
ภายหลังจากการโจมตีรัฐสมาชิก รัฐสมาชิกอื่นๆ จะมาประชุมร่วมกันเพื่อตัดสินใจว่าจะยอมรับหรือไม่ที่จะถือว่าเป็นสถานการณ์ตามมาตรา 5 ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาในการปรึกษาหารือ และผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าภาษาที่ใช้มีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะให้สมาชิกแต่ละคนตัดสินใจได้ว่าจะตอบสนองต่อการรุกรานด้วยอาวุธต่ออีกฝ่ายได้ไกลแค่ไหน
สืบเนื่องจากสถานการณ์การสู้รบของรัสเซียและยูเครนในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ ที่ทำให้เกิดความกังวลว่าการสู้รบอาจจะขยายวงกว้างขึ้นไปอีก เพราะเหตุการณ์ที่รัสเซียได้ส่งอากาศยานไร้คนขับหรือว่าโดรนรุกล้ำเข้าไปในประเทศโปแลนด์ จึงทำให้มีการพูดถึงมาตรา 4 –-ของนาโต้กันมากขึ้น
โดยสำนักข่าว The Globe and Mail ได้มีการลงข่าวสรุปสถานการณ์เอาไว้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงได้นำเอารายละเอียดดังกล่าวมานำเสนอ มีข้อมูลดังนี้
โปแลนด์กำลังอ้างมาตรา 4 ของสนธิสัญญานาโต้ หลังจากโดรนของรัสเซียหลายลำเข้าสู่เขตน่านฟ้าของตนและถูกยิงตกเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา
เครื่องบินขับไล่ F-16 ของโปแลนด์ เครื่องบินขับไล่ F-35 ของเนเธอร์แลนด์ เครื่องบินตรวจการณ์ AWACS ของอิตาลี และเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศของนาโต้ ต่างเร่งรุดเข้ายิงโดรนเหล่านี้ โฆษกของนาโต้กล่าวว่านี่เป็นครั้งแรกที่พันธมิตรต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในน่านฟ้า
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาจนถึงตอนนี้ คำถามคืออะไรคือการเรียกร้องถึงมาตรา 4 และความเป็นไปได้ที่จะมีการรเรียกร้องมาตรา 5 ของนาโต้และอื่นๆนั้นจะมีมากน้อยแค่ไหน
@เกิดอะไรขึ้นที่โปแลนด์
โปแลนด์ระบุว่ามีโดรนรัสเซียจำนวนมากละเมิดน่านฟ้าระหว่างการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในยูเครน ทางการโปแลนด์ระบุว่ามีการบันทึกการละเมิด 19 ครั้งในช่วงเวลา 7 ชั่วโมง และพบจุดที่โดรนตก 9 จุด โดยบางจุดอยู่ห่างจากชายแดนหลายร้อยกิโลเมตร
ผู้นำชาติยุโรปกล่าวว่าการรุกรานครั้งนี้เป็นการยั่วยุโดยเจตนาของรัสเซีย การรุกรานและการตอบสนองของนาโต้ก่อให้เกิดความกังวลว่าสงครามในยูเครนอาจลุกลามไปประเทศอื่น
นายมาร์ก รุตเต้ เลขาธิการนาโต้ กล่าวว่ายังไม่มีการประเมินเหตุการณ์นี้อย่างครบถ้วน แต่กล่าวเสริมว่า “ไม่ว่าจะเป็นโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เหตุการณ์นี้ถือเป็นการประมาทเลินเล่อ และเป็นอันตรายอย่างยิ่ง”
กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่าโดรนของตนได้โจมตีฐานทัพทหารในยูเครนตะวันตก แต่ไม่มีแผนโจมตีเป้าหมายใดๆ ในโปแลนด์
ท่าทีต่างชาติหลังเหตุการณ์โดรนรัสเซียรุกน่านฟ้าโปแลนด์ (อ้างอิงวิดีโอจาก DW)
@อะไรคือนาโต้
คำว่านาโต้ย่อมาจาก คำว่าองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO Treaty Organization) ซึ่งเป็นพันธมิตร 32 ประเทศจากยุโรปและอเมริกาเหนือ รวมถึงแคนาดา ก่อตั้งขึ้นบนหลักการการป้องกันร่วมกัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากพันธมิตรของนาโต้รายใดรายหนึ่งถูกโจมตี พันธมิตรของนาโตทั้งหมดก็จะถูกโจมตีเช่นกัน พันธมิตรนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1949 โดยมีกองทัพสหรัฐอเมริกาเป็นแกนหลัก โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อต่อต้านสหภาพโซเวียตและกลุ่มประเทศตะวันออกในช่วงสงครามเย็น
@มาตรา 4 ของสนธิสัญญานาโต้ คืออะไร?
มาตรา 4 ของสนธิสัญญานาโต้ จากที่มีทั้งหมด 14 มาตรา เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกปรึกษาหารือทุกครั้งที่มีภัยคุกคามต่อ “บูรณภาพแห่งดินแดน เอกราชทางการเมือง หรือความมั่นคง” ของสมาชิก
ภายใต้มาตรา 4 สมาชิกสามารถนำประเด็นปัญหาใดๆ ที่น่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศสมาชิก เข้ามาหารือกับคณะมนตรีแอตแลนติกเหนือ (หรือองค์กรตัดสินใจทางการเมืองหลักของนาโต้) พันธมิตรนาโต้ยังระบุด้วยว่า การตัดสินใจทั้งหมดจะกระทำโดยฉันทามติ หลังจากการหารือและปรึกษาหารือระหว่างประเทศสมาชิก
มาตรา 4 ถูกอ้างถึงเพียงเจ็ดครั้งเท่านั้นในประวัติศาสตร์ 76 ปีของพันธมิตร โดยครั้งล่าสุดคือในปี 2565 เมื่อบัลแกเรีย สาธารณรัฐเช็ก เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย โปแลนด์ โรมาเนีย และสโลวาเกีย เรียกร้องให้มีการปรึกษาหารือหลังจากที่รัสเซียเริ่มการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ
@มาตรา 5 ของสนธิสัญญานาโต้ คืออะไร?
หากรัสเซียตัดสินใจว่าจะโจมตีดินแดนของรัฐสมาชิก จุดนี้จะเปลี่ยนไปจนนำไปสู่การใช้มาตรา 5 ซึ่งเป็นรากฐานของสนธิสัญญาการก่อตั้งนาโต้
กฎบัตรระบุว่า “ภาคีต่างๆ ตกลงกันว่าการโจมตีด้วยอาวุธต่อสมาชิกภาคีหนึ่งหรือหลายภาคีในยุโรปหรืออเมริกาเหนือจะถือเป็นการโจมตีต่อภาคีทั้งหมด”
“พวกเขา (สมาชิกประเทศภาคี) ตกลงกันว่า หากเกิดการโจมตีด้วยอาวุธดังกล่าวขึ้น พวกเขาแต่ละคนจะใช้สิทธิในการป้องกันตนเองส่วนบุคคลหรือร่วมกันตามที่ได้รับการรับรองในมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ช่วยเหลือประเทศภาคีที่ถูกโจมตีดังกล่าวโดยดำเนินการทันที ทั้งในระดับบุคคลและร่วมกับภาคีอื่นๆ ตามที่เห็นว่าจำเป็น รวมถึงการใช้กำลังอาวุธ เพื่อฟื้นฟูและรักษาความปลอดภัยของพื้นที่แอตแลนติกเหนือ” มาตรา 5 ระบุไว้
@สงครามยูเครน-รัสเซียจะนำไปสู่การใช้มาตรา 5 ได้อย่างไร?
เนื่องจากยูเครนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของนาโต้ การรุกรานเต็มรูปแบบของรัสเซียในเดือน ก.พ.2565 จึงไม่นำไปสู่การใช้มาตรา 5 แม้ว่าสหรัฐอเมริกาและประเทศสมาชิกอื่นๆ จะรีบให้ความช่วยเหลือทางทหารและการทูตแก่กรุงเคียฟก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนมานานแล้วถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดการลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านในแนวรบด้านตะวันออกของนาโต้ ซึ่งอาจบังคับให้พันธมิตรต้องตอบสนองทางทหาร การกระทำดังกล่าว (กรณีโดรนรุกล้ำเข้าไปในโปแลนด์) ของรัสเซีย ไม่ว่าจะตั้งใจหรือบังเอิญ ก็ได้เพิ่มความเสี่ยงในการขยายสงครามโดยดึงประเทศอื่นเข้าสู่ความขัดแย้งโดยตรง
@การใช้มาตรา 5 เกิดขึ้นได้โดยอัตโนมัติหรือไม่
ไม่ ภายหลังจากการโจมตีรัฐสมาชิก รัฐสมาชิกอื่นๆ จะมาประชุมร่วมกันเพื่อตัดสินใจว่าจะยอมรับหรือไม่ที่จะถือว่าเป็นสถานการณ์ตามมาตรา 5 ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาในการปรึกษาหารือ และผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าภาษาที่ใช้มีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะให้สมาชิกแต่ละคนตัดสินใจได้ว่าจะตอบสนองต่อการรุกรานด้วยอาวุธต่ออีกฝ่ายได้ไกลแค่ไหน
มาตรา 5 ได้รับการใช้งานมาแล้วครั้งหนึ่งในนามของสหรัฐอเมริกา เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์เครื่องบินที่ถูกจี้ในนิวยอร์กและวอชิงตันเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544 หรือเหตุการ 9/11
@การรุกล้ำครั้งนี้ส่งผลอย่างไรต่อยุโรปที่เหลือ?
การรุกของโดรนเข้าไปในโปแลนด์เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ทำให้เกิดความวิตกกังวลในเมืองหลวงต่างๆ ทั่วทวีปยุโรป ซึ่งมีความหวั่นเกรงมาอย่างยาวนานว่ารัสเซียจะรุกรานยูเครนมากขึ้น
“สงครามรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของยุโรปทั้งหมด” นายกรัฐมนตรีอุลฟ์ คริสเตอร์สันของสวีเดนกล่าวและกล่าวอีกว่า “โปแลนด์มีสิทธิ์ทุกประการในการปกป้องน่านฟ้าของตน เราขอสนับสนุนโปแลนด์อย่างเต็มที่ในฐานะพันธมิตรนาโตและสมาชิกสหภาพยุโรป สวีเดนและโปแลนด์ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียวในการสนับสนุนยูเครนของเรา”
ซากโดรนรัสเซียในโปแลนด์ (อ้างอิงวิดีโอจาก Sky News)
ด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายเคียร์ สตาร์เมอร์ เรียกการบุกรุกน่านฟ้าโปแลนด์ด้วยโดรนครั้งนี้ว่าเป็น "การละเมิดน่านฟ้าของโปแลนด์และนาโต้ที่ร้ายแรงและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน"
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนกล่าวว่า โดรนของรัสเซียอย่างน้อย 8 ลำได้โจมตีโปแลนด์ระหว่างการโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ซึ่งกรณีนี้เกี่ยวข้องกับโดรนประมาณ 415 ลำ ขีปนาวุธร่อนและขีปนาวุธข้ามทวีปมากกว่า 40 ลูก
นายเซเลนสกีกล่าวเสริมว่าจนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 1 รายในยูเครน และมีรายงานว่าได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย โดยการโจมตีครั้งนี้ถือเป็น “บรรทัดฐานที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับยุโรป”
เรียบเรียงจาก:https://www.theglobeandmail.com/world/article-what-is-article-4-nato-poland-russia-drones

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา