
“…ในการนี้ โดยที่สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในปัจจุบันยังคงมีความไม่แน่นอน และเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งข้อมูลซึ่งปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนตามการให้สัมภาษณ์ ของฝ่ายบริหารยังไม่ชัดเจนถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว จึงอาจก่อให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ต่ออาณาเขตของประเทศและการรักษาผลประโยชน์ของชาติได้…”
หมายเหตุ : สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา มีมติเห็นชอบขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริง หรือ ชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 153 กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยมติที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภาสรุปใจความได้ว่า ตามที่ในคราวประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา ครั้งที่ 15/2568 เป็นพิเศษ เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 ได้พิจารณาเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดน ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ซึ่งก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ชาวไทยที่อาศัยอยู่ตามแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นควรให้มีการแถลงการณ์ในนามของวุฒิสภาเพื่อเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 165 เกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาทเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาดังกล่าว อย่างไรก็ดี คณะรัฐมนตรีมิได้ตอบรับในการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปดังกล่าวแต่ประการใด
ในการนี้ โดยที่สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในปัจจุบันยังคงมีความไม่แน่นอน และเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งข้อมูลซึ่งปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนตามการให้สัมภาษณ์ ของฝ่ายบริหารยังไม่ชัดเจนถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว จึงอาจก่อให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ต่ออาณาเขตของประเทศและการรักษาผลประโยชน์ของชาติได้
ประกอบกับได้มีการประกาศ พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง พ.ศ. 2568 ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป จึงเห็นควรให้มีการพิจารณาเกี่ยวกับการขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภาในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ได้ร่วมกันเสนอแนวคิดและแนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและคลี่คลายสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้รัฐบาลได้นำไปเป็นข้อพิจารณาประกอบการตัดสินใจต่อไป
ที่ผ่านมาวุฒิสภามีการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา ภายใต้รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ มีนายกรัฐมนตรีที่ต้องยืนแถลงต่อวุฒิสภา 4 คน 4 รัฐบาล 4 จำนวนทั้งสิ้น 6 ครั้ง 8 ญัตติ ท่ามกลางบริบทการชุมนุมทางการเมืองสีเสื้อ-ผลกระทำจากนโยบายประชานิยม ซึ่งเป็น 'สารตั้งต้น' ก่อนประเทศจะเดินเข้าสู่วิกฤต
@ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี @
รัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาตรา 187 ไม่เคยมีการขอเป็นอภิปราย
รัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 161 มีการอภิปราย จำนวน 5 ครั้ง 7 ญัตติ ดังต่อไปนี้
ปี 2551
-
สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 3 วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน 2551 อภิปรายเกี่ยวกับวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจและสังคม จนนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี
-
1.ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีชี้แจงปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย และปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินที่ส่อว่าจะเกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง ตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 นางสาวสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ กับคณะ รวม 61 คน เป็นผู้เสนอ
ปี 2552
-
สมัยสามัญทั่วไป ครั้งที่ 14 วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2552 อภิปรายปัญหาการรักษา ความปลอดภัยในการประชุม ระหว่างประเทศที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ เนื่องจากสถานการณ์ ผู้ชุมนุมบุกรุกสถานที่ประชุมอาเซียนซัมมิท (ASEAN SUMMIT) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
-
2.ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับ การบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย มาตรา 161 นายสมชาย แสวงการ กับคณะ รวม 51 คน เป็นผู้เสนอ

@ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี @
ปี 2553
-
สมัยสามัญทั่วไป ครั้งที่่ 25 เป็นพิเศษ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2553 อภิปรายปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินทั่วไป นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
-
3.ขออภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาตามมาตรา 161 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กับคณะ รวม 79 คน เป็นผู้เสนอ
-
4.ขอเสนอญัตติเพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลง ข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญ เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 161 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 นายคำนูณ สิทธิสมาน กับคณะ รวม 80 คน เป็นผู้เสนอ
ปี 2555
-
สมัยสามัญทั่วไป ครั้งที่ 26 เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2555 และ สมัยสามัญทั่วไป ครั้งที่ 27 เป็นพิเศษ วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน 2555 อภิปรายปัญหาจากนโยบายโครงการรับจำนำข้าว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
-
5.ขอเสนอญัตติเพื่อเปิดอภิปรายทั่วไป ในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลง ข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญ เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 161 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 161 กรณีการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด งบประมาณ 4.05 แสนล้านบาท นายไพบูลย์ นิติตะวัน กับคณะ รวม 81 คน เป็นผู้เสนอ
-
6.ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรี ชี้แจงปัญหาการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ส่อว่าจะเกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง ตามมาตรา 161 รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ กับคณะ รวม 62 คน .

@ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี @
ปี 2556
-
สมัยสามัญทั่วไป ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2556 อภิปรายเกี่ยวกับปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตร การประมงและปศุสัตว์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
-
7.ขอเสนอญัตติเพื่อเปิดอภิปรายทั่วไป ในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลง ข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญ เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 161 พลตำรวจโท ยุทธนา ไทยภักดี กับคณะ รวม 61 คน
กรณีตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 153 จำนวน 1 ครั้ง
ปี 2567
-
สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ครั้งที่ 28 เป็นพิเศษ วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567 อภิปรายปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน 7 ด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
-
1.ขอเสนอญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือ ชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหาร ราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 153

@ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี @
ในรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นับตั้งแต่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 บริหารราชการแผ่นดินไม่ถึง 1 ปี ก็ต้องเผชิญกับมรสุมทางเศรษฐกิจ เมื่อไม่สามารถผลักดันนโยบายเศรษฐกิจ ที่เป็น 'นโยบายเรือธง' ของรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยได้ ทั้งนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่ไม่เข้าเป้า และเมกะโปรเจ็กต์อย่างสถานบันเทิงครบวงจร ที่ไม่สามารถฝ่ากระแสต้านได้ และปัญหาข้อพิพาทชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ที่มีสถานการณ์ตึงเครียด มิหนำซ้ำยังได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบโลกใหม่ ภายหลังนายโดนัล ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ หรือ 'ภาษีทรัมป์'
ซ้ำเติมด้วยปัญหาการเมืองภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่ระหองระแหง-เตะตัดขา ทั้งเรื่องกัญชาเสรี-กาสิโนถูกกฎหมาย การพนันออนไลน์ ตลอดจนมหากาพย์เขากระโดงและที่ดินอัลไพน์ และ 'คดีฮั้วสว.' จนนำไปสู่การถอนตัวของพรรคภูมิใจไทย รัฐบาลกลายเป็น 'รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ' สุ่มเสี่ยงที่จะควบคุมเสียงในสภาไม่ได้ หากมีการลงมติร่างกฎหมายสำคัญ
ทว่า 'จุดตาย' ของรัฐบาลแพทองธาร กลายเป็นเกิดจาก 'มหามิตร' อย่าง 'สมเด็นฮุน เซน' อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เปิดปฏิบัติการ 'ปล่อยคลิปเสียง' การสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร กับ สมเด็นฮุน เซน หั่นสะบั้นมิตรภาพอันยาวนานมากกว่า 30 ปี ให้จบลงภายใน 17 นาที
เมื่อรัฐบาลแพทองธาร ผจญศึกใน-ศึกนอก รอบด้าน กลายเป็นชนวนนำมาสู่การเปิดอภิปรายของวุฒิสภาที่ไม่พลาดที่จะฉกฉวน 'นาทีทอง' ในทันที

@ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี @
ที่มาภาพ : วิกิพีเดีย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา