจัดซื้อถือเป็นเงินหลวง แต่กลับติดสติกเกอร์รูปและชื่อของตัวเอง เป็นการใช้ทรัพย์สินของหลวงเพื่อประโยชน์ของตนเอง โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้รับทราบข้อกล่าวหา ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 นี้
ปรากฏว่า มีป้ายขนาดใหญ่ที่น่าจะใช้งบประมาณหลวง เนื่องจากมีสัญลักษณ์ของกระทรวงคมนาคมและกรมทางหลวงปรากฏอยู่ แจ้งให้ประชาชนได้ทราบว่า สามารถใช้มอเตอร์เวย์ M 6 ฟรีในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งการใช้ทางพิเศษฟรีในช่วงวันหยุดยาว เป็นนโยบายของทุกรัฐบาลและบางส่วน กำหนดไว้ในสัญญาสัมปทาน ไม่ใช่ผลงานของนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง
แต่กลับมีการนำรูปของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มาติดไว้ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ราวกับเป็นผลงานของตัวเอง
นายประสงค์ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ลักษณะแบบนี้ถือเป็น การใช้ทรัพย์สินของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตนในการหาเสียงหรือไม่
พร้อมเรียกร้องให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เข้ามาไต่สวนตรวจสอบให้กระจ่างชัด อย่าให้คนกล่าวหาได้ว่า กระทำการสองมาตรฐาน พรรคประชาชน ในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน ควรทำหน้าที่ไต่สวนตรวจสอบและยื่นเรื่องให้องค์กรที่มีอำนาจดำเนินการโดยด่วน


กรณีนี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ขยายความข้อสังเกตของ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ตามข้อมูลข้างต้น เทียบเคียงกับกรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนคดีฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมกรณีการแจกถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ที่ได้รับการสนับสนนถุงยังชีพมาจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แต่มีการติดสติกเกอร์ชื่อตนเองข้างถุง ขณะที่ภายในถุงมีข้าวสารของตนเองรวมอยู่ด้วย และยังไปร่วมแจกถุงยังชีพด้วยตัวเอง ตามที่มีการนำเสนอข้อมูลไปก่อนหน้านี้
จะพบว่ามีพฤติการณ์เหมือนและแตกต่างกัน ดังนี้
หนึ่ง.
กรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เกี่ยวกับการแจกถุงยังชีพ นั้น สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า การจัดซื้อสิ่งของแจกให้ราษฏรโดยใส่ชื่อของตนลงบนสิ่งของ ทั้งที่ สิ่งของที่นำมาแจกเป็นการใช้จ่ายเงินงบประมาณของหน่วยงานรัฐ เข้าข่ายการกระทำเพื่อเอื้อประโยชน์ เพื่อหาเสียงให้กับตนเองของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถือเป็นพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสม มีข้อกำหนดห้ามปฏิบัติมาตั้งแต่ ปี 2550 หรือเมื่อประมาณ 18 ปี ที่แล้ว หลังถูก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบพบและแจ้งข้อร้องเรียนไปยังกระทรวงมหาดไทย ให้กำกับดูแลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเข้มงวด
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มีตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เช่นเดียวกับ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การที่ นายพีระพันธุ์ ไปแจกถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ที่ได้รับการสนับสนนถุงยังชีพมาจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นรัฐวิสาหกิจรูปแบบบริษัทมหาชนจำกัด ถุงยังชีพที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดซื้อมาถือเป็นเงินหลวง แต่มีการติดสติกเกอร์ชื่อนายพีระพันธุ์ ข้างถุงเพิ่มเติม
จึงทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเข้าข่ายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง ในการใช้งบประมาณรัฐมาใช้ในการหาเสียงล่วงหน้า เป็นการกระทำฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 17 ที่ระบุว่า ไม่กระทําการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง ประกอบ ข้อ 27 วรรคสองระบุว่า การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมในหมวด 2 และหมวด 3 จะถือว่ามีลักษณะร้ายแรงหรือไม่ ให้พิจารณาถึงพฤติกรรมของการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ เจตนาและความร้ายแรงของความเสียหายที่เกิดจากการฝ่าฝืนหรือไมปฏิบัติ
สอง.
ส่วนกรณี น.ส.แพทองธาร และนายสุริยะ ที่มีการนำป้ายขนาดใหญ่ซึ่งน่าจะใช้งบประมาณหลวงในการจัดซื้อ มาติดแจ้งให้ประชาชนได้ทราบว่า สามารถใช้มอเตอร์เวย์ M 6 ฟรีในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาราวกับเป็นผลงานของตัวเองทั้งที่การใช้ทางพิเศษฟรีในช่วงวันหยุดยาว เป็นนโยบายของทุกรัฐบาลและบางส่วน กำหนดไว้ในสัญญาสัมปทาน ไม่ใช่ผลงานของนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง
พิจารณาภาพรวมทั้ง 2 กรณี น.ส.แพทองธาร และนายสุริยะ ก็น่าจะมีพฤติการณ์ส่อว่าเข้าข่ายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองในการใช้งบประมาณรัฐ มาใช้ในการหาเสียงล่วงหน้า เหมือนกับ กรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ตามที่นายประสงค์ระบุ
เพราะหัวใจสำคัญในป้ายของ น.ส.แพทองธาร และนายสุริยะ มีการระบุคำว่า ฟรี ตัวใหญ่ ไว้ชัดเจน ซึ่งคำว่า ฟรี ตามพจนานุกรรม หมายถึง ที่แจก หรือให้โดยไม่คิดเงิน หรือค่าตอบแทนใด ๆ ความเข้าใจของประชาชนที่พบเห็นป้ายดังกล่าว จะเข้าใจโดยปริยายว่า การที่ได้ใช้ทาง มอเตอร์เวย์ M 6 แบบฟรีๆ โดยไม่เสียเงิน ในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นผลงานของ ทั้ง 2 รายและมีผลต่อคะแนนเสียงในอนาคตได้
นอกจากนี้ ในส่วนของ นายสุริยะ นอกจากจะมีภาพอยู่ในป้ายประชาสัมพันธ์ มอเตอร์เวย์ M 6 ฟรีในช่วงสงกรานต์แล้ว ยังมีภาพอยู่ในป้ายประชาสัมพันธ์ กระทรวงคมนาคม สั่งการให้กรมทางหลวงขยายเวลาเปิดให้บริหาร มอเตอร์เวย์ M 18 ช่วงนครปฐม ไปกาญจนบุรี ฟรี ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไปด้วย
ชี้ให้เห็นว่า พฤติการณ์ดังกล่าว ของ นายสุริยะ เกิดขึ้นหลายเส้นทาง ไม่ใช่แค่จุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น (เส้นทางอื่นยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม)
เพื่อความเป็นธรรม ไม่เป็นเรื่องสองมาตรฐาน ว่าการกระทำของ น.ส.แพทองธาร และนายสุริยะ เข้าข่ายฝ่าฝืนเรื่องจริยธรรมด้วยหรือไม่
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ควรจะต้องรีบเข้ามาไต่สวนตรวจสอบทำความจริงให้กระจ่างชัด พรรคประชาชน ในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน ควรทำหน้าที่ไต่สวนตรวจสอบและยื่นเรื่องให้องค์กรที่มีอำนาจดำเนินการโดยด่วน ตามที่นายประสงค์ ระบุ
สาม.
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาข้อเท็จจริงทั้ง 2 กรณี จะพบว่า มีความต่างกันก็ตรงที่ กรณี นายพีระพันธุ์ เหตุผลสำคัญที่ทำให้ถูกไต่สวน และมีการแจ้งข้อกล่าวหานั้น เป็นเพราะมีภาพถ่ายคลิปวิดีโอ ยืนยันเป็นหลักฐานว่า ไปร่วมแจกถุงยังชีพด้วยตัวเอง
ส่วน น.ส.แพทองธาร และนายสุริยะ ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ไปยืนปรากฏตัว ตรงด่านทางขึ้น-ลง มอเตอร์เวย์ M 6 ให้ประชาชน พบเห็นตัวเป็นๆ ตอกย้ำข้อมูลในป้ายด้วยหรือไม่
แต่ ประเด็นสำคัญ คือผู้สั่งให้ติดป้าย น.ส. แพทองธาร และนายสุริยะคือใคร เมื่อ น.ส. แพทองธาร และนายสุริยะทราบหรือไม่ เมื่อทราบแล้ว ได้สั่งให้เอารูปของตัวเองออกหรือให้คงรูปของตัวเอง อยู่ในป้ายต่อไป
ประเด็นนี้ นับว่ามีความสำคัญอย่างมากเช่นกัน เพราะในการไต่สวนคดีการแจกของ หรือมอบสิ่งใดๆ ให้ประชาชน ที่มีลักษณะเข้าข่ายเจตนาเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองในการใช้งบประมาณรัฐ มาใช้ในการหาเสียงล่วงหน้า นั้น
ถ้า ป.ป.ช.ตีกรอบแคบข้อมูลการไต่สวนคดีเพียงแค่ว่า จะต้องมีหลักฐานยืนยันตัวบุคคลไปปรากฏตัวด้วย น.ส.แพทองธาร และนายสุริยะ ก็อาจจะไม่เข้าข่ายถูกไต่สวนเรื่องนี้ เหมือนกรณี นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีการส่งแชร์รูปภาพการจัดส่งถุงยังชีพของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไปยังผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช และมีสติ๊กเกอร์ของนางสาวพิมพ์ภัทรา ติดอยู่ที่ถุงยังชีพจนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ในช่วงเดือนธันวาคม 2567 แต่ ป.ป.ช.ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา นางสาวพิมพ์ภัทรา เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้ไปร่วมแจกถุงยังชีพด้วย
เมื่อปรากฏเป็นข่าว ก็รีบสั่งให้มีการแกะชื่อตนเองออก พร้อมชี้แจงว่าเป็นการเข้าใจผิด และขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ที่สำคัญถ้าหากทำแบบนี้แล้วรอด ไม่ถูก ป.ป.ช. ไต่สวนแจ้งข้อกล่าวหา พฤติการณ์ดังกล่าวก็อาจจะกลายเป็นช่องโหว่สำคัญในอนาคตที่ทำให้นักเมืองการทั่วไป นำมาใช้เป็นแนวปฏิบัติในการหลบเลี่ยงแจกของ หรือมอบสิ่งของให้ โดยมีชื่อ-ภาพปรากฏอยู่ เพื่อเอื้อประโยชน์หาเสียง แต่ไม่ต้องไปปรากฏตัวเมื่อปรากฏเป็นข่าวก็ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน เพื่อหาทางรอดจากการถูกไต่สวนของ ป.ป.ช.ในอนาคตก็ได้
เจตนารมย์ของกฎหมาย ที่ต้องการควบคุมกำกับดูแล ห้ามไม่ให้ "นักการเมือง" ฉกฉวยโอกาสใช้ทรัพย์สินรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ส่วนตนในการหาเสียงล่วงหน้า คงไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้ในประเทศไทย
ทั้งชาตินี้ และชาติหน้า อย่างแน่นอน

- ป.ป.ช.ไต่สวนคดี 'รมต.'ปริศนา แจกถุงยังชีพติดชื่อตัวเอง-แจ้งรับทราบข้อกล่าวหา15 พ.ค.
- กรณีเดียว รมต.ปริศนา! 'พิมพ์ภัทรา' รอด ป.ป.ช.ไม่แจ้งข้อกล่าวหาแจกถุงยังชีพติดชื่อตัวเอง
- เปิดหลักฐาน 'พีระพันธุ์' แจกถุงยังชีพติดสติกเกอร์ตัวเอง -'พิมพ์ภัทรา' โชว์คลิปหรา tiktok
- ก่อน ป.ป.ช.ไต่สวนคดี 'พีระพันธุ์' มท.ห้ามแจกของราษฏรใส่ชื่อตัวเอง ตั้งแต่ 18 ปีที่แล้ว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา