
"...ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 – 2554 ได้มีการเบิกถอนเงินของกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ตำบลนาบ่อคำ ออกไปโดยที่ไม่มีการจัดทำโครงการของกองทุนฯ และไม่มีเอกสารฎีกาประกอบการเบิกจ่าย จำนวน 17 ครั้ง รวมเป็นเงิน 764,747 บาท โดยใบถอนเงินที่พบ บางฉบับเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 – 3 ทุกราย บางฉบับเป็นลายมือชื่อของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 – 3 เพียงรายเดียว และบางฉบับเป็นลายมือชื่อปลอมของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 – 3 ทุกราย โดยเงินที่เบิกถอนมาผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 เป็นผู้รับไว้เพียงผู้เดียว และไม่มีการนำไปใช้จัดทำโครงการของกองทุนฯ แต่อย่างใด..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 นายสุพจน์ ศรีงามเมือง รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุตริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 6 ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 แถลงข่าว“ผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 6" ณ ห้องประชุมสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพิษณุโลก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – 24 กันยายน 2568 มีผลการดำเนินงานด้านปราบปรามการทุจริตที่สำคัญ 4 คดีสำคัญ ได้แก่
เรื่องที่ 1
กรณีกล่าวหา นายฤทธิ์รงค์ เปรมศรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาบ่อคำ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กับพวก ร่วมกันเบียดบังเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ตำบลนาบ่อคำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 – 2554 เป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต โดยในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 – 2554 ได้มีการเบิกถอนเงินของกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ตำบลนาบ่อคำ ออกไปโดยที่ไม่มีการจัดทำโครงการของกองทุนฯ และไม่มีเอกสารฎีกาประกอบการเบิกจ่าย จำนวน 17 ครั้ง รวมเป็นเงิน 764,747 บาท โดยใบถอนเงินที่พบ บางฉบับเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 – 3 ทุกราย บางฉบับเป็นลายมือชื่อของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 – 3 เพียงรายเดียว และบางฉบับเป็นลายมือชื่อปลอมของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 – 3 ทุกราย โดยเงินที่เบิกถอนมาผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 เป็นผู้รับไว้เพียงผู้เดียว และไม่มีการนำไปใช้จัดทำโครงการของกองทุนฯ แต่อย่างใด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้
(1) การกระทำของ นายฤทธิ์รงค์ เปรมศรี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และนายนิคม สีไสย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
(2) การกระทำของ นางสาวเนียรนิภา ทินปาน หรืออัดถะวิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบัน มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดกำแพงเพชร เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสอง ข้อ 6 วรรคสอง และข้อ 19 วรรคสอง
เรื่องที่ 2
กรณีกล่าวหา นางธัญธัต หรือสุกัญญา ปิยะกาโส หรือนางสาวธัญธัต ธรรมดา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานธุรกิจสาขา 7 ธนาคารออมสิน สาขาสวรรค์วิถี ธนาคารออมสินเขตนครสวรรค์ ธนาคารออมสินภาค 6 อาศัยอำนาจหน้าที่ของตนจัดทำเอกสารการถอนเงินให้พนักงานเทลเลอร์ทำรายการถอนเงินฝากในบัญชีสมาชิกกองทุนหมู่บ้านแต่ละกองทุน แล้วให้พนักงานเทลเลอร์นำไปชำระหนี้ให้กับกองทุนหมู่บ้านอื่น และได้นำเงินของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านบางส่วนไปฝากเข้าบัญชีของตน รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 2,805,500 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ว่า การกระทำของ นางธัญธัต หรือสุกัญญา ปิยะกาโส หรือนางสาวธัญธัต ธรรมดา ผู้ถูกกล่าวหา มีความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ 353 ว่าด้วยวินัยของพนักงานธนาคารออมสิน ข้อ 6 และข้อ 8
เรื่องที่ 3
กรณีกล่าวหา นายดำรง นพรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหนองฉาง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ร่ำรวยผิดปกติ โดยผู้ถูกกล่าวหามีรายการความเคลื่อนไหวในบัญชีเงินฝากกระแสรายวันธนาคารกสิกรไทย สาขาหนองฉาง ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม 2554 - วันที่ 24 พฤษภาคม 2556 จำนวน 32 รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22,429,980 บาท และจากการตรวจสอบรายได้ของผู้ถูกกล่าวหาในรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งยื่นต่อกรมสรรพกร พบว่าปีภาษี 2554 มีรายได้ 385,000 บาท ปีภาษี 2555 มีรายได้ 403,161 บาท และปีภาษี 2556 มีรายได้ 427,200 บาท กรณีจึงปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหา มีรายได้ไม่สัมพันธ์กับรายการเงินฝากและไม่ปรากฏว่ารายการเงินฝากทั้ง 32 รายการดังกล่าว เป็นทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหา ได้มาอย่างไร หรือมีที่มาอย่างไร
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของ นายดำรง นพรัตน์ ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่
เรื่องที่ 4
กรณีกล่าวหา นายอัครเดช ทองใจสด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ กับพวก ร่วมกันปกปิดข่าวสารการประกวดราคา และสมยอมราคาการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ปีงบประมาณ 2553 จำนวน 5 โครงการ โดยในการดำเนินการประกาศจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง 5 โครงการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่ได้มีการลงประกาศเชิญชวนเผยแพร่ในเว็บไซต์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ และเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง (www.gprocurement.go.th) และมีการปลอมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการในโครงการทั้ง 5 โครงการ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0808.2/ว690 เรื่อง ซักซ้อมการจัดซื้อจัดจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 7 มีนาคม 2548 และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์การซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 13 มกราคม 2548 โดยการปกปิดข่าวการประกาศเชิญชวนในการดำเนินการจัดจ้างทั้ง 5 โครงการดังกล่าว มีเจตนาเพื่อมิให้ได้ผู้รับจ้างรายอื่นนอกเหนือจากผู้รับจ้างที่ได้มีการกำหนดไว้ และเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับจ้างที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์กำหนดไว้ให้เป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้
(1) การกระทำของ นายอัครเดช ทองใจสด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จากการไต่สวน ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
(2) การกระทำของ นางปิยนันท์ เฉลิมภาค ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางรัตนา ศรีวรอรรถานน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นางณัฐวรรณ ธรรมราช ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายลิขิต สิงหนาท ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นางนวรัตน์ แสนนอก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นางอมรรัตน์ ผดุงนึก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 นางสาวกัญญาวีร์ แซมสีม่วง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 นายประสิทธิ์ มาอ่อน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 นางวิไลพร ชะนะภักดิ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 นางสมคิด แก้วนิมิต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 นางวัชรีพร ทองเนื้อแปด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 17 นางศิริพร นกแก้ว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 18 นางชมพูนุท ฝั้นคำสาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19 นางกมลวรรณ นามวงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 21 และนายยุทธชัย คำตัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 22 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 161 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10 และมาตรา 12 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง
(3) การกระทำของ นางสาวณัฏฐ์ปวีร์ อนุวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 นายวิชัย ผดุงนึก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 นายพงศ์พล แสนนอก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10 มาตรา 12 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง
(4) การกระทำของ นายสงัด ปิ่นปกรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 23 นายสกลรัตน์ ขจรไพบูลย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 24 นายศิริชัย สุริยาวงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 25 นางสาวกัลยา ครองสิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 26 นายศักดิ์ชัย กลมกล่อม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 27 นายวีรพงษ์ ดำพิชิต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 28 นางสาวณัฏฐ์จีรา ทัศนศิริ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 29 นางสาวเบญจวรรณ อินทรานุกูล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 30 นายศราวุธ มีคะชา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 31 และนายธงชัย เอกอมรวุฒิชัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 32 มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
(5) การกระทำของ นายสุเทพ กันแต่ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 จากการไต่สวน ปรากฏว่า เป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถต่อสู้คดีได้ เพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรม ให้งดการไต่สวนและจำหน่ายคดีไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะสามารถต่อสู้คดีได้
(6) การกระทำของ นางสุนีรัตน์ ปุจฉาธรรม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 16 และนายไชยวัฒน์ จันละมุด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 20 ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ได้ถึงแก่ความตายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจดำเนินการไต่สวน เพื่อดำเนินคดีอาญา หรือดำเนินการทางวินัยต่อไปได้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 57 ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนหลังการชี้มูลความผิดคดีอาญาและวินัย คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีและส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่ต่อไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา