
“…ดังนั้น เพื่อเป็นหลักประกันในกระบวนการดำเนินคดีของศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่สมาชิกวุฒิสภาตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้องจำนวนมากในขณะนี้จะดำเนินการไปโดยอิสระ เป็นกลาง ปราศจากการแทรกแชง ผู้ทำหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยคดีจึงไม่ควรมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคู่ความในคดีโดยเฉพาะการให้ความเห็นชอบผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวเพิ่มเติมในขณะนี้ อันจะทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความยุติธรรม ความเป็นกลางและการขัดกันแห่งผลประโยชน์ กระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ทั้งต่อวุฒิสภาและทั้งสามองค์กรข้างต้นได้…”
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 25688 สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ สว 0007/(วิ 2) เรื่อง การบรรจุระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภา เพิ่มเติม เรื่อง ขอเสนอญัตติ ชะลอการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งให้ความเห็นชอบกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จนกว่ามีคำตัดสินในคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากเป็นผู้ตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้องขณะนี้ โดยนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นผู้เสนอ เพิ่มเติม เป็นเรื่องด่วนลำดับที่ 5 ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 2 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 มีรายละเอียด ดังนี้
วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
เรื่อง ขอเสนอญัตติ ชะลอการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งให้ความเห็นชอบกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จนกว่ามีคำตัดสินในคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากเป็นผู้ตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้องขณะนี้
กราบเรียน ประธานวุฒิสภา
สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา ครั้งที่ 13/2568 เป็นพิเศษ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติเห็นควรแนะนำที่ประชุมวุฒิสภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งจำนวน 1 คน และบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธธธรรมนูญจำนวน 2 คน รวมทั้งการให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมครั้งที่ 1 และ 2 สมัยวิสามัญวันที่ 29 - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
@ 3 คดี สว.ตกเป็นผู้ร้อง-ผู้ถูกร้อง
โดยที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ต่างเป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวน ไต่สวน หรือพิจารณาคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้องอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่งผลต่อการเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรดังกล่าว ปรากฏรายละเอียด ดังนี้
1.คดีสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 92 คน เสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ กรณีแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครืองมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธธรรม
2.คดีสมาชิกวุฒิสภาจำนวนมาก ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหามีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 มาตรา 77 (1) และมาตรา 62 ซึ่งขณะนี้มีคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลางคณะที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งกำลังดำเนินกระบวนการทางคดีอยู่
3.คดีสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 105 คน ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการทุจริตแห่งชาติ ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ พ.อ.ทวี สอดส่องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากการรับพิจารณาคดีซึ่งสมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ให้เป็นคดีพิเศษตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยไม่มีอำนาจ
@ กระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของปชช.
ดังนั้น เพื่อเป็นหลักประกันในกระบวนการดำเนินคดีของศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่สมาชิกวุฒิสภาตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้องจำนวนมากในขณะนี้จะดำเนินการไปโดยอิสระ เป็นกลาง ปราศจากการแทรกแชง ผู้ทำหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยคดีจึงไม่ควรมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคู่ความในคดีโดยเฉพาะการให้ความเห็นชอบผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวเพิ่มเติมในขณะนี้ อันจะทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความยุติธรรม ความเป็นกลางและการขัดกันแห่งผลประโยชน์ กระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ทั้งต่อวุฒิสภาและทั้งสามองค์กรข้างต้นได้
ดังเจตนารมณ์ที่ปรากฎเป็นนัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ. 2560 มาตรา 185 ที่ห้ามมิให้สมาชิกวุฒิสภาใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกวุฒิสภากระทำการใดๆ อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่นหรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในเรืองที่เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการประจำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงการบรรจุแต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือน หรือการให้พ้นจากตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งการให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธธรรมนูญ ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรระดับสูงของรัฐ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมีมาตรฐานต่ำกว่าบทบัญญัติดังกล่าว
ด้วยเหตุผลข้างต้น อันมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ข้าพเจ้าและคณะจึงขอเสนอญัตติดังกล่าวมาเพื่อให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาชะลอการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคล ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกไปก่อน รวมทั้งการให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จนกว่ามีคำตัดสินเป็นที่ยุติในคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้อง ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 35 เพื่อให้ที่ประชุมวุฒิสภาได้พิจารณาญัตติดังกล่าวและมีมติต่อไป
สำหรับเหตุผลและรายละเอียดเพิ่มเติมจะได้ชี้แจงในที่ประชุมวุฒิสภาต่อไป
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา หมายเลย 050

ที่มาภาพ : FB เทวฤทธิ์ มณีฉาย - Bus Tewarit Maneechai

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา