
"...จำเลย ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามมาตรา 78 สมควรลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งคง จำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวม 27 กระทง เป็นจำคุก 54 ปี 162 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกไม่เกิน 50 ปี ตามมาตรา 91 (3) คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก..."
นายคำนวณ มโนธรรม อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเจดีย์โคะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นอีกหนึ่งเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญาคดีทุจริต และถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2 กรณี เป็นเวลา 50 ปี และ 10 ปี
ล่าสุด ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน ตามคำพิพาษาศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุก 2 กรณี เป็นเวลา 50 ปี และ 10 ปี ตามเดิม โดยไม่มีการลดหย่อนโทษแต่อย่างใด
เกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เคยนำเสนอข่าวไปแล้วว่า ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายคำนวณ มโนธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเจดีย์โคะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เข้ามีส่วนได้เสียในการปรับปรุงห้องสมุด ปรับปรุงซ่อมแซมห้องส้วม และอนุมัติเบิกจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือส่วนตัวโดยไม่มีสิทธิ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 147, 151 , 152 และ 157 ประกอบมาตรา 90 , 91 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 12 ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช.พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2565 ที่ผ่านมา
โดยข้อกล่าวหาในชั้นไต่สวน ระบุ พฤติการณ์ 3 กรณี คือ
1. เข้ารับงานจ้างกับโรงเรียนฯ โดยให้ นายสมนึก สัญญะวิชัย ลูกจ้างชั่วคราว และนายสมคิด ใจดี ลูกจ้างประจำ เป็นผู้รับจ้างบังหน้า
2.ยักยอกเงินงบประมาณจัดจ้างต่อเติมห้องสมุดโรงเรียน จำนวน 150,000 บาท และงบประมาณปรับปรุงส้วมสุขภัณฑ์ จำนวน 250,000 บาท ที่ อบจ.ตาก สนับสนุน ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว
3.เบิกจ่ายเงินของทางราชการเป็นค่าบริการโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของตนทุกเดือน เป็นเงินจำนวน 50,000 บาท
ต่อมา เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำพิพากษาดังนี้
1. นายคำนวณ มโนธรรม จำเลยมีความผิดตาม มาตรา 147 (เดิม) , 151 (เดิม), 152 (เดิม) และตามพ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172 ให้ลงโทษตามมาตรา 147 (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 รวม 25 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 25 กระทง เป็นจำคุก 125 ปี
จำเลย ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามมาตรา 78 สมควรลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งคง จำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวม 27 กระทง เป็นจำคุก 54 ปี 162 เดือน
แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกไม่เกิน 50 ปี ตามมาตรา 91 (3) คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
2. นายคำนวณ มโนธรรม จำเลย มีความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 12 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 91 รวม 27 กระทง แต่ละกระทงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม มาตรา 12 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 รวม 2 กระทง
จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 10 ปี
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 12 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ มีความผิดฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น (ดูเอกสารประกอบ)

ขณะที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบตามที่ อัยการสูงสุด (อสส.) หารือไม่ฎีกาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ เห็นควรไม่ฎีกาคำพิพากษา
คดีถึงที่สุดแล้ว
และนับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญเกี่ยวกับวิบากกรรมทุจริต ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้เดินย้ำซ้ำรอยเอาเป็นเยี่ยงอย่างในอนาคตอีกต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา