
"...จะเห็นว่ารัฐมนตรีหน้าใหม่ทั้ง 17 คน บางคนก็ไม่เคยทำงานในด้านการเมืองมาก่อน บางคนเคยเป็นนักธุรกิจ บางคนเป็นอดีตข้าราชการ บางคนเป็นลูกหลานหรือมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับนักการเมือง บางคนก็เคยเป็นสส.มาก่อน..."
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นทางการ
โดยครม.ทั้ง 36 คน ประกอบด้วย
- นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
- นายโสภณ ซารัมย์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี
- นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี
- นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- นายภราดร ปริศนานันทกุล เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- นางสาวศุภมาส อิศรภักดี เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- นายนภินธร ศรีสรรพางค์ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- นายสันติ ปิยะทัต เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
- พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
- นายวรภัค ธันยาวงษ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
- นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
- นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวการท่องเที่ยวและกีฬา
- นายอัครา พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
- นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
- นายไชยชนก ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
- นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
- นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
- นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอีกตำแหน่งหนึ่ง
- นายทรงศักดิ์ ทองศรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
- นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
- นางสาวศศิธร กิตติธรกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
- พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
- นางสาวตรีนุช เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
- นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
- นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
- นายองอาจ วงษ์ประยูร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
- นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
- นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
- นายธนกร วังบุญคงชนะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
- จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
จะเห็นว่าในบรรดาครม.ทั้ง 36 คน ก็มีทั้งคนที่เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลก่อนหน้านี้มาก่อนและคนที่ไม่เคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นข้อมูลของคนที่ไม่เคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อน มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบโดยทั่วกัน มีรายละเอียด ดังนี้
-
นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

นางสาวศศิธร กิตติธรกุล มีชื่อเล่นว่า ก้อย เป็นบุตรสาวของ นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ หรือ ‘โกหงวน’ และเป็นญาติของ นายกิตติ กิตติธรกุล สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัย Louisiana State University ใน สาขา B.S. International Trade and Finance ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นต่อปริญญาโท ที่ University of La Verne ในสาขา MBA. In Supply Chain Management ที่สหรัฐอเมริกา
ด้านการทำงานนางสาวศศิธรเคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานเขตพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามันสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นอดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยมีตำแหน่งเป็นกรรมการวิทยาเขตผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตกระบี่ และอีกหลายกรรมการในจังหวัดกระบี่ อีกทั้งยังเคยเป็นเลขานุการนายกสมาคมแม่บ้านองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ รวมถึงยังเป็นคณะทำงานอีกหลายคณะ เช่น คณะทำงานติดตามประเมินการประกอบกิจการและวิถีชีวิตของประชาชนระดับจังหวัด เพื่อศึกษามาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรค คณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดกระบี่ (ศปก.ก.กบ.) และคณะทำงานการควบคุมกำกับการดำเนินงาน Big Cleaning Week จังหวัดกระบี่
-
นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช ชื่อเล่น เปิ้ล เกิดวันที่ 22 พฤษภาคม 2507 ที่ตำบลตะลุง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เป็นบุตรสาวของนายกมล จิระพันธุ์วาณิช อดีต สส. ลพบุรี 8 สมัย และ นางพยงค์ จิระพันธุ์วาณิช และเป็นน้องสาวของนายสุบรรณ จิระพันธุ์วาณิช อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาการมัธยมศึกษา จาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น กับ นิติศาสตรบัณฑิต จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง และ ระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง
นางสาวมัลลิกา เข้าสู่วงการการเมืองด้วยการเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองลพบุรี ในช่วงปี พ.ศ. 2534 ถึง พ.ศ. 2538 และ และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี เขตอำเภอท่าวุ้ง ในช่วง พ.ศ. 2547 ถึง พ.ศ. 2552 ก่อนที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในการเลือกตั้งซ่อมของจังหวัดลพบุรี แทนบิดาที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ใน พ.ศ. 2552 สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา และได้รับเลือกตั้งเรื่อยมา
นางสาวมัลลิกา ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 4 สมัย คือ
- การเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. 2552 สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 จังหวัดลพบุรี สังกัดพรรคภูมิใจไทย
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 จังหวัดลพบุรี สังกัดพรรคภูมิใจไทย
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จังหวัดลพบุรี สังกัดพรรคภูมิใจไทย
-
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เกิดวันที่ 19 ตุลาคม 2497 ที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลาจังหวัดสงขลา เป็นบุตรคนที่ 7 ของนายวิภัทร และนางอารีย์ อุวรรณโณ เป็นญาติกับ ศาสตราจารย์กิตติคุณ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและอดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย สมรสกับ นางสาวปาริชาติ ชุมสาย ณ อยุธยา (สุขสงเคราะห์) มีบุตร-ธิดา 2 คน ปัจจุบันหย่ากันแล้ว
นายบวรศักดิ์ จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนแสงทองวิทยา ชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ต่อมาได้เข้าศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2518 ได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง) จากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2519 สำเร็จเป็นเนติบัณฑิตไทย (สอบได้อันดับที่ 3 ของรุ่นที่ 29) สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ปี พ.ศ. 2522 สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกทางกฎหมายมหาชน มหาวิทยาลัยปารีส-นองแตร์ (Université Paris Nanterre) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชาญเมืองกรุงปารีส และพ.ศ. 2541 จบหลักสูตรจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 4111
นายบวรศักดิ์ เริ่มรับราชการในปี พ.ศ. 2519 ในตำแหน่งอาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2531 เป็นคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2532 เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
ต่อจากนั้นในปี พ.ศ. 2534 ได้กลับเข้ารับราชการ ภาควิชากฎหมายปกครองและกฎหมายทั่วไป คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2538 เป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปี พ.ศ. 2542 – พ.ศ. 2546 เป็นเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ปี พ.ศ. 2546 – พ.ศ. 2549 เป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
นอกจากนั้นนายบวรศักดิ์ ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราภิชานแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วยและยังดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ และ กรรมการอิสระ บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) ประธานกรรมการ และ กรรมการอิสระ บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) ประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) กรรมการอิสระ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน)
ภายหลังการ รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 ได้รับแต่งตั้งเป็น ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2558 ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 8/2560 รองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายกองทุนสนับสนุนการวิจัย กรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ
ปัจจุบันยังคงดำเนินมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม สร้างสรรค์เด็กและเยาวชน ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำ ผ่านเครือข่าย SEED Thailand เครือข่ายเยาวชนรักษ์บ้านเกิด
-
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2500 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และต่อปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ สหรัฐอเมริกา
นายสีหศักดิ์เริ่มรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ และดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง อาทิ เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา
นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ระหว่างปี พ.ศ. 2553–2554
นายสีหศักดิ์เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างปี พ.ศ. 2556–2557 และเคยทำหน้าที่เป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในปี พ.ศ. 2557 ช่วงวิกฤตการเมือง ต่อจาก นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ที่พ้นจากตำแหน่ง ก่อนที่ตำแหน่งจะส่งต่อให้ นายธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหลังการรัฐประหาร
วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2566 นายสีหศักดิ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และดำรงตำแหน่งจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
-
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2514 เป็นบุตรชายของนายอิสสระ นิติทัณฑ์ประภาศ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ และอดีตรองผู้อํานวยการสำนักงบประมาณ และนางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และอดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีพี่น้องคือ รองศาสตราจารย์ อิสริยา นิติทัณฑ์ประภาศ บุญญะศิริ อาจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายเอกนิติสมรสกับนางร้อยแก้ว นิติทัณฑ์ประภาศ (สกุลเดิม อักษรานุเคราะห์)
นายเอกนิติสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากวชิราวุธวิทยาลัย และมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน (รุ่นที่ 31) ต่อมาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี (เกียรตินิยม) หลักสูตรเศรษฐศาสตร์บัณฑิต ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยทุนการศึกษาจากสมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนที่ 22
นายเอกนิติ เริ่มสมัครงานที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ภัทรธนกิจ ต่อมาลาออกมาสมัครสอบเข้ารับราชการที่กรมสรรพากรของกระทรวงการคลัง เมื่อปี พ.ศ. 2536 ในสมัยที่นายสมชัย ฤชุพันธุ์เป็นอธิบดี โดยเอกนิติเริ่มทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่สรรพากรเขตปทุมวัน แต่เนื่องจากสมชัยทราบว่านายเอกนิติชื่นชอบงานวิชาการ จึงโอนย้ายมาอยู่ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จากนั้นนายเอกนิติได้ยื่นขอสอบชิงทุนการศึกษาจากรัฐบาลไทยผ่านสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนตามความต้องการของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสอบผ่าน จึงใช้ทุนนี้เดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทหลักสูตรเศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยอิลลินอย เออร์แบนา-แชมเปญจน์ และระดับปริญญาเอก หลักสูตรเศรษฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยบัณฑิตแคลร์มอนต์
ทั้งนี้หลังเดินทางกลับประเทศไทยภายหลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก นายเอกนิติได้กลับเข้าทำงานที่กระทรวงการคลัง ในตำแหน่งโฆษกกระทรวงและยังดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่งในสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เช่น ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ, ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค จนถึงรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จนกระทั่งขยับขึ้นมาดำรงตำแหน่งระดับอธิบดี ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เมื่อปี พ.ศ. 2558
จากนั้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 นายเอกนิติได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ก่อนจะสลับไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต โดยสลับกับลวรณ แสงสนิท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ต่อมาในสมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร เอกนิติถูกโยกย้ายอีกครั้ง ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อมกับเป็นประธานกรรมการบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัดตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567
นอกจากนี้นายเอกนิติเคยเป็นประธานกรรมการและกรรมการทั้งชุดใหญ่และชุดย่อย ในรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชนหลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทมหาชนจำกัดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช่น ประธานกรรมการในบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น รวมถึงเคยเป็นประธานกรรมการบริหารของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงในธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) รวมถึงเคยเป็นกรรมการบริษัทของธนาคารไทยพาณิชย์ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)
โดยตำแหน่งสุดท้ายในบริษัทเอกชนของนายเอกนิติ ได้แก่ ประธานกรรมการในธนาคารทหารไทยธนชาต และประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนในบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ลาออกจากทั้งสองตำแหน่งโดยมีผลตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2568
-
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เกิดวันที่ 19 กรกฎาคม 2508 สำเร็จการศึกษามัธยม โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และระดับอุดมศึกษา ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, Diploma of Petroleum Management, College of Petroleum Studies, มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด สหราชอาณาจักร (ได้รับทุนการศึกษาจาก British Council) และระดับปริญญาโท เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
นายอรรถพลเคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ระดับผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เช่น ด้านการสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อสังคม การตลาดพาณิชย์และต่างประเทศ และการตลาดขายปลีก ต่อมาขึ้นมาดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และการบริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย (รักษาการ) รวมถึงยังดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลายในที่สุด จึงได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยเริ่มดำรงตำแหน่งนี้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 จนกระทั่งครบวาระ 4 ปี เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
-
นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

นายวรภัค ธันยาวงษ์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี BS in Management Science & Computer System,Oklahoma State University, Stilwater, USA ระดับปริญญาโท จาก MBA in Finance University of Missouri, Kansas City, USAนายวรภัค ยังเคยบริการบริหารงานด้านการเงินและการธนาคารในหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านลิสซิ่ง บริษัท ไอ ปีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กรรมการผู้จัดการใหญ่ Bank of American (สาขาประเทศไทย) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารดอยซ์แบงค์ สาขาประเทศไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธนาคารเจพี มอร์แกน เชส และบริษัทหลักทรัพย์เจพีมอร์แกน(ประเทศไทย) จำกัด รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ฟินันซ่า จำกัดนอกจากนี้นายวรภัค เคยดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในช่วงที่นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
-
พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ เข้ามารับราชการในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 ตั้งแต่ปี 2540 ในตำแหน่งสารวัตรสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ก่อนขึ้นเป็นรอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ และถูกแต่งตั้งขึ้นเป็น ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ กระทั่งรับราชการในตำแหน่งสุดท้ายคือ รอง ผบช.ภ.3
นอกจากนี้พล.ต.ท.รุทธพล มักได้รับความไว้วางใจให้ดูแลงานสำคัญๆ เช่น การรักษาความปลอดภัยและการจราจร การจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ MotoGP สนามที่ 1 “PT Grand Prix of Thailand 2025” ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกจราจร ในพิธีเปิด การแข่งขันวิ่ง “บุรีรัมย์ มาราธอน“ ประจำปี 2568 (BURIRAM MARATHON 2025) ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่มี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา เป็นประธานการเปิดงาน
-
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ เกิดวันที่ 13 พฤศจิกายน 2507 ชื่อเล่น แต๋ม สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟ บางนา ระดับปริญญาตรีสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาบัณฑิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการเงินและการบัญชีต่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยนอร์ทรอป สหรัฐอเมริกา ชีวิตส่วนตัว ศุภจีมีบุตร 2 คน และเป็นพี่สาวของธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการไมโครซอฟท์ประเทศไทย
นาวศุภจีเคยทำงานที่ ไอบีเอ็ม มานานกว่า 20 ปี และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทในประเทศไทย ต่อมาเธอเป็นผู้จัดการทั่วไปของแผนกบริการเทคโนโลยีระดับโลกของไอบีเอ็มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และย้ายไปดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไทยคม ในปี พ.ศ. 2554
ในปี พ.ศ. 2559 ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ต่อจากท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย และชนินทธ์ โทณวณิก นอกจากนี้นางศุภจียังเป็นกรรมการอิสระของธนาคารกสิกรไทย และเอสซีจี แพคเกจจิ้ง และลาออกจากตำแหน่งทั้งสามนี้ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2568
-
พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม

พล.ท.อดุลย์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 26 และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 37 และเคยได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นจาก โรงเรียนเตรียมทหาร (เกียรติยศจักรดาว) อีกทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 61 กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก่อนหน้านี้ พล.ท.อดุลย์ เพิ่งส่งมอบตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ให้กับ พล.ท. บุญสิน พาดกลาง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งบทบาทสำคัญที่ผ่านมาคือการแก้ไขปัญหาความมั่นคงชายแดนและพัฒนาสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน
-
นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ อายุ 39 ปี สส. นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เอกการตลาด มหาวิทยาลัยทักษิณ จุดเริ่มต้นทางการเมืองเริ่มจากการเป็นสมาชิกสภาองค์การบริการส่วนจังหวัดนราธิวาส 2 ปี หลังจากนั้นลาออกมาลงสมัครเลือกตั้ง สส.นราธิวาส เขต 2 (ตากใบ-สุไหงโก-ลก) โดยเป็นพื้นที่เดิมของ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ซึ่งเป็นพี่ชาย ที่ย้ายไปลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.นราธิวาส เขต 3 (แว้ง-สุไหงปาดี-เจาะไอร้อง) เพื่อเปิดโอกาสให้น้องชายเข้ามาทำงานการเมืองระดับชาติ
-
นายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

นายองอาจ เกิดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2505 เป็นบุตรของนายบัญญัติ วงษ์ประยูร อดีต สส.สระบุรี และนางทองอยู่ วงษ์ประยูร มีพี่น้อง 4 คน เป็นพี่ชายนายอรรถพล วงษ์ประยูร ด้านครอบครัวสมรสกับนางปิยะดา ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี ปี พ.ศ. 2564 มีบุตร 2 คน บุตรชายชื่อ นายเอกชัย วงษ์ประยูร จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สำเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต สาขากฎหมาย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, Bachelor of Science International Business สาขาบริหารธุรกิจ Fort Lauderdale College และศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
อดีตเป็นเทศมนตรีเทศบาลตำบลพระพุทธบาท ต่อมาปี พ.ศ. 2549 ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสระบุรี หลังจากนั้น พ.ศ. 2550 ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง โดยได้คะแนนมาเป็นอันดับที่ 3 (มี สส. ได้ 2 คน) ต่อมา พ.ศ. 2552 พรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรค วีระพล อดิเรกสาร ซึ่งเป็น สส.สระบุรี และเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนถูกติดสิทธิ์ทางการเมือง องอาจจึงลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง และได้รับการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก
ต่อมา พ.ศ. 2554 ย้ายไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยโดยการชักชวนของพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติและลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระบุรี
จากนั้นในวันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 องอาจได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น สส. และได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง จากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 ส่งผลให้องอาจได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระบุรีต่ออีกสมัย
-
นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ เกิดวันที่ 8 ธันวาคม 2527 เป็นบุตรชายคนเล็กของนายสันติ พร้อมพัฒน์ และ นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ มีพี่ชื่อ นายพานิช พร้อมพัฒน์ นายพัฒนา จบการศึกษาระดับปริญาญาโทปี 2552 ด้าน Master of Science in Real Estate Investment มหาวิทยาลัย The City University London และจบปริญญาตรี เมื่อปี 2550 ด้านบริหารธุรกิจบัณฑิต ภาคการเงิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ในขณะที่ นายอนุทิน ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เคยมีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1753/2568 แต่งตั้งให้ นายพัฒนา เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางด้วย
นอกจากนี้นายพัฒนายังเป็นผู้บริหารบริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ซื้ออาคาร I.C.E. Tower เมื่อปี 2560 ซึ่งปัจจุบันคือ SKYY9 Centre ต่อมาในปี 2562 ได้ขายต่อมูลค่า 2,000 ล้านบาท และโอนกรรมสิทธิ์เสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคม 2562 เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2568 นายพัฒนาแถลงข่าวยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทุนประกันสังคมที่เข้าซื้ออาคารในราคากว่า 7,000 ล้านบาท
-
นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เกิดวันที่ 15 มกราคม 2509 เกิดที่ตำบลดงขุย อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ บิดาชื่อ นายเช็ง สุคนธ์ขจร และมารดา ชื่อ นางกิมเจียง สุคนธ์ขจร
นายวรโชติสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีเมื่อปี 2545 ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาการพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ และปริญญาโท ปี 2554 รัฐประสาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
นายวรโชติเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ในปี 2543 จากนั้นเป็นรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ในช่วงปี 2543-2547 และเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ชตั้งแต่ปี 2551-2566 กระทั่งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 จังหวัดเพชรบูรณ์ ปี 2566
-
นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นายสันติ ปิยะทัต สำเร็จการศึกษาระดับ Master of Law (L.L.M International and Comparative Law) จาก Illinois Institute of Technology’s Chicago Kent College of Law, สหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิตจากทั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายสันติยังปรากฎชื่อเป็นทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ในคดีข้อพิพาทกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กรณีสัญญาจัดซื้อรถยนต์โดยสารปรับอากาศเอ็นจีวี 489 คัน ทั้งนี้ เมื่อปี 67 ศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสินให้บริษัท เบสท์รินกับบริษัทเอกชนอีก 3 แห่ง จ่ายเงินให้กับขสมก. ราว 520 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปีของต้นเงิน
นายสันติ เริ่มต้นเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ (KC) ผู้พัฒนาโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ และต่อมาได้ร่วมบริหารในฐานะผู้บริหาร บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI ที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน
ต่อมาบริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า นายสันติ ปิยะทัต ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการและประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงของบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568
-
จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ เกิดที่จังหวัดฉะเชิงเทรา สำเร็จการศึกษามหาบัณฑิตสาขาการบริหารงานยุติธรรมและสังคม มหาวิทยาลัยบูรพา เคยรับราชการสายสรรพาวุธทหารเรือ หลังจากนั้นได้ลาออก และลงสมัครสนามท้องถิ่นในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร อบต.บางผึ้งเมื่อปี 2544 ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น นายก อบต.บางผึ้ง จ.ฉะเชิงเทรา โดยชนะเลือกตั้งถึง 4 สมัย ต่อมาในปี 2563 ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.แปดริ้ว ในนามคณะก้าวหน้า แต่พ่ายแพ้ให้กับนายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ อดีตนายก อบจ. 3 สมัย โดยการเลือกตั้งนายก อบจ.แปดริ้ว นางสาวพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ไปช่วยหาเสียงด้วยตนเอง
ต่อมาในปี 2565 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนในปี 2566 ลงสมัคร สส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ และเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 มติคณะรัฐมนตรี รัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เห็นชอบแต่งตั้ง จ่าเอก ยศสิงห์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการ รมช.พาณิชย์ (นายสุชาติ ชมกลิ่น)
-
นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ เกิดวันที่ 19 พฤศจิกายน 2504 ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ระดับปริญญาโท คณะบริหารการป่าไม้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
นายศักดิ์ดา เริ่มต้นรับราชการกรมป่าไม้ โดยเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด และย้ายไปปฏิบัติงานหลายจังหวัด ต่อมาเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ 8 เป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 พิษณุโลก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จากนั้นปี 2554-2557 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดปัตตานี ก่อนจะมาเป็นผู้อำนวยการสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ขณะนั้นมีผลงานเคยเป็นผู้เข้าแจ้งความดำเนินคดีข้าราชการระดับสูง และนักการเมืองระดับประเทศ บุกรุกอุทยานเขื่อนศรีนครินทร์ บริเวณอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ปลูกบ้านริมเขื่อน 3 หลัง กระทั่งศาลฎีกาสั่งจำคุกจำเลยในที่สุด ซึ่งในเวลาต่อมาได้เป็นผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ และรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ขณะนั้นนายศักดิ์ดา นำทีมออกป้องกันและปราบปรามการบุกรุกป่าชายเลน จับกุมผู้บุกรุกจำนวนมาก และยึดคืนป่าชายเลนกลับมาฟื้นฟูได้มากถึง 3-4 หมื่นไร่
กระทั่งปี 2561 ถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จากนั้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 นายศักดิ์ดา เข้าดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยในช่วงปี 2563 นายศักดิ์ดาเคยออกมาเปิดเผยในวงประชุมวาระพิจารณางบประมาณแผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่ามีอนุกรรมาธิการบางคนโทรศัพท์เรียกเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณให้ และเกษียณอายุราชการเมื่อปี 2564
ต่อมา นายศักดิ์ดา เข้าสู่สนามการเมืองโดยลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.กาญจนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 4 ในนามพรรคเพื่อไทย เมื่อการเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 และได้รับการเลือกตั้งเป็น สส.สมัยแรก แต่ภายหลังพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมา 2 ปีเศษ และมีเหตุให้นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 คนของพรรคเพื่อไทย คือ นายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องพ้นไป จนต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 นั้น นายศักดิ์ดา ประกาศตัวนำ สส. รวม 8 คน สนับสนุน นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี หันหลังให้กับพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 โดยให้เหตุผลในตอนหนึ่งว่า
“ประชาชนที่เลือกผมมา ต่างฝากความหวังกับรัฐบาลที่ผมสังกัด แต่การแก้ปัญหาดังกล่าวล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ผมจึงต้องออกมาต่อสู้ เพื่อแก้ปัญหาและปกป้องประชาชนในพื้นที่ผม ผมขอรับผิดชอบในการตัดสินใจของผม หากในวันนี้การกระทำของผมทำให้ใครบางคนต้องผิดหวัง ผมก็น้อมรับแต่เพียงผู้เดียว” นายศักดิ์ดา กล่าว
จะเห็นว่ารัฐมนตรีหน้าใหม่ทั้ง 17 คน บางคนก็ไม่เคยทำงานในด้านการเมืองมาก่อน บางคนเคยเป็นนักธุรกิจ บางคนเป็นอดีตข้าราชการ บางคนเป็นลูกหลานหรือมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับนักการเมือง บางคนก็เคยเป็นสส.มาก่อน
ส่วนผลงานของ 'ครม.อนุทิน' จะเป็นอย่างไร จะสามารถแก้ปัญหาของประเทศภายใน 4 เดือนแล้วยุบสภาตามที่นายอนุทินเคยประกาศไว้หรือไม่ต้องติดตามกันต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา