
ทาง Intelligence Online จึงสืบสวนความเกี่ยวข้องอย่างลับๆ ของบริษัทอุตสาหกรรมการบินมอสโกกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีข้อมูลว่าต้นปี 2568 ที่ผ่านมา บริษัทไทยแห่งหนึ่งชื่อว่าบริษัทเอส (ขอสงวนชื่อเต็ม) ซึงจดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 มี.ค.2566 ได้ย้ายทุนไปยังบริษัทไทยอีกแห่งชื่อว่าบริษัทเอ (ขอสงวนชื่อเต็ม)
เหตุการณ์การคว่ำบาตรประเทศรัสเซีย อันเนื่องมาจากสงครามรัสเซียกับยูเครนนั้นส่งผลทำให้ทางรัสเซียได้มีการหาช่องทางจากประเทศอื่นๆเพื่อนำเข้ายุทธภัณฑ์ที่จำเป็น ซึ่งบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
โดยสำนักข่าว Intelligence Online ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสำนักข่าวที่เน้นการรายงานข่าวจากหน่วยข่าวกรองประเทศต่างๆได้มีการเปิดเผยพฤติการณ์บริษัทเอกชนในไทยดังกล่าวที่เคยส่งออกชิ้นส่วนเครื่องบินให้กับประเทศรัสเซีย และประเทศอื่นๆที่ถูกตะวันตกคว่ำบาตร ซึ่งสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำเอารายงานข่าวดังกล่าวมานำเสนอ มีรายละเอียดดังนี้
เครือข่ายการบินรัสเซียในกรุงเทพฯ ตอนที่ 1
ปรากฎข้อมูลว่ามีบริษัทไทยแห่งหนึ่งซึ่งจดทะเบียนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และบริษัทนี้กำลังประสบปัญหาทางกฎหมาย โดยบริษัทนี้พบว่ามีความเชื่อมโยงใหม่ๆ เกี่ยวข้องถึง ประเทศอื่นๆที่ถูกคว่ำบาตรอย่างต่อเนื่อง
ทาง Intelligence Online จึงสืบสวนความเกี่ยวข้องอย่างลับๆ ของบริษัทอุตสาหกรรมการบินมอสโกกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีข้อมูลว่าต้นปี 2568 ที่ผ่านมา บริษัทไทยแห่งหนึ่งชื่อว่าบริษัทเอส (ขอสงวนชื่อเต็ม) ซึงจดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 มี.ค.2566 ได้ย้ายทุนไปยังบริษัทไทยอีกแห่งชื่อว่าบริษัทเอ (ขอสงวนชื่อเต็ม)
ในช่วงเวลาเดียวกับที่บริษัทเอสได้ตัดสินใจโอนกิจการตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ในเวลาดังกล่าว กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ได้เพิ่มบริษัทไทยหลายแห่งเข้าไปในรายชื่อนิติบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรในการส่งออกชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์หรือเครื่องจักรที่อาจถูกนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ทางทหาร อย่างไรก็ตาม บทความที่ระบุเกี่ยวกับบริษัทที่ถูกคว่ำบาตรในไทยไม่ได้กล่าวถึงการส่งออกชิ้นส่วนเครื่องบินไปยังรัสเซีย
บริษัทเอสแห่งที่ว่านี้ ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างกระบวนการฟ้องร้องกับบริษัท Logix Aero Ireland จากประเทศไอร์แลนด์ ด้วยข้อพิพาทเกี่ยวกับกรณีการแฮกข้อมูลบริษัทซึ่งเชื่อมโยงถึงการทำธุรกรรมมูลค่า 8 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ (25,918,402 บาท) เพื่อจัดซื้อชิ้นส่วนอากาศยาน ซึ่งนี่อาจจะเป็นการกระตุ้นให้บริษัทต้องมีการปรับรูปโฉมตัวเองใหม่
@กรณีผู้ถือหุ้นชาวเซอร์เบีย สายสัมพันธ์กับรัสเซีย
สำหรับบริษัทเอสที่ว่ามานี้นั้นนำเสนอตัวเองว่าเป็นบริษัท ผู้เชี่ยวชาญในการจัดหาอะไหล่คุณภาพสูงที่กู้คืนมาจากเครื่องบินที่จอดอยู่กับที่ ซึ่งอะไหล่นี้ผลิตโดยบริษัทอย่างโบอิ้ง,แอร์บัส กรุ๊, บอมบาร์เดียร์ และอื่นๆ โดยบริษัทเอสมีโรงเก็บเครื่องบินที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่นครชาร์จาห์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และที่กรุงเทพฯ พร้อมจำหน่ายอะไหล่เครื่องบินทุกประเภท
บริษัทแห่งนี้มีบริษัทมีนายมิโลวาน โจลิชิช ชาวเซอร์เบีย ถือหุ้นอยู่ 49% นางพลอยไพลิน (ขอสงวนนามสกุล) 16% และนายวราภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) ถือหุ้น 35% หรือก็คือมีสัดส่วนคนไทยถือหุ้นอยู่ที่ 51% และมีกรรมการบริษัทเป็นคนไทยอีกรายหนึ่ง ส่วนนายลีโอนิด อิติน พบว่าเป็นผู้อำนวยการบริษัทจนถึงเดือน ก.ย. 2566
มีรายงานคาดว่าการลาออกของนายอิตินนั้นอาจเชื่อมโยงกับการส่งชิ้นส่วนเครื่องบินของบริษัทไปยังรัสเซียในช่วงเดือน ก.ค.2566
โดยข้อมูลบันทึกการนำเข้าส่งออกที่ Intelligence Online รวบรวมมาได้พบว่าบริษัทเอสส่งชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องบินมูลค่าเกือบ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (32,410,000 บาท) ไปให้กับบริษัทที่กรุงมอสโก รัสเซียชื่อว่าบริษัท Association of Suppliers LLC หรือที่มีชื่อภาษารัสเซียว่า ‘Объединение Поставщиков' ซึ่งการส่งออกในเดือน ก.ค.2566 ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นไม่กี่เดือนหลังบริษัทเอสจดทะเบียนจัดตั้งขึ้น
ในเดือน เม.ย.2567 สำนักข่าวมอสโกไทม์สของรัสเซียได้ทำข่าวสืบสวนเปิดโปงว่าบริษัท Association of Suppliers LLC ร่ววมกับบริษัทอีกสองแห่งนั้นมีส่วนเป็นแกนกลางของเครือข่ายอาชญากรที่ถูกจัดตั้งขึ้น
โดยการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร ด้วยวิธีการนำเข้าชิ้นส่วนอากาศยานจากประเทศอื่นเป็นตัวกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศกาบองเข้าไปสู่รัสเซีย การกระทำดังกล่าวนั้นส่งผลทำให้สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (Office of Foreign Assets Control) จัดบริษัท Association of Suppliers LLC เข้าไปอยู่ในรายชื่อบริษัทซึ่งถูกคว่ำบาตรตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.2567
@เส้นทางใหม่และลูกค้าใหม่
หลังจากเหตุคว่ำบาตรบริษัทที่รัสเซียในเดือน ส.ค.2567 บริษัทเอสที่ประเทศไทยได้พยายามหาทางออกด้วยการส่งออกไปยังประเทศใหม่ๆ และพยายามที่จะหาลูกค้ารายใหม่
ตัวอย่างเช่น ตามข้อมูลเอกสารของ Intelligence Online ระบุว่าบริษัทเอสแห่งนี้ได้มีการทำธุรกิจกับรัฐวิสาหกิจเมียนมาชื่อว่า สายการบินเมียนมา เนชั่นแนล แอร์ไลน์ (MNA) ซึ่งปัจจุบันสายการบินนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร แม้ว่าองค์กรซึ่งไม่ใช่หน่วยงานภาครัฐหลายแห่งที่ติดตามความขัดแย้งในเมียนมาจะเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ว่ารัฐบาลทหารใช้ MNA ในการขนส่งทหาร
สายการบินเมียนมาแอร์ไลน์
ปรากฎข้อมูลอีกว่าเมื่อปีที่แล้วบริษัทเอสได้ ส่งออกชิ้นส่วนเครื่องบินไปยังปานามา โดยส่งไปยังพันธมิตรสองรายที่นั่น ได้แก่บริษัท AvTrade International Inc และบริษัท Moon Flight Supply Inc. จากนั้นบริษัททั้งสองแห่งในปานามาจะส่งชิ้นส่วนอากาศยานต่อไปยังคาซัคสถาน คีร์กีซสถาน และสุดท้ายจึงมีการส่งออกต่อไปยังบริษัทที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ชื่อว่าบริษัท Sindibad Altayaar Fze
อีกเส้นทางส่งออกหนึ่งที่บริษัทเอสแห่งนี้ใช้ก็คือเส้นทางผ่านเอเชียกลางและนำไปสู่บริษัทที่จดทะเบียนในอัลมาตีชื่อว่าบริษัท Bolshektor (Bolsektor) ซึ่งบริษัทนี้สั่งซื้อชิ้นส่วนเครื่องบินจากทั่วโลก และซัพพลายเออร์ของบริษัทก็มีทั้งบริษัทเอสจากไทย บริษัท Moon Flight Supply Inc, บริษัท Turbo Supply Inc และบริษัท Sindibad Altayaar
ตามเอกสารที่ Intelligence Online รวบรวมมาได้นั้น ยังไม่พบรายชื่อลูกค้าชาวรัสเซียแต่อย่างใด แต่มีการระบุถึงลูกค้าชาวอิหร่านสองราย ได้แก่บริษัท Mahan Air และบริษัทขนส่ง Saman Express
ส่วนบริษัทชื่อว่า Moon Flight Supply Inc และบริษัท Turbo Supply Inc ได้มีการระบุชื่อนาย Rustam Bairamov ชายที่มีต้นกำเนิดจากประเทศรัสเซีย ซึ่งเขามีประวัติถูกจับกุมที่สนามบินเมืองไมอามี่ รัฐฟลอริดา เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ในนามของตัวแทนหรือผู้รับผลประโยชน์ในทะเบียนพาณิชย์
@ความเชื่อมโยงระหว่างฟลอริดาและฮังการี
แม้ว่าบริษัทเอสจะถูกควบรวมเข้ากับบริษัทเอ ในปีนี้ แต่เครือข่ายของบริษัทเอก็ได้ขยายไปยังสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐฟลอริดา
ข้อมูลจากเว็บไซต์บริษัทเอ ระบุว่ามีบริษัทสาขาชื่อบริษัท Power Avionics Inc ในรัฐฟลอริดา
นเดือนเม.ย. 2567 นายโยลิซิช ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเอได้เข้าร่วมงานกับบริษัท Power Avionics ในฐานะกรรมการ ก่อนที่จะถูกแทนที่โดยนายโดมอนคอส อันเดรกา ในอีกสองเดือนต่อมา
สำหรับประวัติของนายนายอันเดรกา พบว่าเคยทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศและการค้าของฮังการี ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา
นายอันเดรกายังทำงานให้กับบริษัท Magnus Aircraft ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสาร และเคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลของนายวิกโตร์ โอร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการีที่ครองอำนาจมานานกว่า 14 ปี

เว็บบริษัท Power Avionics
สื่อฮังการีรายงานว่าที่นายอันเดรกาได้รับตำแหน่งนี้ไม่ใช่เพราะปริญญาจากมหาวิทยาลัยซึ่งไม่ได้รับการยอมรับ แต่เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทกับนายเปเตอร์ ซิจยาร์โต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฮังการี
ขณะที่บริษัทเอส ยังคงไม่ตอบคำขอให้แสดงความเห็นของสำนักข่าว Intelligence Online
ส่วนรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับบริษัทเอสและบริษัทเอ ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยและมีส่วนในการส่งออกชิ้นส่วนอากาศยานไปยังลูกค้าในประเทศรัสเซียและลูกค้าในประเทศอื่นๆที่มีข้อครหาจะเป็นอย่างไรนั้น สำนักข่าวอิศราจะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกในส่วนนี้ในการนำเสนอครั้งถัดไป
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา:สืบเนื่องจากบทความต้นทางสำนักข่าวอิศรา ซึ่งนำมาจากเว็บไซต์ของสำนักข่าว Intelligence Online นั้นมีการระบุชื่อทั้งบุคคลและนิติบุคคลในประเทศไทย ซึ่งสำนักข่าวอิศรายังไม่ได้ไปติดต่อสัมภาษณ์จนทราบข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่ง
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย สำนักข่าวอิศราจึงขอสงวนชื่อบุคคลและนิติบุคคลเหล่านี้เอาไว้ก่อน จนกว่าที่จะมีการติดต่อเพื่อให้ชี้แจงข้อมูลอีกด้านหนึ่ง
เรียบเรียงจาก:https://www.intelligenceonline.com

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา