"...กระผมเชื่อว่าท่านประธานศาลฎีกาต้องรู้สึกภูมิใจดีใจและเชื่อมั่นว่าผู้พิพากษา ยังยึดถือในจริยธรรมของผู้พิพากษาและเป็นหลักให้แก่ประเทศได้ เช่นเดียวกับกระผมและผู้พิพากษาทุกคนที่เห็นผลสํารวจนี้..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เป็นรายละเอียดในบันทึกข้อความที่ นายบุญเขตร์ พุ่มทิพย์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลางช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา กรรมการบริหารศาลยุติธรรม และ นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ผู้พิพากษาศาลฎีกาและกรรมการตุลาการ ทำถึงประธานศาลฏีกา ในฐานะประธานกรรมการบริหารศาลยุติธรรม และประธานกรรมการตุลาการ เพื่อเสนอผลสำรวจความเห็นของผู้พิพากษาเกี่ยวกับหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) พบว่า ผู้พิพากษาส่วนใหญ่ เห็นว่าควรยกเลิกหลักสูตรนี้ พร้อมขอให้ ประธานศาลฏีกา ยกเลิกหลักสูตรฯ อบรมนี้ และนำงบประมาณที่ใช้สำหรับหลักสูตรไปเพิ่มแก่หลักสูตร อื่นๆ ที่มีขึ้นเพื่ออบรมข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม
*************
เรื่อง ผลสํารวจความเห็นของผู้พิพากษาเกี่ยวกับหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.)
กราบเรียน ประธานศาลฎีกาในฐานะประธานกรรมการบริหารศาลยุติธรรม และประธานกรรมการตุลาการ
อ้างถึง บันทึกข้อความฉบับลงวันที่ 14 มกราคม 2568 เรื่องขอให้ยกเลิกหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) และกําหนดไม่ให้ผู้พิพากษาเข้าร่วมอบรมหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (ว.ป.อ.) ฯลฯ
ตามที่กระผมได้มีบันทึกข้อความกราบเรียนท่านประธานศาลฎีกาฉบับลงวันที่ 14 มกราคม 2568 เรื่องขอให้ยกเลิกหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) และกําหนดไม่ให้ผู้พิพากษาเข้าร่วมอบรมหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (ว.ป.อ.) ฯลฯ ซึ่งเหตุผลที่ขอให้ยกเลิกตามที่ปรากฏในบันทึกฉบับดังกล่าวนั้น มาจากความยึดถือในจริยธรรมของผู้พิพากษาที่ผู้พิพากษาใช้เป็นแนวทางในการดํารงตนตลอดมารายละเอียดตามที่อ้างถึง และเมื่อมีการเผยแพร่ข้อความในบันทึกดังกล่าวไปสู่สาธารณะปรากฏว่ามีผู้สนับสนุนแนวความคิดนี้อย่างกว้างขวางจากทุกสาขาอาชีพดังที่ปรากฏแพร่หลายตามสื่อมวลชนดังที่เห็นประจักษ์
แต่กระนั้นก็ดีก็ยังไม่แน่ชัดว่า ผู้พิพากษาซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงมีความเห็นอย่างไร
ดังนั้น เพื่อให้ข้อเสนอดังกล่าวมีความเป็นภาวะวิสัยยิ่งขึ้น กระผมจึงทําแบบสอบถามความเห็นของผู้พิพากษาว่าควรยกเลิกหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) หรือไม่ (สอบถามตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม - 9 มิถุนายน 2564 ) โดยใช้การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจาก ผู้พิพากษาของศาลยุติธรรม 1,455 คน จากผู้พิพากษา 5,638 คน (ตามกรอบอัตรากําลังผู้พิพากษา ข้อมูล ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2567) เมื่อใช้สูตรคํานวณขนาดตัวอย่างของ Taro Yamaneแล้ว ผลสํารวจดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2.5 เท่านั้น ซึ่งผลสรุปคือ
1. ผู้พิพากษาร้อยละ 95.1 เห็นว่าการพิจารณาพิพากษาต้องทําด้วยความยุติธรรม แล้วยังต้องแสดงออกให้เห็นโดยปราศความสงสัยว่าเป็นเช่นนั้น (Justice should not only be done, but should manifestly and undoubtedly be seen to be done)" มีความสําคัญต่อการพิจารณาพิพากษาคดีของตน
2. ผู้พิพากษาร้อยละ 87.1 เห็นว่าหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) กระทบต่อความน่าเชื่อถือ คือเชื่อถือในความบริสุทธิ์ยุติธรรม ความเป็นกลางที่ปราศจาก อคติ ความเป็นอิสระ และความซื่อสัตย์สุจริตของผู้พิพากษา
3. ผู้พิพากษาร้อยละ 70.1 เห็นว่าหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) ส่งเสริมระบบอุปถัมภ์ซึ่งนําไปสู่การเลือกปฏิบัติและเพิ่มความเหลื่อมล้ำในสังคม
4. ผู้พิพากษาร้อยละ 82 เห็นว่าควรยกเลิกหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรม ระดับสูง (บ.ย.ส.) โดยนํางบประมาณที่ใช้สําหรับหลักสูตรนี้ไปเพิ่มให้แก่หลักสูตรอื่นๆที่มีขึ้นเพื่ออบรมข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ดูรายละเอียดผลสำรวจประกอบท้ายเรื่อง)
กระผมเชื่อว่าท่านประธานศาลฎีกาต้องรู้สึกภูมิใจดีใจและเชื่อมั่นว่าผู้พิพากษา ยังยึดถือในจริยธรรมของผู้พิพากษาและเป็นหลักให้แก่ประเทศได้ เช่นเดียวกับกระผมและผู้พิพากษาทุกคนที่เห็นผลสํารวจนี้
จากเสียงสะท้อนของสาธารณะที่สนับสนุนให้ยกเลิกหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) และผลสํารวจความเห็นของผู้พิพากษาดังกล่าว ทําให้กระผมเชื่อมั่นว่าท่านประธานศาลฎีกาจะได้โปรดยกเลิกหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) ที่เห็นได้ชัดแล้วว่าหลักสูตรนี้กระทบต่อความน่าเชื่อถือของสาธารณะชนในความเป็นกลางความเป็นอิสระ ความซื่อสัตย์สุจริตของผู้พิพากษา ส่งเสริมระบบอุปถัมภ์ ซึ่งนําไปสู่การเลือกปฏิบัติ และเพิ่มความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยนํางบประมาณที่ใช้สําหรับหลักสูตรนี้ไปเพิ่มให้แก่หลักสูตรอื่น ๆ ที่มีขึ้นเพื่ออบรมข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมต่อไป
ศาลยุติธรรมนั้นเสมือนเรือลําใหญ่ที่แล่นฝ่าคลื่นลมในมหาสมุทรมาเป็นร้อยปีย่อมต้องเป็นที่อาศัยของเพรียงที่มาเกาะบ้างเป็นธรรมดา หากไม่รีบกําจัดออก เมื่อมีจํานวนมากขึ้นก็จะทําให้เรือแล่นช้าลงไปเรื่อย ๆ ด้วยน้ำหนักของเพรียงนั้น จนในที่สุดเรือก็จะล่มลงเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว
จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
(นายบุญเขตร์ พุ่มทิพย์)
ผู้พิพากษาศาลฎีกาช่วยทํางานชั่วคราวในตาแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
และกรรมการบริหารศาลยุติธรรม
(นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล)
ผู้พิพากษาศาลฎีกา และกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม






- ขอ ปธ.ศาลฏีกา เลิกจัดอบรม บ.ย.ส.-ห้าม 'พ.'ร่วมหลักสูตรดัง ชี้ไม่เกิดปย.เสริมระบบอุปถัมภ์
- เสนอผลสำรวจหลักสูตร บ.ย.ส.ให้ ปธ.ศาลฏีกา - ผู้พิพากษาร้อยละ 82 'เห็นควรยกเลิก'

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา