ย้อนฉากชีวิต นายกฯ เจนวาย ‘แพทองธาร’ อวสาน ‘นายกฯชินวัตร’ คนสุดท้าย?

"...‘แพทองธาร’ เห็น ‘บิดา’ โลดแล่นบนสนามการเมืองครั้งแรกตั้งแต่อายุ 8 ขวบเมื่อ ‘ทักษิณ’ ถูกแต่งตั้งเป็น รมว.ต่างประเทศ ถัดมาเมื่อวัย 12 ปี เธอร่วมเดินสายกับ ‘พ่อทักษิณ’ เพื่อช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้กับพรรคไทยรักไทยยุคตั้งไข่ โดยในสายตาของเธอ เห็นทักษิณมิใช่แค่ ‘บิดา’ หรือ ‘นักธุรกิจ’ แต่คือ ‘นักการเมือง’ ดังนั้นเธอจึงมีบิดาเป็นเสมือนต้นแบบทางการเมือง..."

‘แพทองธาร ชินวัตร’ หรือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 นับเป็น ‘นายกฯคนที่ 3’ ของวงศ์วานว่านเครือ ‘ชินวัตร’ ที่ปิดฉากลงด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซ้ำรอย ‘อาปู’ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯคนที่ 28 และ ‘สมชาย วงศ์สวัสดิ์’ เขยชินวัตร นายกฯคนที่ 26

เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เพราะ 2 นายกฯภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 คือ ‘เศรษฐา ทวีสิน-แพทองธาร ชินวัตร’ ล้วนเผชิญชะตากรรมถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นเก้าอี้ทั้งสิ้น เฉกเช่น 17 ปีก่อน เมื่อปี 2551 ‘สมัคร สุนทรเวช-สมชาย วงศ์สวัสดิ์’ 2 นายกฯจากเครือข่ายชินวัตร แห่งพรรคพลังประชาชน พ้นจากตำแหน่งด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน

สำหรับ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ คือบุตรสาวคนสุดท้ายจากทั้ง 3 คนของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกฯ 2 สมัยคนที่ 23 กับ ‘คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์’ อดีตภริยา โดยเธอมีพี่อีก 2 คนคือ 1.พานทองแท้ ชินวัตร หรือ ‘โอ๊ค’ บุตรชายคนโต 2.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือ ‘เอม’ บุตรสาวคนกลาง ซึ่งถูกผลักดันให้ดูแลธุรกิจเครือข่าย ‘ชินวัตร’

@  ‘แพทองธาร’ ผู้สานต่อ ‘ดีเอ็นเอชินวัตร’ 

ในหนังสือ THAKSIN SHINAWATRA Theory and Thought ซึ่งสัมภาษณ์ครอบครัวชินวัตร เกิดขึ้นในช่วง ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ ยังสวมหมวกแค่ ‘หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย’ ยังไม่รู้อนาคตว่าจะถูกผลักดันเป็นนายกฯ ‘ทักษิณ’ และ ‘คุณหญิงอ้อ’ เล่าเกร็ดชีวิต เบื้องลึกฉากหลังในการเลี้ยงดูลูก ๆ โดยเฉพาะในส่วนของ ‘แพทองธาร’ นั้น ‘ทักษิณ’ ถึงกับเปรียบ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ว่า เป็นผู้ถือพินัยกรรมทางการเมืองของชินวัตรเลยทีเดียว

‘แพทองธาร’ เห็น ‘บิดา’ โลดแล่นบนสนามการเมืองครั้งแรกตั้งแต่อายุ 8 ขวบเมื่อ ‘ทักษิณ’ ถูกแต่งตั้งเป็น รมว.ต่างประเทศ ถัดมาเมื่อวัย 12 ปี เธอร่วมเดินสายกับ ‘พ่อทักษิณ’ เพื่อช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้กับพรรคไทยรักไทยยุคตั้งไข่ โดยในสายตาของเธอ เห็นทักษิณมิใช่แค่ ‘บิดา’ หรือ ‘นักธุรกิจ’ แต่คือ ‘นักการเมือง’ ดังนั้นเธอจึงมีบิดาเป็นเสมือนต้นแบบทางการเมือง

“เวลาเกิดปัญหาอะไร มันมักจัดการได้ เรารู้สึกว่า พ่อ handel ได้หมด” แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือ

@ มี ‘ทักษิณ’ เป็นโค้ชทางการเมือง ‘คุณหญิงอ้อ’ คอยผลักดัน 

‘ทักษิณ’ เล่าผ่านหนังสือเล่มดังกล่าวตอนหนึ่งว่า อุ๊งอิ๊งจะเป็นคนที่อยู่กับพ่อมาตั้งแต่ยังเด็ก ๆ เวลาไปไหนก็เอาไปด้วย โดยเธอใกล้ชิดกับตนมาก ขณะที่ ‘คุณหญิงอ้อ’ ระบุว่า ลูก (อุ๊งอิ๊ง) มาบอกว่ามีความตั้งใจ เราเห็นลูกโตแล้ว ต้องเคารพการตัดสินใจ ไม่อยากให้ลูกกดดัน ก็คอยสนับสนุนให้กำลังใจเขาห่าง ๆ

“บางทีคนเรานะ การได้พูดออกมา มันเหมือนกับการทบทวนให้ตัวเอง ผมก็พูดกับลูกดีกว่าพูดคนเดียว..แล้วการพูดคนเดียวมันเหมือนคนบ้า เลยพูดกับลูกที่ดีที่สุด อิ๊งเขาเลยจำที่ผมพูดได้หมด” ทักษิณ กล่าว

‘ทักษิณ’ ภูมิใจในตัวลูกสาวคนเล็กมาก “ผมไม่เคยสอน เขาเห็นว่าเราไปทำงานการเมือง เราต้องไปพบประชาชน เราต้องมีความอดทน ต้องมีความเข้าใจเขา เขา observe เอาเอง”

“อิ๊งค์เขาได้ดีเอ็นเอผมกับแม่ เขาเข้มแข็งเหมือนแม่ และมีความเป็นผู้นำ มีความกล้า” ทักษิณ ระบุ

โดยเมื่อปี 2565 ที่ ‘แพทองธาร’ ถูกดันเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยนั้น ‘ทักษิณ’ เชื่อว่าเธอแข็งแรงพอจะเดินไปบนเส้นทางการเมืองแล้ว แต่ต้องสั่งสมประสบการณ์หน่อย เพราะ ‘คนการเมือง’ ไม่เหมือน ‘นักธุรกิจ’

“การเมือง มันเต็มไปด้วยคนที่มีอีโก้ คนละแบบมารวมกัน เหมือนมีมือแซกโซโฟน มือกลอง มือทรัมเป็ต มารวมกันตัวให้เขาเล่นเพลงเดียวกันให้ได้ เพราะต่างคนต่างเข้าไปในฮอลล์ คนนั้นก็เป่า คนนี้ก็ตี จะทำยังไงให้เขาเล่นเพลงเดียวกัน แล้ว conduct ให้มันมี harmony ด้วยกันกลมกลืนกัน อันนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็น art and science ในตัวที่ต้อง handle” ทักษิณ ระบุ

@ ต้นกำเนิด ‘นายกฯเจนวาย’ 

ประวัติส่วนตัวของ ‘แพทองธาร’ ที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ ระบุว่า เกิด 21 ส.ค. พ.ศ. 2529 อายุปัจจุบัน 39 ปี โดยถือเป็น ‘นายกฯหญิง’ คนที่ 2 ของประเทศไทย และเป็น ‘นายกฯคนที่ 3’ จาก ‘บ้านชินวัตร’ สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีรัฐศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ สาขาวิชา Msc International Hotel Management ที่มหาวิทยาลัยเซอร์รีย์

หลังจากนั้นเธอได้ก้าวเข้ามาบริหารธุรกิจของครอบครัวชินวัตร ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรม ที่ดิน เป็นต้น เคยเป็นกรรมการมูลนิธิไทยคม และเคยถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งในธุรกิจยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์อย่าง ‘เอสซีแอสเสท’ ก่อนโอนหุ้นให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด ดูแลและรับประโยชน์เกิน 5% หลังจากดำรงตำแหน่งนายกฯคนที่ 31 โดยเธอคือเป็น ‘นายกฯหญิง’ คนที่ 2 ของประเทศไทยต่อจากผู้เป็นอาคือ ‘ยิ่งลักษณ์’ และเป็น ‘นายกฯชินวัตร’ คนที่ 3 ต่อจาก ‘สมชาย-ยิ่งลักษณ์’

ระหว่างการดำรงตำแหน่ง เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนจำนวนหนึ่ง กรณีเตรียมตัวถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้านเมื่อต้นปี 2568 ที่ผ่านมาตอนหนึ่งว่า “เป็นเวทีที่ดีที่จะได้ให้ประชาชนเข้าใจในข้อมูลที่แท้จริง และเข้าใจความเป็นดิฉันด้วย ซึ่งเป็นนายก Gen Y อยากให้ทุกคนเข้าใจ เพราะบางทีเราอาจจะยังไม่เคยมีนายกฯ Gen Y ก็จะได้เข้าใจซึ่งกันและกัน”

@ ผู้นำคนรุ่นใหม่ค่ายแดง ทานกระแส ‘นักรบห้องแอร์’ 

การก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯของ ‘แพทองธาร’ นั้น เกิดขึ้นท่ามกลางความผันผวนทางการเมืองครั้งสำคัญ จากการก่อกำเนิดของ ‘ก๊กส้ม’ ในยานพาหนะคันที่ 3 อย่าง ‘พรรคประชาชน’ ซึ่งถือเป็นตัวแทน ‘คนรุ่นใหม่’ ในทางการเมือง ทำให้ ‘เพื่อไทย’ รีแบรนดิ้ง ปั้นคนรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมาในหลากหลายโครงการตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา

กระทั่งเธอถูกผลักดันให้ก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯคนที่ 31 แทนที่ ‘เศรษฐา’ ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริต เมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา โดยเธอเข้ามาพร้อมกับ ‘คณะทำงาน’ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพื่อน-พี่-น้อง ในเครือข่าย เช่น ‘เอิง’ คณาพจน์ โจมฤทธิ์ ‘แซน’ ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หลาน ‘ทักษิณ’ บุตรสาว ‘เยาวเรศ ชินวัตร’ พร้อมด้วยอดีตผู้บริหารจากพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เป็นต้น

ในช่วงเวลานั้น ‘นักรบห้องแอร์-กลุ่มแคร์’ กำลังแข็งแกร่ง และผูกขาดอำนาจ เปรียบเสมือน ‘โปลิตบูโร’ ในพรรค โดยเฉพาะชัยชนะที่ผลักดัน ‘คุณหญิง’ บางคนพ้นพรรคไปได้ก่อนหน้านี้ ทว่าการก้าวมาถึงของ ‘คุณหนู’ ลูก ‘นายใหญ่’ พร้อมทีมงาน สามารถทานกระแส ‘นักรบห้องแอร์’ ได้บางครั้งบางคราว และสามารถส่งคนของตัวเองไปเป็นรัฐมนตรีบางเก้าอี้ได้ เช่น ‘สส.น้ำ’ จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นต้น

@ถูกมองเป็น ‘นายกฯสำรอง’ ใต้ปีก ‘สทร.’ นายกฯตัวจริง? 

ในห้วงเวลาบริหารราชการแผ่นดินใน ครม.แพทองธาร ราว 10 เดือน ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก ด้วยหลายปัจจัยรุมเร้า ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ-ความมั่นคง แต่ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักคือ การใช้อำนาจในฐานะนายกฯของเธอ มักคล้อยตามคำพูดของ ‘ทักษิณ’ ผู้เป็นบิดาแทบทุกกระเบียดนิ้ว เสมือน ‘ทักษิณ’ สั่ง ‘อุ๊งอิ๊ง’ ทำก็มิปาน แถมเวลาแถลงการณ์เรื่องสำคัญ มักจ้องอ่านโพยจนสังเกตเห็นได้ชัด ในช่วงเวลาเหล่านั้น ถนนทางการเมืองแทบทุกสายต่างมุ่งสู่ ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการไปพบ-หารือทั้งทางลับ-ทางแจ้งกับ ‘สทร.’ โดยไม่ได้ผ่านอำนาจการตัดสินใจของ ‘แพทองธาร’ แม้แต่น้อย จน ‘สื่อทำเนียบรัฐบาล’ ตั้งฉายาประจำปี 2567 ให้เธอว่า ‘แพทองโพย’ และตั้งฉายารัฐบาลว่า ‘รัฐบาล (พ่อ) เลี้ยง’

@ วิบากกรรมจากคำพูด ปมคลิปฉาว ‘ฮุน เซน’ 

กระทั่งเกิด ‘ฟางเส้นสุดท้าย’ เมื่อเกิดเหตุการณ์ ‘คลิปเสียงฉาว’ บทสนทนาระหว่างเธอกับ ‘ฮุน เซน’ ประธานวุฒิสภากัมพูชา ผู้นำจิตวิญญาณเขมร หลุดออกมาทางสาธารณะ ซึ่งมีการกล่าวถึงความมั่นคงทางชายแดน และการสั่นคลอนของรัฐบาล ความไม่เป็นเนื้อเดียวกันระหว่างฝ่ายการเมืองและกองทัพ นำไปสู่ สว.สีน้ำเงิน ที่กลายเป็นศัตรู ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะความเป็นนายกฯของเธอ

‘แพทองธาร’ ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเธอถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่เกือบ 2 เดือน นับเป็นนายกฯที่ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย กระทั่ง 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียง ชี้ว่าเธอฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงดังกล่าว ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯทันที

@ ฝืนเล่ห์กลทางการเมืองไม่พ้น ปิดฉากนายกฯ 10 เดือน 15 วัน

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยนั้น ว่ากันว่าช่วงเย็นวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ และ ‘บ้านใหญ่บุรีรัมย์’ ต่างฝ่ายต่างเช็ค ‘สัญญาณพิเศษ’ เพื่อหา ‘ตั๋ว’ จัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดย ‘แพทองธาร’ ตอนแรกเตรียมจะประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่ต้องวินิจฉัย และตีตกคำร้องไป แต่ สทร.ดันไปคุยวงลับอีกวงหนึ่ง และวางเกมเดินหมากใหม่ จนนาทีสุดท้าย ‘แพทองธาร’ ก็ไม่ลาออก แต่ทว่าหวยดันไปออกที่ ‘ก๊กน้ำเงิน’ กระทั่ง ‘แพทองธาร’ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นเก้าอี้ในที่สุด ปิดฉากนายกฯหญิง 10 เดือน 15 วัน

ทั้งหมดคือฉากชีวิตของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ จากบุตรสาวคนเล็ก ผู้เห็น ‘บิดา’ เป็นไอดอลทางการเมือง มี ‘คุณหญิงอ้อ’ หญิงแกร่งเป็นมารดาคอยสนับสนุนมาตลอด กระทั่งต้องปิดฉากเส้นทางการเมืองด้วยวัย 39 ปี และนั่งบนเก้าอี้นายกฯได้เพียง 10 เดือนเศษเท่านั้น

ท่ามกลางมรสุมวิบากกรรม ‘ชินวัตร’ ที่กำลังถาโถม โดยยังเหลืออีก 1 คดีรอคิวอยู่คือ 9 ก.ย.นี้ ศาลฎีกา นัดฟังคำสั่งกรณีบังคับโทษจำคุก ‘ทักษิณ’ จากการถูกส่งตัวไปพักรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งผลของคดีจะเป็นอีกตัวชี้วัดทิศทางการเมืองไทยหลังจากนี้

ส่วนอนาคตเธอจะมีโอกาสได้ ‘คัมแบ็ก’ กลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่ กูรูการเมืองหลายคน ฟันธงว่า น่าจะเป็นเรื่องยาก

ขณะที่ผลจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสินว่า  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงกรณีคลิปเสียงสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาประเทศกัมพูชาให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงปัจจุบัน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส. แพทองธาร ชินวัตร อยู่สองคดีในกรณีคลิปเสียงสมเด็จฮุน เซน คือ 

1. กรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เข้าชื่อร้องเรียนว่าการกระทำของ น.ส.แพทองธาร ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งการไต่สวนคดีนี้ทาง ป.ป.ช. ต้องขอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาประกอบซึ่งวินิจฉัยอย่างชัดเจนว่าการกระทำของ น.ส. แพทองธาร ฝ่าฝืน มาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงอย่างไร

2. คดีที่กลุ่มอดีต สว.นายสมชายแสวงการ ยื่นเรื่องต่อกองบัญชาการสอบสวนกลางให้สอบสวน น.ส. แพทองธาร ปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และข้อหาความมั่นคงซึ่งทางกองบัญชาการสอบสวนกลางได้ส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ช. ไต่สวนแล้ว

ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันองค์กรอยู่แล้ว ดังนั้น โอกาสที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะวินิจฉัยเป็นผลตรงกันข้ามกับศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ยากเว้นแต่จะมีคำอธิบายหรือเหตุผลที่ชัดเจน ถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า น.ส. แพทองธาร มีการกระทำฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงจะต้องส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิพากษาซึ่งที่ผ่านมาถ้าศาลฎีกาเห็นว่ามีความผิดจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต

บทสรุปสุดท้าย ผลคดีความต่างๆ หลังจากนี้ของ  น.ส.แพทองธาร จะออกมาเป็นอย่างไร

ติดตามดูกันต่อไปแบบห้ามกะพริบตา โดยเด็ดขาด 

• 'แพทองธาร' ไม่รอด! ศาล รธน. มติ 6:3 ชี้ผิดจริยธรรมสิ้นสุดความเป็นนายกฯ-ครม.พ้นทั้งคณะ
• ป.ป.ช.เตรียมฟันดาบสอง ‘แพทองธาร’ คดีคลิปเสียง‘ฮุน เซน’ ทั้งจริยธรรมร้ายแรง-ม.157
• ดาบสาม!! 'ยุบเพื่อไทย' จากคำวินิจฉัยศาลรธน. สนับสนุน 'ฮุนเซน' คุกคามความสงบ
• จาก‘ยิ่งลักษณ์’สู่‘อุ๊งอิ๊ง’ย้อนเส้นทางการเมือง ก่อนปูทางนายกฯหญิง‘ชินวัตร’คนที่ 2